เป็นเกมที่ก่อนแข่งนักวิจารณ์ทุกคนมองไปทางเดียวกันว่า "หงส์แดง" น่าจะคาบ้าน ทั้งฟอร์ม, ทั้งตัวผู้เล่น ที่ดูจะเป็นรองแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปทุกด้าน แต่เกมบิ๊กแมตช์ ยังคงมีมนต์ขลังอยู่
เกิดอะไรขึ้นบ้าง
เจเค 4-3-3
เจอร์เก้น คลอปป์ กลับมาเล่น 4-3-3 และจัดตัวตามสภาพ ถึงขั้นต้องเข็น เจมส์ มิลเนอร์ ลงแบ๊กขวา เพราะ โจ โกเมส ต้องไปยืนเซนเตอร์กับ เวอร์จ ซึ่ง โกนาเต เจ็บอีกแล้ว แดนกลางส่ง ฟาบินโญ, ติอาโก และเจ้าหนู เอลเลียตต์ ข้างหน้า ซาลาห์, ฟีร์มีโน และ โชตา ยืนด้านขวา
แนวคิดเพื่อใช้แดนกลางกับแดนหน้าสามคนช่วยเพรสแดนบนและแดนสอง พร้อมดรอปลงมาต่ำ โดยไม่เน้น ไฮไลน์ ดีเฟ้นส์ มาก เนื่องจาก ซิตี้ มีตัววางบอลหลังไลน์แม่น จุดนี้ป้องกันการวิ่งของ โฟเดน ที่เจอ มิลเนอร์ และ ฮาลันด์ ที่วิ่งทำทางได้ดี หากกองหลังยืนสูง ซิตี้ จะแทงบอลทะลุง่ายเลย ....
เป๊ปมาเต็มทีม..
หลังพักตัวหลักช่วงกลางสัปดาห์ นัดนี้กลับมาพร้อมเต็มทีมในระบบ 4-3-3 แบ๊กโฟร์ เป็น กานเซโล ยืนแบ๊กขวา คู่เซนเตอร์ อาคานจีกับ รูเบน ดิอาส ส่วนแบ๊กซ้าย เป็น เนธาน อาเก้ แดนกลาง กุนโดกัน, เควิน เดอ บรอยน์, โรดริโก ส่วนข้างหน้าเลือก แบร์นาโด ซิลวา , ฮาลันด์ และ โฟเดน ทางซ้าย
ครึ่งแรก เกมแพลน JK ใช้ได้
ทีมเจเค เล่นเพรสแดนบน และแดนสอง เพื่อตัดการลำเลียงบอลถึง ฮาลันด์ ทำให้ ดาวยิงไวกิ้งที่ซัดไป 15 ลูกมีโอกาสได้บอลน้อยลง และบอลไม่ถึงแดนสามมากนัก โอกาสยิงของซิตี้ครั้งแรกคือนาทีที่ 15 ส่วนลิเวอร์พูลเองเล่นได้ดีกว่าทุกนัดที่ผ่านมา แย่งบอลได้บ่อย โจมตีแดนสามได้ แต่ไม่สามารถหาจังหวะจบได้เท่าไหร่
พอ เป๊ป ปรับเอา แบร์นาโด ซิลวา ลงไปเล่นกลาง ขยับกุนโดกันขึ้นบน ทำให้ซิตี ตั้งหลักได้ คุมเกมจนสร้างโอกาสลุ้นประตูจาก ฮาลันด์โขกเต็มๆ จังหวะ เดอ บรอยน์ ครอสให้ที่เสาสองสวยมาก แต่เข้ามือ เบคเกอร์
เกมครึ่งแรกถือว่าเกมแพลนทำลายเกมแดนกลางและการขึ้นบอลของซิตีได้ระดับหนึ่ง กระนั้นจังหวะจะโคนของ ซิตี ยังคงเหนือกว่าในเรื่องการเข้าแดนสามและจบด้วยการยิง
ครึ่งหลังซิตี้ หงส์พลังหมด
15 นาทีเต็มๆของครึ่งหลังที่เรือใบสีฟ้า คุมเกมได้หมด บอลอยู่แดนสามตลอด ลิเวอร์พูลทำได้คือรอจังหวะสวนกลับเท่านั้น เป็นการครอบครองบอลของ เรือใบฝั่งเดียว ...เนื่องจากลิเวอร์พูลไม่สามารถเพรสแดนบนและแดนสองได้เหมือนครึ่งแรกทำให้โดนบีบให้ตั้งรับ
หงส์สวนกลับได้
แม้ตั้งรับแต่ลิเวอร์พูลมีโอกาสสร้างจังหวะสวนกลับทำให้ มีโอกาสลุ้นประตูมากขึ้น แต่ก็เป็น โม ซาลาห์ ที่เปลืองไปหน่อย มีจังหวะหลุดเดี่ยวแต่ไปยิงติดมือ เอแดร์ซอนออกข้างเสา ถือว่าไม่เด็ด และนีคือบิ๊กแช้นส์ โอกาสทองที่ต้องยิงขึ้นนำให้ได้ โอกาสดีๆกว่านี้หายาก เพราะแนวรับซิตี ไฮไลน์ หลุดขึ้นไปอัดหงส์แดงจนหมดเหลือแค่คนเดียว
แต่ซาลาห์ พลาด...ไม่เด็ดขาดเอง
อีกจังหวะ น.68 สวนกลับโดน ฟีร์มีโน ให้ ซาลาห์ หลุดหน้าเขตโทษ แต่เลือกยิง ทั้งที่มีพื้นที่ว่างในเขต และโชต้า เติมมา ว่างๆ แต่เลือกยิงออกไปเอง อย่างไรก็ตาม....จากจังหวะฟรีคิกของ เดอ บรอยน์ ที่เข้ามือ เบคเกอร์ จังหวะนั้น มือกาวหงส์แดง เตะเปิดเกมมา ซิตี้มี กานเซโล ห้อยท้าย เข้าบอลพลาด โดนซาลาห์ ชิงเหลี่ยมได้ พลิกหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงผ่าน เอแดร์ซอน 1-0
ชัยชนะเกมนี้ได้มาจาก...
1จากเกมแพลน JK
กลับมาใช้ระบบ 4-3-3 พร้อมการเพรสซิง ที่ใช้ได้ผล ทำลายการขึ้นบอลของซิตี้
จากแดนบน,แดนสอง ส่งผลให้ครึ่งแรก ซิตี้ใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงก่อนได้เล่นเกมของตัวเอง แต่ก็เป็นจังหวะที่ไม่ง่ายเหมือนเกมอื่นๆ แถมลิเวอร์พูลไม่ดันเกมขึ้นสูง
2 ที่นี่ แอนฟิลด์
นี่คือเกมที่เล่นในบ้านลิเวอร์พูล ทุกครั้งที่มาเยือนแอนฟิลด์ แมนฯซิตี มักจะเล่นด้วยความเกร็ง และการวางแผนของ เป๊ป มักจะคิดเยอะกว่าปกติ ลูกทีมเล่นด้วยความกดดัน ไม่ธรรมชาติเหมือนเกมอื่นๆ แถมเด็กหงส์มีนักเตะคนที่ 12 คอยส่งพลังตลอดทั้งเกม ช่วยทำให้นักเตะวิ่งไล่บอลไม่มีเหนื่อย ครึ่งหลังนี่ชัด ไม่มีทิ้งตำแหน่งง่าย ทำให้จังหวะได้เสียของ ซิตี้ ทำได้ยาก นักเตะลิเวอร์พูลถึงบอลตลอด
นักเตะหงส์แดงทั้งทีมเล่นได้ดีกว่า 8 นัดที่ผ่านมา
ตั้งแต่ โกเมส, ฟานไดจ์ , มิลเนอร์ , ติอาโก้ จนถึงแนวรุก ทุกคนทุ่มเทกันเกินร้อย
3 เป๊ป มั่นใจเกิน
เป๊ป ไม่เปลี่ยนตัวในเกมที่แม้ว่าตัวเองได้เปรียบ แต่เจาะหงส์แดงไม่ได้มากนักครึ่งหลัง แม้ว่า โฟเดน ยิงเข้า แต่จังหวะ บิลด์ อัพ ก่อนได้ประตูนั้น ฮาลันด์ ดึงเสื้อ ฟาบินโย่ วีเออาร์ เช็ค เห็นชัดเจน อีกจุดหนึ่งกว่าจะเปลี่ยนตัวก็ช่วงท้ายเกม หลังโดนยิงนำ 1-0 นั่นอาจจะไม่มั่นใจ แจ๊ค กรีลิช , ริยาด มาห์เรส และเขาเปลี่ยนแค่ตัวเดียว
4 กานเซโล เล่นแบ๊กขวา
จุดเด่นคือการเล่นด้านซ้ายกับ โฟเดน แต่พอเล่นแบ๊กขวา ขึ้นบอลยาก ทำได้ไม่ถนัดไปทับไลน์กับ เดอ บรอยน์ แถมเกมรับก็ไม่ได้ ทำพลาดเสียประตู และพลาดในเกมหลายครั้งอยู่ ถือว่าการวาง กานเซโล เฉพาะเกมนี้ น่าจะเป็นจุดที่ทำให้เกิดปัญหาทั้งการรุกและรับ
5 เกมสวนกลับเวิร์ค
จริงๆถ้านับโอกาสครึ่งหลัง3-4ครั้ง หลุดเดี่ยว ทั้ง ซาลาห์, ดาร์วิน, คาร์วัลโญ่
หงส์น่าชนะ 3-0 ด้วยเพราะเกมสวนกลับนัดนี้มาเกิดผลครึ่งหลัง
6 เบคเก้อ แอสซิสต์
ทีเด็ดคือ เบคเกอร์เปลี่ยนเกมรับเป็นรุก เปิดบอลให้ ซาลาห์ เข้าไปยิงประตู
นี่คือลูกที่3 ที่ แอสซิสต์ ให้ซาลาห์ยิง เป็น GK ที่แอสซิสต์ มากสุดในพรีเมียร์ลีก
ชัยชนะของหงส์แดง..จะถือว่าเป็นการนับหนึ่งหรือไม่นั้น
คงต้องรอดู เพราะเล่นให้ดีมันต้องต่อเนื่อง
แต่ถือว่าความมั่นใจน่าจะกลับมาบ้างแล้ว