คนที่จะมาแทนคล็อปป์..

คนที่จะมาแทนคล็อปป์..
เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาในระหว่างไลฟ์ Friday night Live ทางเพจตังกุย และยูทูบ "tangkui is ตังกุย" มีแฟนบอลลิเวอร์พูลจำนวนหนึ่งที่ยังแสดงความกังวลเรื่องอนาคตของทีมหลัง เยอร์เก้น คล็อปป์ อำลาตำแหน่ง

แน่นอนครับในทางหนึ่งชีวิตต้องเดินต่อไป ฤดูกาลสุดท้ายของคล็อปป์ยังคงต้องเชียร์กันให้สุด ไปให้ถึงที่สุด รอดูผลลัพธ์กันเมื่อจบซีซั่น

แต่ในอีกทางหนึ่ง แล้วชีวิตหลังจากนั้นเล่า จะมีใครดีเท่าเธออีกหรือ

ชีวิตหลังจากที่ คล็อปป์ อำลา.. สโมสรจะไปอย่างไรต่อ ลิเวอร์พูลจะแย่ไหม กุนซือคนใหม่จะไหวหรือเปล่า

ยังมีความกังวลแผ่ปกคลุม ใจหนึ่งก็ทำใจเตรียมเอาไว้แล้ว แต่อีกใจหนึ่งก็วิตกอย่างหนัก กลัวสโมสรจะไปเอาใครมาก็ไม่รู้..

เอาใครมาก็ไม่รู้.. อันที่จริงมันคงไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก

ความรักที่เดอะค็อปมีให้กับคล็อปป์ ความศรัทธาเชื่อมั่นที่พวกเขามีให้กับกุนซือชาวเยอรมันคือเรื่องที่ไม่มีคำถาม หลายคนเชื่อว่าลิเวอร์พูลลืมตาอ้าปากมีวันนี้ได้ก็เพราะเขา คนที่เข้ามาปลุกความง่วงเหงาเซื่องซึมให้ตื่นเต้นเร้าใจ ได้สนุกกับทุกๆ วันที่ต้องเผชิญ

ไม่ใช่เพียงผลการแข่งขันแต่ละสัปดาห์และเรื่องของฟุตบอลเท่านั้น แต่การที่คล็อปป์อยู่ตรงนั้นเสมอยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับแฟนบอลหลายคนในเรื่องมุมมองของชีวิต การทำงาน การบริหารเวลาส่วนตัว

แฟนบอลมากมายได้ทัศนคติดีๆ ด้านบวก ได้ตรรกะความเป็นเหตุเป็นผล ความสมเหตุสมผล ความจริงจังและรอบรู้ในสิ่งที่ทำจากเขา

สิ่งต่างๆ ที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นคล็อปป์นั่นแหละครับที่ทำให้เขาเป็นผู้จัดการทีมที่อยู่ในใจของแฟนบอลจริงๆ ชนิดที่ว่าอยากจะขอบคุณสวรรค์ที่ส่งเขาคนนี้ลงมาให้

อันที่จริงแล้ว การเข้ามาของคล็อปป์ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

มันไม่ใช่การเลือกชี้นิ้วจิ้มๆ เอาจากคนที่กำลังว่างงาน จะเป็นใครก็ได้ไม่สนใจ แต่มันล้วนมาจากการวิเคราะห์อย่างละเอียดรอบคอบที่สุด

วิเคราะห์ถึงแนวทางการทำงาน แนวความคิด ลักษณะเฉพาะตัวที่สามารถเข้ากับแนวทางนโยบายของสโมสรได้

เอฟเอสจี (FSG) มีแนวทางการบริหารงานที่ชัดเจน มีแนวทางการทำทีมฟุตบอลที่ชัดเจน ไม่ใช่จ่ายเงินเกินตัว ไม่ใช่พ่อบุญทุ่มแก้ปัญหาด้วยการซื้อเท่านั้น

ในขั้นต้นฝ่ายบริหารของสโมสรต้องมองหาคนที่มีแนวทางไปด้วยกันได้ในเรื่องนี้ก่อนเป็นอย่างแรก และสไตล์การทำงานของ คล็อปป์ ก็ตอบโจทย์ลงตัวพอดี

เขาทำงานกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่มีนโยบายเรื่องนักฟุตบอลชัดเจนเช่นเดียวกันและสามารถพาทีมเสือเหลืองก้าวขึ้นไปถึงตำแหน่งแชมป์บุนเดสลีกา 2 สมัย

ฤดูกาล 2014/15 ซึ่งเป็นฤดูกาลสุดท้ายของคล็อปป์กับดอร์ทมุนด์นั้นเลวร้าย ชนะแค่ 4 เกมในครึ่งซีซั่นแรกและอันดับดิ่งเหวลงไปอยู่ท้ายตาราง ต้องดิ้นรนสุดชีวิตก่อนจะปีนกลับขึ้นมาจบที่อันดับ 7

