เบื้องหลังยุคทองเยาวชน ลิเวอร์พูล

รอบชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ 2024 จบลงด้วยการที่ ลิเวอร์พูล ได้ชูโทรฟี่ โดยมีนักฟุตบอลจากสถาบันลูกหนังสโมสรลงเล่นมากหน้าหลายตา

จาเรลล์ ควอนซาห์ กับ เจย์เดน แดนน์ส อยู่กับทีมตั้งแต่อายุ 8 ขวบ

บ็อบบี้ คล้าร์ก, คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ และ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ มาตอนอายุเท่ากันคือ 16 

ขณะที่ เจมส์ แม็คคอนเนลล์ โยกจาก ซันเดอร์แลนด์ ตอนอายุ 15

หรือกระทั่งคนที่ไม่ได้ถูกใช้งาน แต่มีชื่อสำรองอย่าง ลูอิส คูมาส และ เทรย์ นีโยนี่ ที่ร่วมชายคาตอน 11 และ 16 ปีตามลำดับ

ไม่เพียงเท่านั้น ไหนยังมี สเตฟาน บายเซติช ที่แจ้งเกิดไปก่อนหน้า รวมถึง เบน โด๊ค ที่เฝ้ารอฟื้นฟูร่างกายหลังผ่านการผ่าตัด

บรรดาเด็กเหล่านี้มีพรสวรรค์ที่ผ่านการทดสอบจาก อะคาเดมี่ มาแล้วระดับหนึ่ง

แต่กว่าจะมายังจุดนี้ได้นั้น พวกเขาจำเป็นต้องมีคนที่คอยกำกับดูแล

อเล็กซ์ อิงเกิลธอร์ป ผู้อำนวยการอะคาเดมี่ประจำสโมสรคือคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบ

เขาได้พูดคุยกับ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ผ่านแพลตฟอร์มเว็บไซต์ เทเลกราฟ โดยย้ำถึงคุณสมบัติสำคัญที่ถือเป็นคำตอบได้ดีว่า 

-ทำไมยุคทองการพัฒนาเยาวชนถึงกำลังมีส่วนช่วยให้ ลิเวอร์พูล มีลุ้นแชมป์ทุกรายการในฤดูกาลนี้-

"บุคลิก"

"สิ่งที่ทำให้ผมภูมิใจมากเป็นพิเศษก็คือตลอดช่วงที่ เจอร์เก้น อยู่กับทีม ไม่มีใครเลยที่ล้มเหลวด้วยสาเหตุที่มาจากเรื่องบุคลิก"

ครับ เขาตอบแบบนั้น แต่ดูเหมือนว่า คาร์ร่า อยากให้ชัดเจนมากขึ้นกว่านี้จึงขอให้ อิงเกิลธอร์ป ช่วยขยายความเพิ่มเติม

"ที่นี่คุณต้องทำงานหนักแบบระดับ 10 ปี เพื่อที่จะได้รับโอกาสให้โชว์ฝีเท้าต่อหน้ากุนซือทีมชุดใหญ่"

"ถ้าคุณไม่สามารถทำให้กุนซือถูกใจได้แล้ว มันก็ควรจะมาจากการที่คุณไม่สามารถโชว์ฟอร์มที่เหมาะสมกับเรื่องในสนามได้"

"ถือเป็นเรื่องเห็นแก่ตัวมากนะ ถ้าคุณล้มเหลวด้วยสาเหตุที่มาจากการตัดสินใจแย่ ๆ เกี่ยวกับรถที่คุณขับ, นาฬิกาข้อมือที่คุณสวม หรือรองเท้าที่คุณใส่"

"เจอร์เก้น ให้ความสำคัญกับทุกเรื่องเลย"

"ถ้าเกิดมีเด็กคนไหนมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่โดยสวมนาฬิกาข้อมือราคาระดับ 10,000 ปอนด์มาด้วยล่ะก็ เขาจะเข้าไปคุยด้วย"

"บรรดานักเตะระดับซีเนียร์ก็จะทำแบบนั้นเช่นกัน คุณคิดว่าบทสรุปจากการทำแบบนั้นจะเป็นยังไงล่ะ ?"

