ก่อนอื่นขอเรียนตามตรงว่าในสายตาของคอลัมนิสต์ลูกหนังผู้มีอาการทางจิตเล็กน้อยอย่างผม - ดาร์วิน นูนเญซ จัดเป็นกองหน้าที่ฝีเท้าจัดจ้านคนหนึ่ง
จุดเด่นที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าคือการเคลื่อนตัวหาตำแหน่ง แถมไปกับลูกฟุตบอลได้ดีเลยทีเดียว ส่วนจังหวะจบยังต้องปรับปรุงให้เด็ดขาดมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม
ด้วยโทษฐานผู้เล่นค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรของ ลิเวอร์พูล - ดาร์วิน นูนเญซ จึงเขย่งก้าวกระโดดจากฟุตบอลลีกของ โปรตุเกส มาเล่นในสมรภูมิแข้งที่ใหญ่กว่าอย่างพรีเมียร์ลีกพร้อมความกดดันอย่างหนักหน่วง
เมื่อคุณมีค่าตัวมหาศาลถึง 85 ล้านปอนด์ ความคาดหวังย่อมสูงลิบลิ่ว
นี่คือเหตุผลแรกที่บอกว่าทำไม ดาวเตะวัย 23 ขวบผู้นี้ถึงพบปัญหากับการเล่นในเมืองหลวงแห่งลูกหนังตั้งแต่นาทีแรกๆ
ขณะที่ "จังหวะและเวลา" ก็จัดเป็นองค์ประกอบสำคัญอีกประการหนึ่ง
ดาร์วิน นูนเญซ เดินทางมาเปิดตัวในศึกพรีเมียร์ลีกพร้อมกับดาวถล่มประตูระดับตีนพระกาฬอีกคนหนึ่งของทีมคู่แข่งอย่าง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ เขาจึงถูกสื่อและแฟนบอลจับไปเปรียบเทียบกับกองหน้าคนใหม่ของ แมนฯ ซิตี้ แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
พูดง่ายๆ ว่าถ้าไม่มีคู่ขับเคี่ยวในตำแหน่งเดียวกันอีกคน เขาน่าจะลงเล่นด้วยความผ่อนคลายมากกว่านี้
ความจริง - ดาวยิงชาวอุรุกวัยเปิดตัวใน คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ได้ไฉไลกว่าด้วยซ้ำ เมื่อสามารถทำลายตาข่ายได้สำเร็จพลางช่วยให้ ลิเวอร์พูล มีชัยเหนือคู่แข่งสำคัญของตัวเองในศึกชิงโล่การกุศล
ก่อนเปิดซีซั่นอย่างเป็นทางการ ดาร์วิน นูนเญซ ออกนำ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ไปก่อนด้วยสกอร์ 1-0
กระทั่ง "ของจริง" อุบัติขึ้น
พรีเมียร์ลีกนัดเปิดฤดูกาล ดาร์วิน นูนเญซ ทำประตูได้ทันทีนะครับ-ขอโทษ
ทว่า ลิเวอร์พูล ดันทำได้แค่เสมอ ฟูแล่ม ประตูที่ดาวเตะผู้นี้ยิงได้จึงถูกกลบเกลื่อนด้วยผลการแข่งขันที่ไม่ค่อยโสภาสักเท่าไหร่
มิเพียงเท่านั้น
เกมที่ 2 ของฤดูกาลที่ ลิเวอร์พูล ดันทำได้แค่เสมอ คริสตัล พาเลซ ในบ้าน ดาวยิงทีมชาติอุรุกวัยโดนคู่แข่งยั่วยุจนถูกด้านมืดเข้าครอบงำอันเป็นเหตุให้ถูกใบแดงตะเพิดออกจากสนาม
แทนที่จะได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับสภาพให้เข้ากับสโมสรใหม่ในสมรภูมิแข้งที่ใหญ่ขึ้นกลับต้องติดโทษแบนจนอดลงสนามถึง 3 นัด !!!