แต่การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียดโดย เอียน เกรแฮม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของลิเวอร์พูลยืนยันกับฝ่ายบริหารว่า สถิติทุกอย่างของการเล่นในสนามยังบ่งชี้ว่าดอร์ทมุนด์เป็นทีมที่ดีที่สุดรองจาก บาเยิร์น มิวนิค เพียงทีมเดียวและเป็นทีมที่โชคร้ายที่สุดเป็นอันดับสองในซีซั่นนั้น

ลิเวอร์พูลสนใจคล็อปป์และการทำงานของเขามานานแล้วเพราะสอดคล้องลงตัวไปด้วยกันกับนโยบายของสโมสร เมื่อประจวบเหมาะกับจังหวะที่เทรนเนอร์ชาวเยอรมันว่างงานพอดี ข้อเสนอจึงถูกส่งไปให้เขาพิจารณา

ลิเวอร์พูลเลือกคนที่จะดึงเข้ามาทำงานด้วยโดยอาศัยข้อมูลที่อ้างอิงได้จากการวิเคราะห์มาอย่างละเอียดมากกว่าการดูแค่ผลงานผิวเผิน เพราะไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่สนใจเทรนเนอร์ที่เพิ่งพาทีมหนีตกชั้นได้แบบต้องเหนื่อยสายตัวแทบขาดและถูกวิจารณ์อย่างหนักจากสื่อและแฟนบอลในบุนเดสลีกาหรอก

มันนำมาซึ่งการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สโมสร เพียงแต่ ณ เวลานั้นคงไม่มีใครกล้าคิดไปถึงว่า คล็อปป์ จะดีได้ขนาดนี้ ทุกอย่างที่เป็นเขาดูสมบูรณ์แบบน่าศรัทธาชื่นชมไปหมดจนเราสามารถพูดได้เต็มปากว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่เดอะค็อปภาคภูมิใจที่สุด

การกำลังจะสูญเสียเขาไปจึงเป็นเรื่องเข้าใจได้ถึงความโหยหาจากแฟนบอล เพราะมองไม่เห็นเลยว่าจะมีใครเหมาะสมหรือทดแทนความเป็น เยอร์เก้น คล็อปป์ ได้

ไม่มีใครแทนใครได้ร้อยเปอร์เซนต์อยู่แล้วครับ ไม่มีคนที่เหมือนกันทั้งหมดหรอก กระทั่งคนเป็นฝาแฝดกันยังมีนิสัยบางอย่างไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเดอะค็อปเตรียมตัวพบกับคนที่แตกต่างออกไปจากคล็อปป์ได้เลย ส่วนจะแตกต่างมากหรือน้อยนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

บางทีความแตกต่างนั้นยังอาจจะเลยเรื่องบุคลิกส่วนตัวไปถึงแนวทางการทำงาน การให้สัมภาษณ์ การรับมือกับสื่อ หรืออะไรต่ออะไรอีกมากมายด้วยซึ่งทั้งหมดนี้ต้องขึ้นอยู่กับกระบวนการสรรหาของสโมสรว่ากำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ามาใหม่ไว้อย่างไร

จะยึดคนที่ดูคล้ายกับ คล็อปป์ ที่สุดด้วยบุคลิกหรือด้วยแนวคิดด้านฟุตบอลหรือด้วยคุณสมบัติอื่นใด หรือจะเลือกแนวทางใหม่ จุดระเบิดไปสู่อนาคตด้วยพลังใหม่ๆ ไปเลย

เพราะในคำร่ำลาของคล็อปป์เองก็บอกชัด เขามีนักฟุตบอลที่ดีพร้อมรอไว้ให้กับผู้จัดการทีมคนใหม่แล้ว เป็นทีมที่น่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยพลังเหลือเฟือ เพียงแต่เขาในวันนี้หมดแรงที่จะผลักดันทีมชุดนี้ให้พุ่งทะยานไปอีกขั้นอย่างที่ศักยภาพของนักเตะกลุ่มนี้สามารถไปถึง

แฟนบอลลิเวอร์พูลอาจจะได้ผู้จัดการทีมคนใหม่เข้ามาโดยมีอะไรบางอย่างหรือหลายอย่างที่แตกต่างไปจากอดีตนายใหญ่ไมนซ์และโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ผู้เป็นที่รัก

แต่ที่แน่ๆ ขอให้แฟนบอลวางใจเถิดว่า มันจะเป็นการสรรหาอย่างละเอียดที่สุด รอบคอบที่สุด ได้คนที่ถูกต้องที่สุดตามเงื่อนไขน้อยใหญ่ต่างๆ ที่มี เหมือนคราวที่เลือก เยอร์เก้น คล็อปป์ นั่นแหละ

สโมสรจะเลือกคนที่ถูกต้องที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แน่ เพียงแต่หลังจากนั้นไปก็จะเป็นเรื่องของอนาคตแล้ว ไม่มีใครรู้อนาคต จึงไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าเขาคนนั้นจะพาทีมประสบความสำเร็จแน่นอน ด้วยมันยังมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องอีกมากมาย

เพราะลิเวอร์พูลเวลานี้ก้าวมาไกล ดำเนินกิจการอย่างมืออาชีพ มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาดูแลรับผิดชอบส่วนต่างๆ ให้เป็นไปในแนวทางที่ถูกต้องเหมาะสมและสอดคล้องกัน

การสรรหาจะมี วิลล์ สเปียร์แมน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและวิเคราะห์เป็นคนรับผิดชอบ รายงานตรงต่อ ไมค์ กอร์ดอน ประธาน FSG เหมือนที่ เอียน เกรแฮม ผู้อยู่ในตำแหน่งก่อนหน้าวิลล์เคยวิเคราะห์บุคลากรมากมายที่เดินเข้าสู่แอนฟิลด์ รวมทั้ง คล็อปป์ ที่เป็นหนึ่งในนั้น

การคัดสรรนั้นจะไม่มีทางทำอย่างลวกๆ เด็ดขาด แล้วมันก็จะไม่ใช่การเลือกอย่างร้อนรน รีบเร่ง หรือถูกเวลาบีบให้ต้องตัดสินใจด้วย เพราะคล็อปป์แจ้งกับสโมสรล่วงหน้าไว้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาแล้ว

--------------------

ในอดีตลิเวอร์พูลเคยพบกับประสบการณ์ลักษณะเดียวกันนี้มาแล้ว 2 ครั้ง นั่นคือคราวที่ บิลล์ แชงค์ลี่ย์ ลาออกจากตำแหน่งแบบฟ้าผ่ากลางห้องแถลงข่าวก่อนเข้าสู่ฤดูกาล 1974/75 และคราวที่ เคนนี่ ดัลกลิช ลาออกจากตำแหน่งกลางฤดูกาล 1990/91

ทั้งสองครั้งเป็นเรื่องช็อกวงการครั้งใหญ่ไม่แพ้คราวของคล็อปป์ในครั้งนี้เช่นกัน

และมันนำมาซึ่งผลลัพธ์แตกต่างกัน..

ท่ามกลางความกังวลแทบบ้าของเดอะค็อป ลิเวอร์พูลเลือก บ๊อบ เพสลี่ย์ เป็นตัวแทนของแชงค์ลี่ย์ ความสงสัยปกคลุมแอนฟิลด์ด้วยคุณูปการที่แชงค์ลี่ย์สร้างเอาไว้ที่แอนฟิลด์นั้นมหาศาล แต่ผลลัพธ์บั้นปลายกลับกลายเป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่ดีที่สุดอีกครั้งของสโมสร

ท่ามกลางความวุ่นวายใจของเดอะค็อปเช่นกัน ลิเวอร์พูลเลือก แกรม ซูเนสส์ มาสานต่องานของ ดัลกลิช ความสงสัยแผ่ซ่านเหมือนเดิมด้วยความรู้สึกเคว้งคว้าง และผลลัพธ์กลับตอกย้ำความกังวลนั้นด้วยการตกต่ำของทีมหงส์แดง

เราไม่รู้หรอกว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ลิเวอร์พูลเวลานี้ทำงานอย่างเป็นระบบ แตกต่างไปจากสมัยอดีตมาก มันไม่ใช่รูปแบบครอบครัวอีกแล้ว หากแต่มีทีมงานที่เชี่ยวชาญ มีตัวเลขสถิติ มีการทำวิจัยวิเคราะห์คุณสมบัติทุกๆ ด้าน ครอบคลุมทุกอย่างที่ควรจะครอบคลุม

ใครก็ตามที่ได้รับเลือกให้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่จะเป็นคนที่ถูกเลือกเฟ้นมาอย่างดีที่สุดแล้ว เป็นตัวเลือกที่ถูกต้องที่สุด ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลย เพราะกระทั่งนิสัยใจคอยังถูกนำมาพิจารณาว่ามีโอกาสเป็นปัญหาไหมถ้าต้องร่วมงานกัน

แฟนบอลลิเวอร์พูลจึงควรให้ความเชื่อมั่นในการทำงานของทีมงานสรรหา วิตกกังวลกันแค่พอควรเพราะหากมากเกินไปจนชีวิตไม่มีความสุขก็คงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ คล็อปป์เองก็คงไม่อยากให้เราเป็นอย่างนั้น

ปล่อยให้ทีมงานที่รับผิดชอบได้ทำหน้าที่ของตัวเอง แล้วมาลุ้นกันจริงๆ ก็ตอนที่คล็อปป์ส่งมอบงานต่อให้ผู้มาใหม่ ด้วยความหวังว่าเขาคนนั้นจะพาทีมของคล็อปป์ทีมนี้ต่อยอดไปได้ไกลกว่าเดิม..

ตังกุย


ที่มาของภาพ : getty images
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport