หลังจาก ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ได้สำเร็จในนัดชิงชนะเลิศถ้วย คาราบาวคัพ นักเตะดาวรุ่งของ หงส์แดง ต่างก็ได้รับการสรรเสริญโดยถ้วนหน้าเนื่องจากสตาร์อนาคตไกลล้วนมีอายุไม่ถึง 22 ปี
ไม่ว่าจะเป็น คอเนอร์ แบรดลีย์ , บ๊อบบี้ คลาร์ก , เจย์เด็น แดนน์ส , เจมส์ แม็คคอนเนลล์ และ จาเรลล์ ควานซาห์ ซึ่งผงาดขึ้นมาเป็นอะไหล่ชั้นยอดให้กับทีมชุดใหญ่ และสร้างความภาคภูมิใจให้กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันเป็นอันมาก
ฉะนั้นแล้วในวันนี้เราจึงสมควรทำความรู้จักกับห้านักเตะหนุ่มของ หงส์แดง ให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
- บ๊อบบี้ คลาร์ก , 19 ปี , มิดฟิลด์
คลาร์ก เป็นลูกชายของ ลี คลาร์ก อดีตปีกใน พรีเมียร์ลีก ที่เคยค้าแข้งกับ นิวคาสเซิ่ล , ซันเดอร์แลนด์ และ ฟูแล่ม ยุค 1990-2000
เจ้าหนูวัย 19 ปีเริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนของ เบอร์มิ่งแฮม ระหว่างปี 2012-2014 เนื่องจากพ่อของเขาเป็นผู้จัดการทีมแล้วหันไปร่วมทีม นิวคาสเซิ่ล ก่อนย้ายสู่ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2021
ในฐานะตัวรุกสารพัดประโยชน์ คลาร์ก สามารถเล่นได้ในหลายตำแหน่งทั้งศูนย์หน้าและกองกลางโดยในซีซั่นแรกที่ลงสนามให้กับ หงส์แดง ชุดยู 18 ดาวเตะอิงลิชซัดประตูได้ 13 ลูก
กระทั่งเดือนส.ค.2023 เขาก็ได้ประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ในฐานะตัวสำรองเกมที่ทีมของ คล็อปป์ ไล่ถล่ม บอร์นมัธ 9-0 ก่อนมีส่วนร่วมในเกม พรีเมียร์ลีก ตามมาทั้งนัดฉะกับ เชลซี ,ลูตัน และ เบิร์นลีย์ รวมทั้งได้ลุกจากม้านั่งข้างสนามในเกม คาราบาวคัพ รอบตัดเชือกกับ ฟูแล่ม และเกม เอฟเอคัพ รอบสามนัดดวลกับ อาร์เซน่อล
ต่อความสำเร็จของลูกชาย คลาร์ก เผยว่า คล็อปป์ เชื่อมั่นในตัวเด็กหนุ่ม เขาจึงไม่ประหลาดใจเลยที่ทายาทของเขาได้ร่วมเล่นกับทีมชุดใหญ่
- คอเนอร์ แบรดลีย์ , 20 ปี , แบ็คขวา
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าถึงตอนนี้ แบรดลีย์ ได้รับการคาดหมายว่าจะคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งซีซั่น 2023/24 ของ ลิเวอร์พูล ไปครอบครองอย่างแน่นอน
หลังถูกส่งลงเล่นแทน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ที่ได้รับบาดเจ็บ แบรดลีย์ สามารถทดแทนรองกัปตันได้อย่างสบายไม่ว่าจะเป็นเกมรับ หรือว่าเกมรุกซึ่งเขาแสดงให้เห็นว่ามีผลงานแอสซิสต์ที่น่าประทับใจ
ฉะนั้นแล้ว จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าหาก อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ฟิตสมบูรณ์ คล็อปป์ น่าจะปวดหัวตึ้บต่อการตัดสินใจว่าจะส่งใครลงเล่นเป็นตัวจริงดี