จังหวะเดียวกันนั้นเอง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ แหวกมดลูกออกมาแจ้งเกิดบนเวทีใหญ่ได้อย่างเร็วแรงทะลุนรกพลางกะซวกตาข่ายอย่างไม่ยั้งหยุด
กว่าจะพ้นโทษแบนกลับมาลงสนามอีกครั้ง ไอ้เด็กยักษ์ของ แมนฯ ซิตี้ ทิ้งห่างไปไกลแบบไม่เห็นฝุ่น
แค่ยกแรกของการห้ำหั่นก็พ่ายแพ้อย่างยับเยินจนถูกเอาไปล้อเลียนและถากถางอย่างเอ็นจอยรูปาก
หลังพ้นโทษแบนกลับมา สังเกตว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ พยายามใช้งานกองหน้าผู้นี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อกระชากความมั่นใจให้กลับมาเร็วที่สุด
เขาได้ลงเป็นตัวจริงในศึก เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ โดยทำอะไรไม่ได้ ก่อนถูกดร็อปในเกมแรกของรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ออกไปถูก นาโปลี ขยี้เยินยับ ตามด้วยการเป็นตัวสำรองในเกมเฉือน อาแจ็กซ์ อัมส์เตอร์ดัม
จังหวะและเวลาไม่เป็นใจ เมื่อ ลิเวอร์พูล มีอันต้องเว้นวรรคการลงสนามไปอีกครึ่งเดือน
กลับมาอีกครั้ง เจอร์เก้น คล็อปป์ พยายามหาทางใช้งานกองหน้าค่าตัว 85 ล้านปอนด์ผู้นี้ ถึงขนาดยอมปรับระบบการเล่นเป็นหัวหอกคู่ เพื่อให้เขาลงตัวจริง
ดาร์วิน นูนเญซ ลงตัวจริง 3 นัดติดต่อกันในเกมชนะ เรนเจอร์ส 2-0, แพ้ อาร์เซน่อล 3-2 และบุกถล่ม เรนเจอร์ส 7-1 โดยทำได้ 2 ประตู แต่จังหวะและเวลาเดียวกัน โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ กองหน้าคนเก่าผู้น่าจะเดือดร้อนที่สุดกับการมาของกองหน้าคนใหม่ก็ระเบิดฟอร์มการเล่นอันกระฉูดแตกออกมา...ซะอย่างนั้น
ด้วยสถานการณ์ ด้วยแผนการเล่น และด้วยความเหมาะสม เขาถูกจับไปขังบนม้านั่งสำรองอีกครั้งในมหาศึกที่ปะทะแชมเปี้ยนส์อย่าง แมนฯ ซิตี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก่อนจะถูกส่งลงมาแทน โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ในนาทีที่ 72
นาทีที่ 76 ลิเวอร์พูล อาศัยจังหวะสวนกลับฉับพลันกับความสามารถระดับโลกของ โม ซาล่าห์ ทะลวงประตูขึ้นนำผู้มาเยือนได้สำเร็จ
แมนฯ ซิตี้ พยายามโหมบุกอย่างหนัก ขณะที่หงส์แดงดักจังหวะแล้วจู่โจมแบบลอบฆ่า
ลิเวอร์พูล ควรจะนำห่างเป็น 2-0 เพื่อย้ำหัวตะปูจากจังหวะสวนกลับในสถานการณ์ 3 ต่อ 1 ที่ ดาร์วิน นูนเญซ หลุดไปทางด้านซ้าย โดยคุณพี่เขามีทางเลือกที่ดีกว่าการควบตะบึงไปเอง ด้วยการไหลบอลให้ตัวไกลอย่าง โม ซาล่าห์ ที่วิ่งประคองขึ้นมาแบบไร้ตัวประกบ
ถึงแม้จะทำประตูไม่ได้ แต่การ "แอสซิสต์" ให้เพื่อนร่วมทีมกะซวกตาข่ายจะทำให้เขาได้รับการยกย่องและเชิดชูไม่ต่างจากการเป็นคนเผด็จศึกเอง
จังหวะนั้นเขามองเห็นเพื่อนร่วมทีมที่สับกงล้อตีนขึ้นมารอรับลูกอย่างแน่นอนครับ และสามารถคำนวณได้ง่ายๆ ว่ามันย่อมดีกว่ากระชากลูกหนีคู่แข่งเข้าไปสับไกยิงเองแน่ๆ
แต่อะไรดลจิตให้เขาตัดสินใจสับไกยิงเองก็ไม่ทราบ ซึ่งหากคุณตัดสินใจแบบนั้น มันต้องเข้าไปตุงตาข่ายเพียงสถานเดียว
ปัญหาคือหากตัดสินใจแบบนั้นโอกาสเข้าประตูมีไม่ถึง 10% ด้วยซ้ำ
สุดท้ายจึงกลายเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดแบบที่ท่านผู้ชมทางบ้านทุกคนต้องอุทานตกใจออกมาเป็นภาษามอนเตเนโกรว่า "เชี่ย...อะไรเนี่ย???"
บุญยังรักษานะครับที่ แมนฯ ซิตี้ ตีเสมอเป็น 1-1 ไม่สำเร็จ และลิเวอร์พูล ยังคงเป็นผู้ชนะ เพราะหากเกมจบลงด้วยการแบ่งแต้ม บอกได้เลยครับว่า...ชิบหาย
เพราะ ดาร์วิน นูนเญซ จะกลายร่างเป็น "แพะ" ที่ถูกเลื่อยไฟฟ้ายัดเข้าไปในรูตูดทันที
ลำพังแค่นี้ก็หนักแล้วนะครับ ขนาดเด็กหงส์ส่วนใหญ่ยังส่ายหน้าพลางสบถถึงของเหลวในลำไส้ของตัวเองด้วยสำเนียง
สเก๊าเซอร์
เด็กหงส์ส่วนใหญ่ไม่เข้าใจพอๆ กับรับไม่ได้กับสิ่งที่กองหน้าวัย 23 ผู้นี้กระทำลงไป
แทนที่จะกลับชาติมาเกิดใหม่จากการไหลให้เพื่อนยิงฝังคู่แข่ง ผลจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดอาจไม่ต่างจากการกระทืบโอกาสของตัวเองทิ้งแบบสิ้นคิด
ในตำแหน่งศูนย์หน้า ดาร์วิน นูนเญซ อาจเป็นตัวเลือกทีหลัง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ ดิโอโก้ โชต้า
เพียงแต่ในความบาป ดูเหมือนว่าท่านผู้พิพากษาพอยังมีเมตตากับเขาอยู่บ้าง
เมื่อ ลุยส์ ดิอาซ เจ็บยาวไปก่อน แถม ดิโอโก้ โชต้า ถูกอาการบาดเจ็บลักพาตัวไปอีกคน
ดาร์วิน นูนเญซ สามารถสวมบทกองหน้ากึ่งปีกได้ และนั่นหมายความว่าเขายังมีโอกาสแก้ตัวในเกมต่อๆ ไป
ความผิดที่ก่อขึ้นอาจมองได้อีกมุมว่ามันเป็นบทเรียนอันล้ำค่า
ว่าแล้วผมยังขอยืนยันหนักแน่นว่า ดาร์วิน นูนเญซ เป็นผู้เล่นที่มี "ของ" นะครับ หากว่าด้วยเรื่องฝีตีนแบบเพียวๆ
ปัญหาคือสภาพจิตใจซะมากกว่าอันสะท้อนออกมาอย่างคมชัดในเกมล่าสุด
จังหวะนั้นมันชัดเจนว่าสภาพจิตใจของ ดาร์วิน นูนเญซ กำลังว้าวุ่นอย่างจงหนักจนขาดสติจึงตัดสินใจแบบนั้น
ฝีเท้ากับจิตใจต้องมาควบคู่กันครับสำหรับยอดดาวเตะ
หากฝีเท้าดี แต่จิตใจไม่แข็งแกร่งและเยือกเย็นเพียงพอก็มีโอกาสสูงมากที่จะถูกวิญญาณพยาบาทของ แอนดี้ แคร์โรลล์ เข้าสิงร่าง !!!
บอ.บู๋