บทสัมภาษณ์ที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ พูดถึง เคอร์ติส โจนส์ หลังจบเกมลีก คัพ รอบตัดเชือกนัดแรกที่ลิเวอร์พูลชนะฟูแล่ม 2-1 เมื่อกลางสัปดาห์ยืนยันในสิ่งที่เขาเชื่อมั่นในตัวนักเตะคนนี้มาตลอด
"เคอร์ติสสำคัญมากสำหรับเรา (คล็อปป์ใช้คำว่า super, super, super important to us) ตัวเขาเองก็รู้ ผมบังเอิญไปได้ยินเขาให้สัมภาษณ์ว่าเขาอยากลงเล่นมากขึ้น ฮ่าๆๆ ผมนี่รักเลย!
"ขอโทษจริงๆ นะเคอร์ติสที่ผมไม่ได้ให้คุณเล่นมากนักก่อนหน้านี้
"เขาพัฒนาขึ้นแบบก้าวใหญ่ๆ เลย ดูฟิตกว่านักเตะทุกคนในสนาม เขาเหมือนจะเจ็บขาล้มลงไปแต่หลังจากนั้นไม่นานก็ลุกขึ้นมาทำประตูได้
"เขาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมมาก จริงๆ ก็เป็นมาตลอดนั่นแหละ แต่ตอนนี้เขาใช้ทักษะทั้งหลายของตัวเองออกมาได้อย่างสม่ำเสมอ มันเจ๋งสุดๆ ไปเลย
"เขายังพัฒนาเกมรับได้อย่างน่าพอใจอีกด้วย มันยิ่งทำให้เขาเป็นนักฟุตบอลที่เข้าใจเกมมากขึ้น และในทันทีทันใดเราก็ได้เห็นว่าเขามีศักยภาพมากแค่ไหน
"มันดีจริงๆ ที่มีเขาอยู่ในทีมเพราะเขามีธรรมชาติของความมั่นใจในแบบของคนสเกาเซอร์อยู่ในตัว นั่นยิ่งเป็นเรื่องพิเศษขึ้นไปอีก"
..ในทันทีทันใด เราก็ได้เห็นว่าเขามีศักยภาพมากแค่ไหน..
คล็อปป์ดูมีความสุขจริงๆ นะครับเมื่อได้พูดถึงลูกทีมคนนี้
เคอร์ติส โจนส์ ก็เป็นเหมือนนักฟุตบอลลิเวอร์พูลที่ผ่านมาบางคน คือถูกแฟนบอลวิจารณ์หนักจนแทบไร้คุณค่า ถูกบ่นถูกด่าถูกดูแคลนว่าไม่คู่ควรกับการเป็นนักเตะของทีม
เมื่อไหร่จะขายทิ้งไปสักที.. เก็บเอาไว้อยู่ได้
สิ่งที่คล็อปป์เคยพูดถึงโจนส์ก่อนหน้านี้ล้วนขัดกับความรู้สึกของแฟนบอลหลายคน ณ เวลานั้น ก็เห็นๆ อยู่ว่ามันเล่นแล้วคร่อมจังหวะ ทำเกมสะดุด แรงปะทะไม่ดี เสียบอลง่าย ไม่รู้จะถูกใจอะไรนักหนา ทู่ซี้ใช้จนเหมือนเป็นลูกรัก (คำนี้อีกแล้ว)
แต่คล็อปป์ยืนยันอยู่เสมอแม้ในวันที่โจนส์เล่นไม่ได้และถูกโจมตีด้วยถ้อยคำรุนแรงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง "พวกคุณไม่ได้เห็นเขาในสนามซ้อมเหมือนที่ผมได้เห็น"
ความหมายของเขาไม่ได้เข้าใจยากเลยนะครับ เราเห็นเขาจากการลงเล่นในสนาม แต่คล็อปป์เห็นเขาตลอดเวลาในการซ้อม.. แล้วใครจะรู้จัก เคอร์ติส โจนส์ ได้ดีกว่ากัน
'ใจเย็นๆ กันหน่อยนะ.. ช่วยให้เวลาเด็กคนนี้หน่อยเถิด' นั่นคือสิ่งที่คล็อปป์พยายามสื่อมาตลอด
คล็อปป์ย่อมรู้จักเคอร์ติสอย่างทะลุปรุโปร่ง รู้ว่าเด็กคนนี้คู่ควรแน่นอนกับการขัดเกลา ปัญหาก็คือบททดสอบที่จับต้องได้สำหรับการขัดเกลานั้นคือการต้องปล่อยลงไปในสนามจริง
