อยู่ดีมีสุขกันไหม?ย้อนอดีต 11 แข้ง ลิเวอร์พูล กำชัยเกมแรกยุค เจอร์เก้น คล็อปป์

อยู่ดีมีสุขกันไหม?ย้อนอดีต 11 แข้ง ลิเวอร์พูล กำชัยเกมแรกยุค เจอร์เก้น คล็อปป์
เกมที่ ลิเวอร์พูล บุกไปขยี้ บอร์นมัธ 4-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นการคุมทีม หงส์แดง นัดที่ 465 ของ เจอร์เก้น คล็อปป์

และในฐานะกุนซือของทีม เครื่องจักรสีแดง คล็อปป์ พาทีมดังของ พรีเมียร์ลีก คว้าชัยได้เกมแรกนัดบู๊กับ เดอะ เชอร์รีส์ เช่นกันเมื่อปี 2015

หลังประเดิมพาทีมออกไปเสมอกับ สเปอร์ส 0-0 คล็อปป์ สานต่อผลลัพธ์แบบเดิมอีกแมตช์เจ๊ากับ รูบิน คาซาน 1-1 ในเกม ยูโรปาลีก รวมถึงศึก พรีเมียร์ลีก นัดต้อนรับ เซาแฮมป์ตัน ซึ่ง ซาดิโอ มาเน่ กระทุ้งแบ่งแต้มให้ทีมเยือนได้

จนในที่สุดเกมฟัดกับ บอร์นมัธ ในถ้วย ลีกคัพ ที่ แอนฟิลด์ กุนซือชาวเยอรมันสามารถปลดล็อกให้ตัวเองได้ด้วยการพา หงส์แดง คว้าชัย 1-0

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ซึ่งกินเวลาแปดปีครึ่ง เราไปดูกันว่า ลิเวอร์พูล ยังเหลือสมาชิกจากเกมที่ว่ารับใช้สโมสรอยู่ในเวลานี้หรือเปล่า

- ผู้รักษาประตู : อดัม บ็อกดาน

ซิมง มินโญเลต์ ลงเฝ้าเสาตลอดสามนัดแรกของ คล็อปป์ ซึ่ง ลิเวอร์พูล เสมอกับคู่แข่งเรียบวุธ แต่ในเกมฟุตบอลถ้วย นายใหญ่ด๊อยทช์มอบโอกาสให้ บ็อกดาน ลงสนามหลังจากเขาถูก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส นายใหญ่คนก่อนดึงตัวมาจาก โบลตัน แบบน่าเซอร์ไพรส์เมื่อช่วงซัมเมอร์

ในรอบก่อนหน้านี้ บ็อกดาน เซฟสามลูกโทษพาทีมชนะ คาร์ไลส์ ในการดวลความแม่นเป้า แต่หลังจบเกมกับ เดอะ เชอร์รีส์ เขาได้ลงสนามให้ ลิเวอร์พูล อีกสี่นัดเท่านั้น และหันไปร่วมทีม วีแกน , ฮิเบอร์เนี่ยน รวมทั้ง เฟเรนซ์วารอส ในฮังการีบ้านเกิดโดยปัจจุบันในวัย 36 ปีเขายังไม่มีสังกัด

- กองหลัง : เนธาเนี่ยล ไคลน์

ยิงประตูพาทีมกำชัยในเกมนี้ แม้ปกติจะเล่นเป็นแบ็คขวา แต่ในคืนนั้นทำหน้าที่เป็นแบ็คซ้าย

รวมทั้งสิ้นจากการลงบู๊ให้ ลิเวอร์พูล 103 นัด ไคลน์ ซัดได้สองประตูก่อนมีปัญหาบาดเจ็บ ประกอบกับการแจ้งเกิดของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เขาจึงต้องย้ายออกไปโดยปัจจุบันพ่อค้าแข้งวัย 32 ปียังโลดแล่นอยู่ใน พรีเมียร์ลีก กับทีม คริสตัล พาเลซ

- กองหลัง : โคโล่ ตูเร่

สวมบทกัปตันในคืนนั้นหลังย้ายมาจาก แมนฯ ซิตี้ แบบไม่มีค่าตัวในช่วงซัมเมอร์ปี 2013 และเกือบพา เร้ด แมชีน คว้าแชมป์ลีกได้ในซีซั่นนั้น

รับใช้ ลิเวอร์พูล เป็นซีซั่นสุดท้ายก่อนย้ายไปร่วมงานกับ ร็อดเจอร์ส ในทีม เซลติก ซึ่งเขาได้ทำหน้าที่โค้ชในเวลาต่อมารวมถึงทีม เลสเตอร์ ด้วยโดยปัจจุบันอดีตกองหลังทีมชาติ ไอวอรี่ โคสต์ อยู่ในช่วงมองหางานชิ้นใหม่หลังเคยคุมทีม วีแกน ช่วงสั้นๆเมื่อซีซั่นก่อน

- กองหลัง : เดยัน ลอฟเรน

ถูกมองว่าเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟค่าตัวแพงที่ไปได้ไม่สวยเท่าไหร่ในยุคของ ร็อดเจอร์ส แต่กลายเป็นว่าดาวเตะโครแอตถือเป็นขุนพลคนสำคัญของ คล็อปป์

ค้าแข้งกับถิ่น แอนฟิลด์ จนได้ทั้งแชมป์ พรีเมียร์ลีก และ แชมเปี้ยนส์ลีก รวมทั้งผ่านศึก ฟุตบอลโลก นัดชิงชนะเลิศปี 2018 มาแล้วโดยปัจจุบันในวัย 34 ปี ลอฟเรน ย้ายจาก เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก กลับมาค้าแข้งอยู่กับ ลียง เป็นหนที่สอง

- กองหลัง : คอนเนอร์ แรนดัลล์

เป็นเด็กปั้นของทีมขนานแท้ที่ทั้งเกิดในเมืองลิเวอร์พูล และเข้ามาอยู่กับสโมสรเป็นทีมแรกก่อนได้รับโอกาสให้ประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ในเกมนี้ รวมแล้วในซีซั่นนั้นเขาได้ลงเล่น 7 นัดในทุกรายการ

อย่างไรก็ดี ไม่อาจสร้างชื่อกับสโมสรได้ และถูกส่งให้ ฮาร์ทส์ กับ รอชเดล ยืมตัวอีกทั้งเขาสร้างเซอร์ไพรส์ย้ายไปค้าแข้งในบัลแกเรียด้วยกระทั่งปี 2020 ก็ย้ายมาร่วมทีม รอสส์ เคาน์ตี้ ในลีกสกอตต์จนถึงทุกวันนี้

- กองกลาง : โจ อัลเลน

แม้จะเป็นนักเตะคนโปรดของ ร็อดเจอร์ส แต่มิดฟิลด์ทีมชาติ เวลส์ จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างหนักในยุคของเจ้านายชาวเมืองเบียร์

รวมแล้วทุกรายการในซีซั่นนั้น คล็อปป์ ส่ง อัลเลน ลงเล่น 37 นัด แต่สุดท้าย ลิเวอร์พูล เลือกรับเงินโดยขายเขาให้กับ สโต๊ค ซิตี้ กระทั่งปี 2022 อัลเลน ก็ย้ายกลับภูมิลำเนาไปร่วมทีม สวอนซี ซิตี้ อีกคำรบ 

- กองกลาง : คาเมรอน แบรนนาแกน

เป็นอีกหนึ่งผลผลิตจากทีมเยาวชนของสโมสรในเวลานั้น แม้จะเกิดในเมืองแมนเชสเตอร์ แต่ แบรนนาแกน ได้รับการอุ้มชูจาก ร็อดเจอร์ส ที่ฉุดเขาขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่

