เอริก เทน ฮาก นายใหญ่ชาวดัตช์ เริ่มปรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้เข้ากับสไตล์การเล่นของเขามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเกมทุบ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-0 เป็นการันตีได้อย่างชัดเจนว่าแท็กติกของเขาสุดยอดอย่างแท้จริง เพราะ "ผีแดง" แสดงให้เห็นถึงฟอร์มการเล่นที่เหนือนชั้นกว่าผู้มาเยือนตั้งแต่ต้นจนสิ้นเสียงนกหวีดยาวหมดเวลา ขณะที่ อันโตนิโอ คอนเต้ นายใหญ่ทีมเยือน ต้องยอมรับสภาพว่าพวกเขาสู้เจ้าบ้านไม่ได้จริงๆ
1. ฟอร์มแห่งซีซั่นของแมนยู
เกือบสามเดือนของฤดูกาล 2022/2023 สไตล์การเล่นของ เอริก เทน ฮาก เริ่มแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการเล่นเพรสซิ่งดุดันวิ่งไม่มีหยุด และไม่เพลาเกม ยิ่งทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด อันตรายยิ่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
ตั้งแต่เปิดฤดูกาลนี้จนมาถึงเกมล่าสุดกับ สเปอร์ส ต้องยอมรับว่าการทุบ "ไก่เดือยทอง" เป็นฟอร์มที่เจ๋งที่สุดของ "ผีแดง" จริงๆ ทั้งการครองบอล, การเพรสซิ่งตั้งแต่แดนทีมเยือน และการสร้างโอกาสในการทำประตู เจ้าบ้านเหนือกว่าทุกกระบวนท่า
จากสถิติในการสร้างโอกาสยิงของ แมนฯ ยูฯ มีถึง 29 ครั้ง, เข้ากรอบ 10 ครั้ง และได้ 2 ประตู ต้องบอกเลยว่านี่คือผลงานที่สุดยอดจริงๆ ของทัพ "เร้ด เดวิลส์" ภายใต้การกุมบังเหียนของ เทน ฮาก
สิ่งที่แฟนบอลแมนฯ ยูฯ ประทับใจไม่ใช่แค่ชัยชนะเท่านั้น แต่เป็นการเล่นเกมเพรสซิ่งของทีม ซึ่งพวกเขาวิ่งไล่กดดันเข้าไปในแดนคู่แข่ง จนทำให้นักเตะสเปอร์สเล่นผิดพลาดหลายครั้ง
ฉะนั้นหาก เทน ฮาก สามารถที่จะปั้นทีมแมนฯ ยูฯ ชุดนี้ให้เล่นได้ตามแนวทางที่เขาต้องการได้ ในระยะยาวพวกเขาจะกลายเป็นทีมที่ยากจะหยุดยั้งจริงๆ
2. คอนเต้ ปรับหมากผิดคือหายนะ
สเปอร์ส เป็นทีมที่เล่นระบบ 3-4-3 มาตลอดนับตั้งแต่ที่ อันโตนิโอ คอนเต้ เข้ามากุมบังเหียน แต่ในแมตช์เยือนโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไม่รู้ว่า นายใหญ่ชาวอิตาเลียนนึกยังไงถึงเปลี่ยนแผนโดยเล่นแพ็คแดนกลางให้แน่นด้วยแท็กติก 3-5-2
แม้ว่าการเพิ่มผู้เล่นในแผงมิดฟิลด์ดูเหมือนจะทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นในแดนกลาง แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเขาต้องเจอกับความยากลำบากในการคุมเกม มีหลายครั้งที่ "ไก่เดือยทอง" ต้องเจอปัญหาในการพาพื้นที่ว่างในการผ่านบอล จนทำให้ขึ้นเกมรุกไม่ได้เลย
จะเห็นได้ชัดว่าพวกเขาโดนบีบให้ต้องเล่นในแดนตัวเองเยอะมาก แถมการสร้างโอกาสในการทำประตูก็แทบไม่ค่อยมี โดยสถิติแสดงให้เห็นชัดเจนว่าทีมเยือนสร้างโอกาสยิงได้แค่ 9 ครั้งและเข้าเป้า 2ครั้งเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นการที่ เคน กับ ซน ฮึน-มิน ไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้ ยิ่งทำให้ทีมยากที่จะเจาะแนวรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งนับวันยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นการปรับแท็กติกในแมตช์นี้ถือเป็นความผิดพลาดมหันต์ของ คอนเต้ จริงๆ
3. มาร์ติเนซ เก็บ เคน ใส่กระเป๋า
แฮร์รี่ เคน กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มแรงในซีซั่นนี้ แต่สำหรับแมตช์ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต้องยอมรับว่าเจ้าตัวไม่สามารถเล่นได้เลย เนื่องจากโดน ลิซานโดร มาร์ติเนซ ตามประกบติดจนแทบไม่มีโอกาสได้ง้างเท้ายิง
จะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่กัปตันทีมชาติอังกฤษได้บอล แนวรับชาวอาร์เจนไตน์ จะรีบเข้ามาปิดทันที และทำให้เขาแทบไม่มีโอกาสได้คิดหรือจะทำอะไร จนสุดท้ายก็เสียบอล หรือเสียจังหวะการเล่น สำหรับตอนนี้เห็นได้ชัดว่า อดีตแข้งอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ปรับตัวได้อย่างรวดเร็วกับเกมลีกเมืองผู้ดี และทุกครั้งที่จับคู่กับ ราฟาแอล วาราน ยิ่งทำให้เกมรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
4. เชื่อมั่นใน เฟร็ด จนได้ดี
แมตช์ที่แล้ว สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ติดโทษแบน ส่วน คริสเตียน เอริคเซ่น เล่นไม่ได้เนื่องจากมีอาการป่วย ทำให้ เอริก เทน ฮาก เลือกใช้งาน เฟร็ด เป็นตัวจริงแมตช์แรกนับตั้งแต่ที่ฟอร์มออกทะเลแพ้เละ เบรนท์ฟอร์ด แต่งานนี้สาวก "เร้ด อาร์มี่" สวดยับกับฟอร์มของ มิดฟิลด์เลือดแซมบ้า ที่เล่นไม่ได้เล่นส่งผลให้ทีมทำได้แค่เสมอ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด แบบไร้สกอร์
สำหรับเกมรับมือ สเปอร์ส หลายคนคาดว่า กุนซือชาวดัตช์ คงดร็อป เฟร็ด เพราะ แม็คโทมิเนย์ พ้นโทษแบนแล้ว ส่วน เอริคเซ่น ก็ฟิต แต่สุดท้ายเขาเลือกให้โอกาส เฟร็ด และก็ไม่ผิดหวัง เพราะเกมกับ "ไก่เดือยทอง" นักเตะเล่นได้อย่างโดดเด่น ทั้งยิงประตู และมีส่วนกับประตูที่สอง
ยิ่งไปกว่านั้นการเล่นร่วมกับ กาซีมิโร่ ยิ่งทำให้ เฟร็ด ยกระดับฝีเท้ามากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ สเปอร์ส ไม่สามารถรับมือกับเกมเพรสซิ่งของ "ผีแดง" ได้เลย ทำให้แดนกลางเป็นรองเจ้าบ้านสุดกู่
ส่วน เฟร็ด ก็มีส่วนในการตัดบอลจากทีมเยือนได้บ่อยๆ แถมยังเล่นทุ่มเททุกจังหวะเพื่อหวังพิสูจน์ให้แฟนบอลและกุนซือได้เห็นว่าเขาคู่ควรกับทีมชุดนี้ ซึ่งทั้งหมดนี้ส่วนหนึ่งต้องยกเครดิตให้กับ เทน ฮาก ที่เชื่อมั่นในตัวนักเตะจนในที่สุดก็ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า
5. อนาคต โรนัลโด้ ชัดเจนแล้ว
เกมนี้ เทน ฮาก แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไม่ใช่ผู้เล่นตัวหลักของทัพ "ผีแดง" ในยุคของเขาแน่นอน หลังจัดการดร็อปนักเตะอยู่ในซุ้มม้านั่งสำรองอีกครั้ง
การกระทำของ นายใหญ่เลือดดัตช์ เป็นการบ่งบอกว่า ดาวเตะเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 5 สมัยไม่ใช่ตัวเลือกแรกในแผนการสร้างทีมของเขา เพราะถ้า มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ อองโตนี่ มาร์กซิยาล ฟิตสมบูรณ์ ตำแหน่งที่ "เฮียโด้" จะได้รับก็คือข้างสนามเท่านั้น
ส่วนในกรณีที่ โรนัลโด้ จะได้ลงตัวจริงก็คือ "แรชชี่" กับ "พี่หมาก" ไม่สามารถลงเล่นได้ และอีกกรณีก็คือต้องไปโลดแล่นในเกมยูฟ่า ยูโรปา ลีก !!!
ยิ่งในแมตช์ที่หักคอ "ไก่เดือยทอง"โรนัลโด้ ได้แต่นั่งตาปริบๆ ดูเพื่อนร่วมทีมโชว์ฟอร์มอย่างสุดยอดตั้งแต่ต้นเกม จนใกล้หมดเวลา "ซีอาร์ เซเว่น" คงทนดูไม่ไหว รีบลุกเดินเข้าไปในอุโมงค์ทั้งๆ ที่เกมยังไม่จบ
การแสดงพฤติกรรมแบบนี้น่าจะเป็นการยืนยันได้อย่างชัดเจนแล้วว่า โรนัลโด้ ไม่ต้องการอยู่กับแมนฯ ยูฯ อีกต่อไป ขณะที่ เทน ฮาก ก็คงไม่แคร์เพราะทีมชุดนี้ไม่จำเป็นต้องมี กัปตันทีมชาติโปรตุเกส อีกต่อไป
ทอมเม้ง