การลงสนามให้ ลิเวอร์พูล ชุดใหญ่ครั้งแรกของ จาเรลล์ ควอนซาห์ เกิดขึ้นในเกมนัดที่ 3 ของฤดูกาล วันที่ออกไปเยือน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
เขาถูกส่งลงแทน โฌแอล มาติป ตอนนาทีที่ 77 ในสถานการณ์ที่ ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายตามหลัง 0-1 และมีผู้เล่นน้อยกว่าหนึ่งคน
แต่สุดท้าย ดาร์วิน นูนเญซ ทำสองประตูพา ลิเวอร์พูล คว้าชัยได้แบบเหลือเชื่อ
"ผมเกิดความประหม่าประมาณ 5 นาที หลังจาก เฟอร์จิล โดนไล่ออก ผมอยู่ม้านั่งสำรองแล้วคิดว่า -ผมสามารถลงเล่นได้-"
"ตอนที่ผมกำลังวอร์ม และถูกเรียกให้ลงเล่น ผมรู้สึกว่าผมพร้อมแล้ว"
"ในสถานการณ์แบบนั้น บรรยากาศมันพาคุณไปเอง"
...
เจอร์เก้น คล็อปป์ เชื่อใจในตัว ควอนซาห์ และส่งเด็กคนนี้ลงเล่นตัวจริงในอีก 2 เกมถัดมา
เกมเจอ วูล์ฟส์ โจ โกเมซ ต้องไปเล่นแบ็กขวาแทน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ส่วน มาติป บาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า ขณะที่ อิบราฮิม่า โกนาเต้ เจอปัญหาเรื่องสภาพกล้ามเนื้อ
ความก้าวหน้าของเขาเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว
ผลงานบนสนามมีความนิ่งเกินวัย และเกมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ควอนซาห์ ก็สามารถบรรเทาความอันตรายของเหล่าแนวรุก "เรือใบสีฟ้า" ได้
"ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับความเชื่อใจที่ผู้จัดการทีมมีในตัวผม" ควอนซาห์ ระบุ
"ถ้ากุนซือคนไหนลังเลเกี่ยวกับการส่งคุณลงเล่น มันก็อาจจะทำให้คุณคิดกับตัวเองว่า -เขาคิดว่าฉันดีพอรึเปล่า ?- ก็ได้"
"อย่างไรก็ตาม เจอร์เก้น เชื่อมั่นในนักเตะดาวรุ่งหลายคน สิ่งที่สำคัญคือการมีความมั่นใจว่านักเตะดาวรุ่งจะทำผลงานได้ดี"
"เขาคอยจับตาดูเราทุกคน ขณะที่ผมพยายามจะทำความเข้าใจสไตล์การโค้ชทุกอย่างของเขา และซึมซับมันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนที่เขาจะบอกลาทีมในช่วงซัมเมอร์นี้"
ถ้าเกิด คล็อปป์ เป็นหนึ่งในอาจารย์ด้านฟุตบอลของ ควอนซาห์ แล้วล่ะก็ คุณครูอีกคนก็คือ ฟาน ไดค์
"เวลาอยู่ในสนาม เฟอร์จิล จะคุยกับคุณอยู่ตลอด" ควอนซาห์ เผย
"ในช่วงก่อนเกมเขาจะบอกคุณว่ากองหน้าของอีกฝ่ายเป็นนักเตะแบบไหน และคุณอาจจะต้องเจอกับอะไร, จุดเด่นของพวกเขาคืออะไร, พวกเขามักจะทำอะไรในสถานการณ์ต่าง ๆ"
"ในฐานะกัปตันทีม เขาทำได้ดีจนถือว่าตั้งมาตรฐานเอาไว้สูงมาก"
"เซนเตอร์แบ็กคนอื่น ๆ ช่วยผมในหลายแนวทางต่างกันไป อย่างเช่น อิบู (โกนาเต้) ที่เก่งกาจในเรื่องการเล่นเกมรับแบบดวลตัวต่อตัวกับคู่แข่ง ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้นมาก่อน"
"ขณะที่ โฌแอล ก็พาบอลขึ้นหน้าได้ดี, ทะลวงแนวได้เก่ง และผ่านบอลได้เหมาะสมอยู่เสมอ"