ได้ลงเล่น 9 นัดในซีซั่นนั้นก่อนถูกปล่อยให้ ฟลีตวู้ด ยืมตัวในปีต่อมา กระทั่งซีซั่น 2017/18 เขาก็หันไปร่วมทีม อ็อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด และลงสนามไปแล้วเกินกว่า 250 นัดในเวลาเจ็ดปีจวบจนถึงปัจจุบัน

- กองกลาง : ชูเอา คาร์ลอส เตเซร่า

ดาวเตะโปรตุกีสได้ค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล เพียงไม่นาน แต่อย่างน้อยในเกมนี้เขาโชว์ลีลายิงลูกตอกส้นผ่านนายทวาร อดัม เฟเดริชี่ และถูก อดัม สมิธ เคลียร์ทิ้งจากเส้นประตูจนทำให้ ไคลน์ ตามไปเก็บตกไม่พลาด

ยิงประตูได้ในเกม เอฟเอคัพ ฟัดกับ เอ็กเซเตอร์ ในซีซั่นนั้นก่อนย้ายกลับบ้านเกิดไปร่วมทีม ปอร์โต้ ,บราก้า และ วิตอเรีย กิมาไรส์ รวมทั้งย้ายไปหากินในลีกดัตช์ช่วงสั้นๆกับ เฟเยนูร์ด กระทั่งล่าสุดในวัย 30 ปีเขาเป็นขุนพลทีม เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว

- กองหน้า : จอร์ดอน ไอบ์

ถูกคาดหวังว่าจะเป็นอนาคตของ ลิเวอร์พูล สืบแทน ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่ถูกขายออกไปในช่วงซัมเมอร์โดยในซีซั่นนั้น คล็อปป์ เรียกใช้บริการปีกดาวรุ่งมากถึง 41 นัดในทุกรายการ

อย่างไรก็ดี การเสริมทัพของสโมสรในซัมเมอร์ถัดมาทำให้ ไอบ์ ถูกขายให้กับ บอร์นมัธ ด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์ แต่เจ้าตัวแบกรับความกดดันได้ไม่ดีพอ และย้ายไปเล่นให้  ดาร์บี้ ตามด้วย อดนาสปอร์ ในลีกเติร์ก จนในที่สุดเขาเล่นอยู่กับ เอ็บบ์ฟลีต ทีมนอกลีกอยู่ในเวลานี้

- กองหน้า : ดิว็อค โอริกี้

ถูก ร็อดเจอร์ส ดึงตัวมาจาก ลีลล์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ก่อน และสร้างชื่อกับการเป็นยอดซูเปอร์ซับของ คล็อปป์ บ่อยครั้งจนกลายเป็นตำนานของทีมไปโดยปริยาย

อย่างไรก็ดี ไม่อาจยึดตำแหน่งในทีมตัวจริงได้ และเคยถูกส่งให้ โวล์ฟสบวร์ก ยืมไปใช้งาน กระทั่งล่าสุด เอซี มิลาน ปล่อยกองหน้าทีมชาติ เบลเยี่ยม ให้กลับมารับเงินปอนด์อีกครั้งกับ ฟอเรสต์

- กองหน้า : โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่

เป็นอีกรายที่เข้าข่ายนักเตะยอดขวัญใจของสาวก เดอะ ค็อป และเพิ่งเปิดปากเผยว่าไม่แฮปปี้ช่วงที่ต้องร่วมงานกับ ร็อดเจอร์ส ซึ่งกำชับให้เขาเล่นเกมรับด้วยภายใต้บทบาทวิงแบ็คฝั่งซ้าย

แต่กับ คล็อปป์ ดาวเตะแซมบ้าโดดเด่นเต็มที่กับภารกิจศูนย์หน้าตัวหลอกซึ่งทำให้เขามีอิสระในการเล่น และพาทีมคว้าแชมป์ได้อย่างครบถ้วนก่อนลาถิ่น แอนฟิลด์ ไปรวยเพิ่มในลีก ซาอุดิ อาระเบีย เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา


ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport