นูนเญซ กลับมาแล้ว, แลมพ์ส จะรอดอาถรรพ์ คล็อปป์ ไหม? 5 ข้อก่อนเกม ลิเวอร์พูล ดวล เอฟเวอร์ตัน

ลิเวอร์พูล ต้องทำศึกสำคัญในการเยือน เอฟเวอร์ตัน ที่สนามกูดิสัน พาร์ค ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์ที่ 3 กันยายนนี้ โดยเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ มีความหมายกับทั้งสองทีมอย่างมาก โดย "หงส์แดง" ต้องการชัยชนะเพื่อเรียกความมั่นใจในการลุ้นแชมป์ลีกฤดูกาลนี้ และต้องเตรียมความพร้อมสำหรับการลงสนามในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ในช่วงกลางสัปดาห์หน้า ขณะที่ เอฟเวอร์ตัน ต้องพยายามคว้าสามคะแนนแรกให้ได้ เพื่อทำอันดับหลุดจากพื้นที่ตกชั้น แต่อีกประเด็นที่น่าสนใจก็คืออนาคตของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เพราะถ้าหากเขานำทีมแพ้เกมนี้ มีสิทธิ์ที่ "แลมพ์ส" จะเป็นเหยื่ออีกรายของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ได้

1. นูนเญซ กลับมาแล้ว

 หลังจากขาดสติจนนำไปสู่การโดนใบแดงในเกมเสมอ คริสตัล พาเลซ ส่งผลให้ ดาร์วิน นูนเญซ ต้องโดนแบน 3 เกม ตอนนี้ได้เวลาที่ดาวยิงทีมชาติอุรุกวัยจะกลับมาลงสนามไล่ล่าตาข่ายให้กับทัพ "หงส์แดง" อีกครั้ง งานนี้สาวก "เดอะ ค็อป" คาดหวังว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ จะจัดชื่อของหัวหอกค่าตัวแพงสุดของสโมสรลงเล่นเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ ทันที ขณะที่นักเตะน่าจะได้ประสบการณ์จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา และทำให้เขาได้เรียนรู้จากเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เพราะในเกมเยือนถิ่นกูดิสัน พาร์ค บอกเลยว่า นูนเญซ ต้องเจอการยั่วยุและแรงกดดันมหาศาลจากทั้งในและนอกสนามมากกว่าเกมกับ "ดิ อีเกิ้ลส์" หลายเท่า ฉะนั้นเจ้าตัวคงรู้แล้วว่าพฤติกรรมอะไรก็ตามที่ส่งผลเสียต่อทีมจะต้องไม่ทำเด็ดขาด และต้องอดทนกับสิ่งเหล่านี้ให้ได้ ที่สำคัญการได้ นูนเญซ กลับมาช่วยทีม คงทำให้ คล็อปป์ สามารถปรับแผนการเล่นได้หลากหลายในการเข้าโจมตีคู่แข่ง ซึ่งแน่นอนว่าคงจะเน้นเกมรับเหนียวแน่น และรอจังหวะสวนกลับเหมือนที่ทุกๆ คนได้เห็นในช่วง 5 เกมลีกที่ผ่านมา 

2. โรเตชั่นต้อนรับฟุตบอลถ้วยยุโรป

 สำหรับสถานการณ์ผู้เล่นบาดเจ็บอย่างต่อเนื่องของ ลิเวอร์พูล ทำให้ คล็อปป์ จำเป็นต้องคิดให้รอบคอบในการส่งผู้เล่นลงสนามในแต่ละเกม ล่าสุด จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ก็เข้าไปอยู่ในลิสต์แข้งเดี้ยงอีกราย นั่นทำให้แดนกลางของ "หงส์แดง" ตอนนี้เหลือแข้งหลักเพียงแค่ ฟาบินโญ่ และ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ เท่านั้น ส่วน ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ แม้จะทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง แต่นายใหญ่ชาวเยอรมันคงยังไม่อยากให้งานเขาเป็นตัวจริงในเกมที่ค่อนข้างกดดันในวันเสาร์นี้ อย่างไรก็ตามข่าวดีก็คือ เคอร์ติส โจนส์ หายเจ็บ ส่วน ติอาโก้ อัลกันทาร่า ก็ใกล้จะกลับมาลงสนามอีกครั้ง แต่ที่น่าดีใจก็คือ ดีโอโก้ โชต้า กับ โฌแอล มาติป ตอนนี้ฟิตแล้ว และ คล็อปป์ อาจจะใส่ชื่อเขาอยู่ในทีมบุกถิ่นกูดิสัน พาร์ค ด้วย ฉะนั้นมีความเป็นไปได้ที่ คล็อปป์ อาจจะมีการใช้ระบบโรเตชั่นบางตำแหน่ง เนื่องจากในช่วงกลางสัปดาห์มีโปรแกรม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ต้องไปเยือน นาโปลี ด้วยเหตุนี้การเก็บความสดของนักเตะที่มีอยู่จึงมีความจำเป็นอย่างมาก 