"สำหรับผมแล้วการได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ ถือเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว"
ตัว ควอนซาห์ เองถือเป็นนักเรียนที่ขยันด้วย
เขาใช้เวลาหลายชั่วโมงไปกับการศึกษาคลิปการเล่นของ เซร์คิโอ รามอส, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, เปาโล มัลดินี่ และ ฟาบิโอ คันนาวาโร่ ผ่านทาง ยูทูบ
"ผมชอบดูว่ากองหลังแต่ละคนเล่นเกมรับกันยังไง" เขาเผย
"ผมเป็นพวกที่ถนัดการศึกษาผ่านการดูคลิป ดังนั้น ผมเลยคอยดูอยู่เสมอว่าพวกเขารับมือกับแต่ละสถานการณ์ยังไง และพยายามนำมาใช้กับตัวเอง"
"ไม่ว่าผมจะดูคลิปของใครผมก็จะสามารถเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ค่อนข้างเร็วเลย"
...
ควอนซาห์ เป็นลูกคนเล็กสุดในพี่น้อง 4 คน เขาเติบโตที่ วอร์ริงตัน ซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่าง เมอร์ซี่ไซด์ กับ เกรทเทอร์ แมนเชสเตอร์ และเป็นที่ที่ชื่อเสียงกีฬารักบี้มีมากกว่าฟุตบอล
แล้วหลังได้รับการจับตาสมัยเล่นให้ทีมเด็ก วูลสตัน โรเวอร์ส สโมสรในบ้านเกิด ต่อมา ควอนซาห์ ก็ได้เข้าร่วมอะคาเดิมี่ ลิเวอร์พูล ตอนอายุ 5 ขวบ
"ผมเคยเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง และยิงได้ 6 ลูกในเกมเดียว มี จอห์น อัลค็อค แมวมอง ชมเกมอยู่ด้วย" ควอนซาห์ ย้อนความหลัง
"ผมได้รับเชิญให้เข้าร่วมเซสชั่นที่ศูนย์พัฒนาสโมสรใน วอร์ริงตัน เป็นเวลาสองสามครั้งต่อสัปดาห์"
"การได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพคือทุกอย่างที่ผมต้องการจะเป็น"
นักเรียน Locking Stumps Primary School อย่างเขา ไม่ได้รับข้อเสนออะไรมากมายนัก
เขาใช้เวลาอยู่กับสโมสรต่าง ๆ ทางตะวันตกเฉียงเหนือ เกาะอังกฤษ ก่อนจะเซ็นสัญญากับ ลิเวอร์พูล อย่างเป็นทางการในทีมยู-9
แต่ก็มีช่วงหนึ่งที่เจ้าหน้าที่อะคาเดมี่ กลัวจะเสีย ควอนซาห์ ไปให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
"ผมเคยเดินทางไปยังสโมสรต่าง ๆ (ในทางตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษ) เพื่อดูว่าแต่ละที่มันเป็นยังไง"
"ผมไปที่ ซิตี้, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, วีแกน, โบลตัน ฯลฯ ผมไปมาหมดแล้ว"
"ตอนนั้นผมสนใจแค่การเล่นฟุตบอลและสนุกกับสิ่งที่ผมทำ เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมได้เล่นฟุตบอลผมก็จะมีความสุขสุด ๆ"
"ขณะที่คุณพ่อกับคุณแม่ของผมท่านมองว่ามันคงจะดีกว่าถ้าเรามีตัวเลือกมากกว่านี้"
"ผมจำได้ว่าช่วงนั้น ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่จัดการซ้อมได้ดีที่สุด การซ้อมกับที่นั่นเป็นช่วงที่ทำให้ผมรู้สึกสนุกกับการเล่นฟุตบอลของตัวเองมากที่สุด"
"ดังนั้นผมเลยเลือกที่จะอยู่กับทีม"
...
