แมนฯ ยูไนเต็ด กลับคืนสู่ฟอร์มอันเลวร้ายแบบเต็มตัวจนได้เมื่อลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก ปะทะกับ ฟูแล่ม เมื่อวันเสาร์ที่ 24 ก.พ.ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด รังของตัวเองแท้ๆ แต่เผยธาตุแท้ให้เห็นแล้วว่าชัยชนะในหลายเกมหลังของพวกเขาเป็นเพียงภาพลวงตาเมื่อปราชัยให้กับ เจ้าสัวน้อย ไปด้วยสกอร์ 2-1 แม้ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เกือบแบ่งแต้มสำคัญให้เจ้าบ้านได้อยู่แล้วจากการซัดลูกตีเสมอให้ทีมในนาทีที่ 89 หลังจาก คาลวิน บาสซีย์ เข่นให้ทีมเมืองกรุงนำไปก่อนในนาทีที่ 65 แต่สุดท้ายในช่วงทดเวลานาทีที่ 97 อเล็กซ์ อิโวบี้ กลายมาเป็นฮีโร่กดประตูชัยให้ทีมเยือนบุกมาเฮฮาที่ โรงละครแห่งความฝัน
1. ฮือฮาผีใช้งานเจ้าหนู ฟอร์สัน
เอริค เทน ฮาก กุนซือทีม แมนฯ ยูไนเต็ด สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการส่ง โอมารี่ ฟอร์สัน ตัวรุกวัย 19 ปีลงเล่นเป็นตัวจริงให้กับสโมสรนัดแรกเสียบแทน ราสมุส ฮอยลุนด์ ดาวยิงทีมชาติ เดนมาร์ค ที่บาดเจ็บแทนที่จะส่ง อันโตนี่ ปีกทีมชาติ บราซิล เจ้าของค่าตัว 80 ล้านปอนด์ลงสนาม ขณะที่ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ยังนั่งอยู่ในซุ้มตามเดิม
ก่อนหน้านี้ ฟอร์สัน เคยลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ ผีแดง มาแล้วสามนัดในฐานะตัวสำรองช่วงท้ายเกม เอฟเอคัพ รอบสามที่บุกไปคว่ำ วีแกน 2-0 เมื่อเดือนก่อน และรอบสี่ที่บุกไปอัด นิวพอร์ท 4-2 รวมถึงเกม พรีเมียร์ลีก นัดบุกไปเอาชนะ วูล์ฟส์ 4-3
รวมแล้ว เจ้าบ้านเปลี่ยนโผตัวจริงสองรายจากเกมลีกที่ออกไปพิชิต ลูตัน 2-1 โดย ลุค ชอว์ แบ็คซ้ายทีมชาติ อังกฤษ บาดเจ็บทำให้ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติ สวีเดน ต้องสวมบทแบ็คซ้ายจำเป็นอีกหน ขณะที่ ฮอยลุนด์ ถูกแทนที่โดย ฟอร์สัน
2. เจ้าสัวฟอร์มทรุดปรับทัพครึ่งทีม
ฟูแล่ม ซึ่งมีผลงานตกต่ำชนะแค่นัดเดียวจากแปดนัดหลังในทุกรายการเปลี่ยนนักเตะตัวจริงมากถึงหกรายจากเกมลีกที่แพ้ แอสตัน วิลล่า คาบ้าน 2-1
เกมนี้ทีมเยือนมีปัญหาขาด ชูเอา ปาลินญ่า ที่เริ่มต้นชดใช้โทษแบนสองนัดจากการสะสมใบเหลืองครบสิบใบ และ วิลเลี่ยน ที่บาดเจ็บ ทำให้กุนซือ มาร์โก ซิลวา เลือกใช้งาน คาลวิน บาสซีย์ กับ โทซิน อดาราบิโอโย่ แทนที่ อิสซ่า ดิย็อป กับ ทิม รีม ในแผงหลัง
สำหรับแดนกลาง แฮร์ริสัน รีด , แฮร์รี่ วิลสัน , อเล็กซ์ อิโวบี้ และ ซาซ่า ลูคิช ได้กลับมาออกสตาร์ตโดยที่ ทอม เคียร์นีย์ กับ บ๊อบบี้ เด คอร์โดวา รีด หล่นไปรับบทตัวสำรองเช่นเดียวกับ อาร์มานโด้ โบรย่า ศูนย์หน้าทีมชาติ แอลเบเนีย ที่ยืมมาจาก เชลซี และฟื้นจากอาการป่วยแล้ว
3. เจ้าถิ่นพกดวงลงสนาม
จนแล้วจนรอด แมนฯ ยูไนเต็ด ยังโชว์ลีลาการเล่นได้อย่างน่าผิดหวังต่อไปแม้นับตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ปี 2024 พวกเขาจะมีผลงานดีวันดีคืน แต่หากจะว่ากันถึงฟอร์มในสนามแล้ว บอกได้เลยว่าไม่น่าปลื้มเลยสักนิด
และไม่ต่างอะไรกับ 45 นาทีแรกแมตช์รับการมาเยือนของ ฟูแล่ม ซึ่งแม้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะได้เล่นในบ้านท่ามกลางเสียงเชียร์ของสวก แต่พวกเขากลับถูกทีมจากลอนดอนบุกเข้าใส่อย่างไม่เกรงใจ และสมควรนำหน้าไปก่อนหลายหนด้วยซ้ำแม้สกอร์จะจบลงที่ 0-0