คาร์ราเกอร์ ที่เคยผ่านประสบการณ์ อะคาเดมี่ ลิเวอร์พูล ยุค 90 ตอบกลับไปว่า 

"หากบรรดานักเตะระดับซีเนียร์คิดว่าคุณมีโอกาสที่จะไปรุ่งแล้วล่ะก็ สิ่งแรกที่พวกเขาจะทำก็คืออัดคุณให้หนักในสนามซ้อมเพื่อสั่งสอนคุณซะ!"

อังเกิลธอร์ป พยักหน้า เหมือนสื่อว่า นั่นคือคำตอบที่ถูกต้อง

...

ที่ ลิเวอร์พูล การทดสอบบุคลิกแบบนี้ เป็นยิ่งกว่าคำแนะนำ 

อิงเกิลธอร์ป บอกต่อว่า ภายใต้การคุมเด็กเยาวชนของเขาซึ่งเข้าสู่ปีที่ 10 บรรดานักเตะระดับอะคาเดมี่จะมีเพดานค่าเหนื่อยต่อปีสูงสุดที่ 50,000 ปอนด์

ใช่ ต่อให้ใครเก่งมากแค่ไหนก็ได้รับเงินไม่เกินจำนวนนั้น 

และยังมีเงื่อนไขอีกอย่าง นั่นก็คือ เรื่องรถยนต์

นักเตะเยาวชนต้องขับรถที่มีเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,300 ซีซี

ถามว่าทำไมต้องเป็นแบบนั้นกันล่ะ ?!

เหตุผลของ อิงเกิลธอร์ป ก็คือ เพราะการขับรถเครื่องแรง ๆ ถือเป็นอันตราย และเร็วเกินไปสำหรับพวกเขา

"สิ่งที่สำคัญเหมือนกับเรื่องอื่น ๆ ก็คือเรื่องของความปลอดภัย"

"ผมไม่อยากให้เด็ก ๆ ที่เพิ่งผ่านการทดสอบไปขับรถที่มีเครื่องยนต์แรง ๆ แต่ผมก็เบื่อเหมือนกันที่ต้องเห็นรถ Range Rovers จอดกันเต็มลานจอดรถ"

"ถ้ามีใครขับรถแบบนั้นมาล่ะก็ พวกเขาต้องไปจอดที่อื่นซะ"

"เรามีโครงสร้างเรื่องค่าเหนื่อยที่ค่อนข้างเป็นแบบยุคก่อน เราให้งานพวกเขาทำ พวกเขาต้องส่งโทรศัพท์มือถือมาเก็บไว้กับเราตอน 8 โมงครึ่ง แล้วเราจะคืนให้พวกเขาตอนจะกลับบ้าน"

"คุณเอง (บอกกับ คาร์ราเกอร์) ก็เคยเป็นนักเตะระดับซีเนียร์มาก่อน คุณรู้ดีว่าบรรยากาศมันเป็นยังไงตอนที่นักเตะเยาวชนเข้ามาอยู่ในห้องแต่งตัว"

"คุณอยากได้รับความเคารพจากเส้นทางของตัวเอง แต่อันดับแรก คุณต้องทำให้ตัวเองคู่ควรกับโอกาสที่เข้ามาหาคุณก่อน แล้วหลังจากนั้นเรื่องอื่น ๆ ก็จะออกมาดีเอง"

"การจะไปถึงจุดนั้นได้ คุณจำเป็นต้องทำให้ได้ผ่านทางการเล่นในสนาม"

...

ที่ศูนย์พัฒนาเยาวชน เคิร์คบี้ มีภาพถ่ายตรงผนัง 

มันเป็นรูปผู้เล่น  7 คนที่เติบโตจากการปลุกปั้นของสโมสรที่ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่แบบเต็มตัว

คนในภาพประกอบไปด้วย สตีฟ แม็คมานามาน, คาร์ราเกอร์, โดมินิค มัตเตโอ, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ไมเคิ่ล โอเว่น, เดวิด ธอมป์สัน และ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์

โดย คาร์ร่า ได้ข่าววงใน แล้วบอกว่า สโมสรอยากทำภาพแบบเดียวกันให้กับรุ่น 2020 

ซึ่งคนที่โดดเด่นกว่าใครในชุดนี้คือ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เคอร์ติส โจนส์, ควีวิน เคลเลเฮอร์, จาเรลล์ ควอนซาห์ และ คอเนอร์ แบรดลี่ย์

HOSSALONSO