จะอย่างไรก็ตาม แบรดลีย์ สร้างชื่อได้ทันควันนับตั้งแต่ได้รับโอกาสให้ประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ในเกม พรีเมียร์ลีก นัดคว่ำ บอร์นมัธ 4-0 เมื่อเดือนม.ค.ก่อนพังประตูแรกในทีมชุดใหญ่ได้แมตช์ถล่ม เชลซี 4-1 ซึ่งเขาได้รางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ก่อนพลาดเกมบู๊กับ อาร์เซน่อล และ เบิร์นลีย์ เนื่องจากคุณพ่อเสียชีวิตโดยถึงขณะนี้เขาผ่านการลงสนามไปแล้ว 12 นัด และมีผลงานยิงได้ 1 ประตูกับ 5 แอสซิสต์
กระทั่งในเกมชิงชนะเลิศ คาราบาวคัพ เขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงก่อนถูกเปลี่ยนออกช่วงท้ายครึ่งหลังซึ่งทำให้เขาเป็นนักเตะชาว ไอร์แลนด์เหนือ รายแรกที่ได้แชมป์รายการหลักกับ หงส์แดง ในรอบ 101 ปีต่อจาก เอลิชา สกอตต์ นายทวารผู้ล่วงลับไปแล้วซึ่งได้แชมป์ลีกสองปีซ้อนในช่วงต้นยุค 1920
- เจย์เด็น แดนน์ส , 18 ปี , กองหน้า
เป็นนักเตะท้องถิ่นขนานแท้อีกรายเช่นเดียวกับ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ และ เคอร์ติส โจนส์ เข้ามาอยู่ในอะคาเดมี่ของ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่อายุ 8 ขวบก่อนได้ประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ในนัดพิชิต ลูตัน 4-1
เล่นได้ทั้งตำแหน่งกองกลาง และกองหน้า สร้างชื่อได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่เกมบู๊กับ เดอะ แฮตเตอร์ส จากการมีส่วนทำให้ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ยิงประตูได้ในชั่วพริบตาที่ถูกส่งลงสนาม แถมในเกมชิงชนะเลิศ คาราบาวคัพ ซึ่งเขาได้ลงบู๊ในนาทีที่ 87 แดนน์ส เกือบโขกพังประตูได้ด้วย แต่ถูก ยอร์เย เปโตรวิช นายทวาร เชลซี ปัดได้อย่างน่าเสียดาย
เป็นลูกชายของ นีล แดนน์ส อดีตกองกลางโดยหลังเกมที่ ลิเวอร์พูล ชนะ ลูตัน ร็อบ เอ็ดเวิร์ดส์ นายใหญ่ เดอะ แฮตเตอร์ส บอกกับ คล็อปป์ ว่า "ผมเคยเล่นร่วมทีมกับพ่อของเขา!"
- เจมส์ แม็คคอนเนลล์ , 19 ปี , มิดฟิลด์
แม็คคอนเนลล์ ย้ายมาจาก ซันเดอร์แลนด์ ในปี 2019 และได้ประเดิมสนามกับทีมชุดยู 18 ของ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2020 แม้จะเป็นสมาชิกทีมชุดยู 16 ก่อนจะรับบทกัปตันทีมชุดยู 21 ในซีซั่นนี้
จนในที่สุด แม็คคอนเนลล์ ก็ได้ประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ในเกมฟัดกับ เบรนท์ฟอร์ด , ตูลูส และ อูนิยง ชิลลัวส์ ก่อนได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกม เอฟเอคัพ รอบสี่นัดยำใหญ่ นอริช 5-2 แถมแอสซิสต์ประตูแรกของเกมได้ด้วย
แรกทีเดียวสวมบทเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกช่วงที่ย้ายมาอยู่กับ เร้ด แมชีน แต่ถึงตอนนี้ปรับมาเล่นเป็นนักเตะหมายเลข 6 แล้ว
- จาเรลล์ ควานซาห์ , 21 ปี , เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ
ควานซาห์ เข้ามาอยู่ในอะคาเดมี่ของ ลิเวอร์พูล ขณะมีอายุ 8 ขวบ และได้สวมบทกัปตันทีมชุดยู 18 ในเวลาต่อมา
หลังย้ายไปเล่นให้ บริสตอล โรเวอร์ส แบบยืมตัวเมื่อซีซั่นก่อน ควานซาห์ ได้ลงสนามเป็นตัวจริงให้กับทีมชุดใหญ่หลายนัดในซีซั่นนี้เนื่องจาก โฌแอล มาติป เจ็บยาวซึ่งทำให้เขาลงบู๊ไปแล้ว 20 นัดโดยในจำนวนนี้เป็นเกม คาราบาวคัพ ห้านัด