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 25 นาทีแรกของเกมซึ่งน่าจะเป็นฟอร์มที่เลวร้ายที่สุดของ ผีแดง ในหลายนัดหลังเลยก็ว่าได้เนื่องจากพวกเขาไม่มีโอกาสสับไกเลยแม้แต่ครั้งเดียว ผิดกับ เจ้าสัวน้อย ที่ครองบอลได้มากกว่า และได้ยิงมากถึงห้าครั้งด้วยกัน หากแต่โชคยังเป็นใจช่วยให้เจ้าบ้านไม่เสียประตูจากทั้งลีลาการเซฟของ อ็องเดร โอนาน่า และเป็นนักเตะทีมเยือนเองด้วยที่จบสกอร์ได้แย่ทั้งๆที่โอกาสเปิดกว้าง
อย่างไรก็ดี ถัดจากนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มตอบโต้อาคันตุกะได้ดีขึ้นเป็นลำดับกระทั่งเกมในครึ่งแรกยุติลงแบบสุดสูสีเนื่องจากทีมของ เทน ฮาก กลับมาตีตื้นได้ดีจนครองบอลได้เท่ากับ ฟูแล่ม ที่ 50-50% แถมได้ยิงรวม 8 หนเท่ากับทีมเยือนด้วย แต่ส่งบอลเข้ากรอบได้น้อยกว่า 2-3 ครั้ง
4. อิโวบี้ ขุดหลุมฝังผีคาบ้าน
กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งหลัง รูปเกมไม่ต่างอะไรกับครึ่งแรกเนื่องจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ยังโชว์ฟอร์มกันไม่เป็นสับปะรด และโดน ฟูแล่ม บุกเข้าใส่อีกตามเคย เสียแต่ว่านักเตะของ ซิลวา ยิงนกตกปลาไม่เปลี่ยนก่อนที่จะมาได้ บาสซีย์ สับไกพาทีมออกนำในนาทีที่ 65 อันเป็นการเร่งปฏิกริยาให้ดาวเตะ ผีแดง จำเป็นต้องเดินเกมรุกหาประตูตีเสมอแบบหัวหมุนถึงขนาดที่ เทน ฮาก สั่งให้ แม็กไกวร์ ดันขึ้นสูงไปเล่นเกมรุกแบบเต็มตัวเนื่องจากเขาตัดสินใจให้ทีมเน้นวางบอลยาวเข้าเขตโทษโดยมีกองหลังทีมชาติ อังกฤษ เป็นจุดศูนย์กลางให้ใช้ลูกกลางอากาศเล่นงานนักเตะทีมเยือนอย่างหนัก
และในที่สุด แผนของกุนซือดัตช์ก็ได้ผลเมื่อ แม็กไกวร์ เข้าซ้ำลูกยิงจาก บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่ แบรนด์ เลโน่ ปัดออกมาในระยะเผาขนไม่เหลือ และดูเหมือนอย่างน้อยหากไม่อาจควานหาประตูชัยได้ เจ้าบ้านก็ไม่น่าจะแพ้คาบ้าน และน่าจะมีหนึ่งแต้มติดมือ
แต่ก็นั่นแหละ หลังจากมีเฮงติดต่อกันมาหลายเกม มาคราวนี้ ผีแดง เหมือนจะไม่มีโชคช่วยแล้วเมื่อโดนเกมโต้กลับของ เจ้าสัวน้อย เล่นงานโดยที่ อิโวบี้ ยิงประตูก่อนจบเกมอึดใจเดียวพิฆาต แมนฯ ยูไนเต็ด ตายสนิทคารังซึ่งแม้รวมแล้วในเวลา 90 นาที เร้ด เดวิลส์จะมีสถิติที่ดีกว่า แต่ถ้าจะวัดกันที่ฟอร์มในสนาม บอกได้เลยว่า ฟูแล่ม เล่นได้อย่างน่าประทับใจมากกว่าลิบลับ และสมควรเป็นผู้ชนะด้วยประการทั้งปวง
สำหรับสถิติหลังเกมที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด บ่งชี้ว่า ผีแดง ครองบอลได้มากกว่า 57:43% และได้ยิงประตู 21 ครั้งเข้ากรอบ 9 ครั้ง ขณะที่ทีมเยือนได้ส่อง 17ครั้งเข้ากรอบ 5 ครั้ง
5. โรงละครแห่งความฝัน (ของทีมเยือน)
หลังบุกมาคว้าชัยเหนือ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1 ฟูแล่ม ประสบความสำเร็จด้วยการเก็บสามแต้มเต็มที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้เป็นครั้งแรกของพวกเขานับตั้งแต่ปี 2003
นอกจากนี้ ความพ่ายแพ้ในเกมล่าสุดทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ปราชัยเกมลีกในซีซั่นนี้มากถึง 10 นัดเข้าไปแล้ว มากกว่าตลอดทั้งซีซั่นก่อนที่พวกเขาคว้าอันดับสามของตารางไปแล้วหนึ่งนัดซึ่งชี้ให้เห็นว่าพวกเขาไม่เหมาะที่จะได้สิทธิ์ลงเล่นเกม แชมเปี้ยนส์ลีก ในซีซั่นหน้า
และแปลกแต่จริงที่กลายเป็นว่าถึงตอนนี้ทีมของ เทน ฮาก เล่นนอกบ้านได้อย่างแข็งแกร่งจากการคว้าชัยได้หลายเกมต่อเนื่อง แต่เกมเหย้าของพวกเขากลับเป็นไปแบบดูไม่จืดโดยซีซั่นนี้พวกเขาแพ้ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในทุกรายการรวม 8 นัดเข้าไปแล้วซึ่งถือเป็นตัวเลขที่เลวร้ายที่สุดเทียบเท่ากับซีซั่น 2020/21 ที่พวกเขาแพ้คารัง 8 นัดเช่นกัน ขณะที่ซีซั่น 1973/74 ปีศาจแดง เคยปราชัยที่ โรงละครแห่งความฝัน มากกว่ารวม 9 นัด