3. เอฟเวอร์ตัน ดิ้นสุดชีวิตเพื่อความอยู่รอด

 ตอนนี้สถานการณ์ของ เอฟเวอร์ตัน ออกแนวลูกผีลูกคนสุดๆ เพราะพวกเขายังสะกดคำว่าชนะไม่ได้เลยตลอด 5 เกมที่ผ่านมา "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ทำได้แค่เสมอ 3 แพ้ 2 เกม ตกอยู่ในอันดับ 17 เข้าค่ายมีลุ้นตกชั้นเลยทีเดียว แม้หลายคนมองว่าเพิ่งจะต้นซีซั่นเท่านั้น แต่ดูจากฟอร์มการเล่นของทีมแล้ว งานนี้บอกเลยว่าอาการหนักแน่ แต่กระนั้นด้วยความที่นี่เป็นศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ แถมได้เล่นต่อหน้าแฟนบอลตัวเองในถิ่นกูดิสัน พาร์ค ฉะนั้นบรรยากาศของความเป็นคู่แค้นร่วมเมืองน่าจะทำให้ทีมของกุนซือแฟร้งค์ แลมพาร์ค ฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญการคว่ำ "หงส์แดง" เพื่อทำให้พวกเขาสูญเสียความมั่นใจในการเล่น และส่งผลกระทบต่อการลุ้นแชมป์ลีก เป็นแรงกระตุ้นที่สำคัญมากๆ ในการที่จะทำให้ เอฟเวอร์ตัน ระเบิดฟอร์มเทพออกมาในเกมนี้ 

4. ระวัง กอร์ดอน เอาไว้ให้ดีๆ

 นักเตะที่แนวรับ ลิเวอร์พูล ต้องระมัดระวังให้มากที่สุดก็คือ แอนโธนี่ กอร์ดอน แนวรุกดาวรุ่งที่ฟอร์มกำลังร้อนแรงสุดๆ และไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักเตะได้รับความสนใจจาก เชลซี โดยความรวดเร็ว และการยิงประตูที่เฉียบคมเป็นจุดเด่นของ ดาวเตะวัย 21 ปี ที่สำคัญหากนักเตะสามารถยิงประตูในแมตช์นี้ได้ นั่นจะทำให้เขากลายเป็นนักเตะของ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ที่อายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูในเกมพรีเมียร์ลีก 3 แมตช์ติดต่อกัน ต่อจาก โรเมลู ลูกากู ที่เคยทำได้ตอนอายุ 20 ปีในเดือนตุลาคม 2013 และจะเป็นผู้เล่นชาวอังกฤษที่อายุน้อยที่สุดของทีมต่อจาก ฟรานซิส เจฟเฟอร์ส ซึ่งทำได้ตอนอายุ 19 ปีในเดือนกันยายน 2000 อย่างไรก็ตาม "เดอะ เร้ดส์" มีข้อดีในการเยือนคู่อริร่วมเมืองก็คือพวกเขาไม่แพ้เกมลีก 11 แมตช์หลังสุด (ชนะ 3 เสมอ 8) นับตั้งแต่ที่พ่าย 0-2 เมื่อเดือนตุลาคม 2010 

5. เหยื่อรายที่ 7 ของ คล็อปป์ หรือเปล่า ?

 อนาคตของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ถือว่ายืนอยู่บนปากเหวแล้ว เพราะผลงานของทีมที่ย่ำแย่ในฤดูกาลนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่เขาอาจจะต้องโดนเฉดหัวออกจากตำแหน่งในเร็วๆ นี้ โดยเฉพาะหากเกิดแพ้ ลิเวอร์พูล ด้วยสกอร์ที่เลวร้ายหรือฟอร์มห่วยแตก มีสิทธิ์ที่ "แลมพ์ส" ต้องโบกมือลาตำแหน่งนายใหญ่ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" แต่ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ แลมพาร์ด ต้องด้วยกึ๋นกับ คล็อปป์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นกุนซือที่เฮี้ยนสุดๆ เพราะมีผู้จัดการทีม 6 คนก่อนหน้านี้เคยโดนปลดเพราะการแพ้ให้กับเขามาแล้ว ไม่เชื่อลองไปถาม ฟรานเชสโก้ กุยโดลิน, สลาเวน บิลิช, สลาวิซ่า โยคาโนวิช, โชเซ่ มูรินโญ่, มาร์โก ซิลวา และ สกอตต์ พาร์กเกอร์ ได้เลย แล้ว แลมพาร์ด จะเป็นเหยื่อยรายที่ 7 หรือไม่ ? เดี๋ยวคงได้รู้กัน

ทอมเม้ง

ที่มาของภาพ : gettyimages.ae

ติดตามช่องทางอื่นๆ:

Website : siamsport.co.th

Facebook : siamsport

Twitter : siamsport_news

Instagram : siamsport_news

Youtube official : siamsport

Line : @siamsport