ตอนที่ ควอนซาห์ ได้ลงเล่นเซ็นเตอร์แบ็กครั้งแรกนั้น มันเกิดขึ้นตอนช่วงทัวร์นาเมนต์ ยู-9 ที่ น็องต์ส ประเทศฝรั่งเศส
"เรากำลังเจอปัญหาตอนรอบรองชนะเลิศ แล้วโค้ชก็บอกประมาณว่า -จาเรลล์ ถอยลงต่ำอีก แล้วช่วยเราสร้างเกมจากแดนหลัง-"
"ซึ่งผมไม่มีปัญหาเลย ผมเป็นพวกเล่นกับบอลได้ดีอยู่เสมอและมีความสามารถในการเลี้ยงบอลในระดับหนึ่งด้วย"
"จากวันนั้นเป็นต้นมาผมก็ไม่ได้ลงเล่นในตำแหน่งอื่นเลย นอกจากจะการเคยโดนจับไปเป็นแบ็กขวานิด ๆ หน่อย ๆ"
ตอนนั้น ควอนซาห์ อยู่รุ่นเดียวกับ คอเนอร์ แบรดลี่ย์ ซึ่งตอนนี้ติดทีมชุดใหญ่เช่นเดียวกับเขา รวมไปถึง ไทเลอร์ มอร์ตัน, บิลลี่ คูเมติโอ และ เลย์ตัน สจ๊วร์ต
เขาเคยเป็นกัปตันทีมให้ ลิเวอร์พูล รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี จนพาทีมไปถึงรอบชิงชนะเลิศในศึก เอฟเอ ยูธ คัพ เมื่อปี 2021 ได้
ซึ่งบรรดาสตาฟฟ์ในระดับอะคาเดมี่ก็ประทับใจมาก ๆ ที่เขาตอบรับภาระที่ยิ่งใหญ่ขึ้นได้เป็นอย่างดี
"ที่จริงผมอาจจะเป็นคนที่ขี้อายมากที่สุดในกลุ่มนักเตะรุ่นเดียวกันด้วยซ้ำ ดังนั้นผมเลยไม่ได้มีความเป็นผู้นำติดตัวมาตั้งแต่แรก|" ควอนซาห์ ระบุ
"ผมไม่ใช่พวกที่ชอบพูดอะไรมากนักเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว! ผมเป็นพวกปล่อยตัวไปตามสบาย เหล่าโค้ชเองก็บอกกับผมอยู่เสมอว่าผมจำเป็นต้องพูดมากกว่านี้ตอนอยู่ในสนาม"
"ผมจำเป็นต้องฝืนตัวเองให้พูดมากขึ้นนิดหน่อยในตอนที่ได้เป็นกัปตันทีมขอองรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปีกับ 18 ปี ผมจำเป็นต้องพยายามเป็นแบบอย่างที่ดีในสนามให้มากขึ้น และช่วยคนต่าง ๆ ให้มากที่สุดเท่าที่ผมพอจะทำได้"
...
ครอบครัวและฟุตบอลมีความหมายสำหรับ ควอนซาห์ เอามาก ๆ จนเป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเขา
ซามูเอล คุณปู่ของเขาเคยเล่นให้ กานา ก่อนจะมาเริ่้มต้นชีวิตใหม่ที่ อังกฤษ ในช่วงปลายทศวรรษ 1950
คุณปู่ คอวนซาห์ เคยไปทดสอบฝีเท้ากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนจะเล่นให้ สตาลี่บริดจ์ เซลติก และ ดรอยส์เดน ซึ่งถ้าเทียบไปแล้วก็เป็นทีมในระดับนอกลีก
คีแนน พี่ชายวัย 26 ปี เริ่มการเป็นนักเตะอาชีพกับ แอคคริงตัน สแตนลี่ย์ แต่ไม่สามารถสอดแทรกขึ้นไปสู่ทีมชุดใหญ่กับที่นั่นได้
ตอนนี้เขาไปเล่นเป็นฟูลแบ็กให้ เซาธ์พอร์ท ทีมในย่านเมอร์ซี่ย์ไซด์ที่โลดแล่นอยู่ในศึก เนชันแนล ลีก นอร์ธ เทียบเท่ากับลีกระดับ 6 อังกฤษ และ ควอนซาห์ มักแวะไปดูพี่ชายเล่นที่นั่นอยู่บ่อย ๆ
"ก่อนหน้านี้ผมไปที่นั่นตลอด แต่แน่นอนว่าฤดูกาลนี้มันทำแบบนั้นได้ยากขึ้น ผมชอบดูเขาเล่นนะ"
"ตอนที่เขาได้สัญญาแบบนักเตะอาชีพน่ะผมมีอายุราว 11 ปีได้มั้ง สมัยก่อนเวลาไปดูเขาเล่นในทุกวันเสาร์น่ะผมก็คิดเลยว่า -ใช่ นี่แหละอาชีพที่ฉันอยากทำ เป็นอาชีพที่เจ๋งสุดๆ!-"
"ถ้าพิจารณาถึงทุกอย่างที่เขาต้องเจอแล้วน่ะก็ต้องบอกว่า คีแนน มีการเดินทางที่ค่อนข้างน่าสนใจเหมือนกัน"
"เขาเคยมีช่วงเวลาที่ดีในตอนได้เป็นนักเตะอาชีพ แต่แล้วจากนั้นก็ทำได้เพียงนั่งเป็นตัวสำรอง, ไม่ได้รับโอกาสลงสนาม, ต้องหล่นไปเล่นกับทีมระดับเยาวชน แล้วจากนั้นก็ต้องเจอกับช่วงเวลาที่น่าเบื่อ"
"ช่วงหนึ่งเขาคิดที่จะเลิกเล่นฟุตบอลด้วยซ้ำ แต่หลังได้เห็นความมุ่งมั่นของเขาแล้วน่ะมันก็เป็นสิ่งที่ช่วยผมได้เป็นอย่างมาก มันทำให้คุณเป็นพวกที่ใจเย็นและมองเรื่องต่างๆ แบบสมเหตุสมผล"
"ด้วยความที่รู้ว่าเรื่องแบบเขามันสามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้มันช่วยทำให้ผมตื่นตัวอยู่ตลอด เขาอาจจะเป็นคนที่ช่วยผมได้มากกว่าใครด้วยซ้ำ"
สำหรับพี่น้องคนอื่น ๆ ของเขา นับว่าให้ความสนใจในคนละทางเลย
มาร์ลี่ย์ พี่ชายอีกคนเป็นนักดนตรี ส่วน อลิยาห์ พี่สาวากำลังเรียนระดับปรัชญาดุษฎีบัณฑิตอยู่
"พวกเขาต่างจากผมอย่างมากก็จริง แต่เราทุกคนก็สนิทกันมากๆ" จาเรลล์ เสริม
...
ตอนที่ย้ายไปเล่นให้ บริสตอล โรเวอร์ส ทีมในลีกระดับ 3 ด้วยสัญญายืมตัวในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลก่อน เขาเก็บข้าวของออกจากบ้านของครอบครัวในย่านวอร์ริงตัน อาศัยอยู่ในอพาร์ทเเมนท์ที่เมืองแมนเชสเเตอร์ ซึ่ง ควอนซาห์ บอกว่าการได้ลงเล่นให้ทีมใน ลีก วัน เป็นจำนวน 16 นัดในครั้งนั้นถือเป็นตัวช่วยที่ยอดเยี่ยมสำหรับเขาในการกลับไปยัง ลิเวอร์พูล แล้วทำให้ตัวเองสอดแทรกไปอยู่ในทีมของ คล็อปป์ ในซีซั่นนี้
"เกมแรกของผมน่ะเราแพ้ 1-5 (นัดเยือน มอร์แคมบ์) แต่ถือว่าผมเล่นได้ดีแม้ว่าสกอร์จะเป็นแบบนั้นก็ตาม" เขาเผย
"การเล่น 90 นาทีในเกมนั้นมันช่วยให้ผมได้เรียนรู้เรื่องต่างๆ มากกว่าชีวิตในช่วง 2 ฤดูกาลก่อนหน้านั้นซะอีก"
"มันเป็นการเปิดโลกให้กับผม ผมเป็นหนี้บุญคุณผู้จัดการทีม (โจอี้ บาร์ตัน) ที่เชื่อมั่นในตัวผมและส่งผมลงเล่นทุกเกม ผมได้ดวลกับกองหน้าหลายต่อหลายคนที่มีสไตล์ต่างกันไป"
"ตอนนั้นแผงแบ็กโฟร์ของเราถือว่ามีอายุน้อย และหลายทีมก็ใช้วิธีโยนบอลยาวใส่เราเพราะคิดว่านั่นเป็นวิธีที่จะเล่นงานเราได้ ตอนนั้นผมต้องพยายามเอาชนะการดวลกลางอากาศให้ได้และโดนอัดนิด ๆ ด้วย"
"มีบางครั้งที่ผมคิดกับตัวเองว่า -ฉันยังห่างชั้นจากการเป็นนักเตะที่ดีอีกเยอะ- ตอนเล่นในระดับอะคาเดมี่น่ะผมเล่นแบบสบาย ๆ"
"ผมไม่เคยเจองานหนักในด้านการใช้พละกำลังทางร่างกายเเลย ผมเล่นแบบชิลล์ ๆ และไม่เจอปัญหาอะไร แต่แล้วจู่ ๆ ผมก็ถูกโยนให้เจอกับบรรยากาศที่ต่างไปคนละโลก"
"มันเป็นเหมือนการทำให้ผมตาสว่าง แต่มันก็ถือเป็นเรื่องดีต่อตัวผมน่ะนะ"
"หลังจากได้พักช่วงซัมเมอร์ไปแล้วผมก็กลับมาในสภาพที่ดีที่สุด ผมทุ่มเทสุดตัวและได้รับโอกาสลงเล่นนิดหน่อยตอนไปทัวร์ที่ สิงคโปร์ พอช่วงปรี-ซีซั่นผ่านไปสักพักผมก็เข้ากับทีมได้มากขึ้น"
"คุณไม่มีวันที่จะโดนส่งตัวไปเล่นกับที่ไหนหรอกถ้ามันดูเหมือนว่าคุณจะไปกับทีมได้"
...
ฤดูกาลนี้ ควอนซาห์ มาไกลมาก ๆ และเขาช่วยให้ ลิเวอร์พูล ประหยัดเงินในช่วงตลาดได้เยอะตามไปด้วย แถมยังมีโอกาสเจอกับช่วงเวลาที่ดีกว่านี้ได้ด้วยซ้ำ หลังจากตอนนี้ ลิเวอร์พูล กำลังมีลุ้นคว้าแชมป์ 4 รายการในซีซั่นเดียวได้เป็นครั้งแรก เพราะยังเหลือแชมป์ พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และ ยูโรปา ลีก ให้ลุ้นอยู่
ไม่ว่าในช่วง 2 เดือนหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ควอนซาห์ เองไม่ได้รีบร้อนที่จะย้ายออกจากทีมแต่อย่างใด
"ผมกำลังเล่นให้หนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก"
"ผมอยู่ที่นี่มา 16 ปีแล้ว ดังนั้นทำไมถึงไม่อยู่ให้นานถึง 25 หรือ 30 ปีไปเลยล่ะ?"
"นั่นเป็นความฝันของผม"
HOSSALONSO