ต้องลงสอบจริง ไม่ใช่แค่ในห้องกวดวิชา
เหมือนกัปตันเครื่องบินนั่นแหละ บินในเครื่องบินจำลองด้วยสถานการณ์จำลองหรือกระทั่งทดลองขับเองกับครูฝึก หรือเลื่อนชั้นขึ้นเป็นผู้ช่วยกัปตัน สุดท้ายแล้วมันก็จะต้องก้าวไปสู่วันที่คุณเป็นกัปตันนำไฟลท์บินนั้นเอง รับผิดชอบผู้โดยสารหลายร้อยชีวิตด้วยประสบการณ์ของตัวเอง
สมรภูมิจริงนั่นแหละที่จะเป็นตัวตัดสินว่า ณ เวลานั้น ตอนนั้น คุณอยู่ตรงจุดไหน ได้รับการขัดเกลาไปถึงไหนแล้ว
นักเตะทุกคนล้วนถูกตัดสินจากสนามจริงทั้งนั้น ไม่ใช่สนามซ้อม แต่เราอาจลืมไปว่าต่อให้เป็นอย่างนั้นมันก็ยังไม่ใช่การตัดสินที่ถูกต้องแน่นอนอยู่ดี
เราอาจประเมินคร่าวๆ ได้ แต่จะพิพากษาไปเลยว่าไอ้นี่ไม่ได้เรื่อง เสียเวลา ไม่มีอนาคต ขายทิ้งไปเถอะ นั่นคงไม่ใช่ และจริงๆ แล้วด้วยอำนาจหน้าที่มันก็ไม่ใช่ของแฟนบอลอยู่ดี หากเป็นของคนที่มีหน้าที่นั้นโดยตรงอย่างผู้จัดการทีม
ไม่ใช่ว่าแฟนบอลวิจารณ์ไม่ได้ พวกเขาก็วิจารณ์จากสิ่งที่เห็นในสนาม มันก็ถูกต้องแล้ว แต่สิ่งที่คล็อปป์ทำเสมอมาคือปรามอารมณ์เดือดในตอนนั้นของเรา อย่าเพิ่งรีบตัดสินเคอร์ติส ขอให้อดทนกับคนที่ผมเชื่อใจบ้าง ผมเห็นเด็กคนนี้อยู่ตลอดในสนามซ้อม รับประกันกับพวกคุณได้ว่าเขามีดี แค่ขอให้เขามีเวลาพิสูจน์ฝีเท้าของตัวเอง
อย่ากดดันเด็กจนเกินไป ให้เขาได้มีเกมเพื่อเติบโต เสียงด่าทอขับไล่ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น มันกลับจะยิ่งเพิ่มความกดดันให้เด็ก การลงสนามด้วยความกดดันย่อมทำให้โอกาสจะเล่นอย่างผ่อนคลายได้อย่างที่ซ้อมลดน้อยลง พัฒนาการของเขาก็จะพบกับอุปสรรคที่ทำให้ภารกิจที่ยากเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งยากขึ้น
ในวันนี้ดูเหมือนลิเวอร์พูลจะเริ่มเก็บเกี่ยวดอกผลจากความอดทนที่มีต่อ เคอร์ติส โจนส์ ผลงานของเขาสม่ำเสมอขึ้น การตัดสินใจดีขึ้น แข็งแรงขึ้น รอบจัดขึ้น ตอบสนองกับแท็คติกของทีมมากขึ้น ทั้งยังมีทักษะที่โดดเด่นสามารถสร้างความแตกต่างได้
แน่นอน.. คนที่ภูมิใจที่สุดคงหนีไม่พ้น เจอร์เก้น คล็อปป์ คนที่เชื่อมั่นในตัวเด็กคนนี้และเฝ้ารอให้เขาสุกงอมมาตลอด
เรายังบอกไม่ได้หรอกครับว่าอนาคตของ เคอร์ติส โจนส์ จะไปได้ไกลแค่ไหน เขาต้องคงเส้นคงวาพร้อมๆ ไปกับการไม่หยุดพัฒนา นักเตะบางคนไปได้สุด บางคนก็ไปไม่สุดเพราะแหกโค้งหลุดออกข้างทางเสียก่อน
ในทีมที่มีการแข่งขันสูงลิบอย่างลิเวอร์พูล 2.0 ของคล็อปป์ ต่อให้เล่นดีก็ใช่จะการันตีตำแหน่งตัวจริงเมื่อคุณมีคู่แข่งอย่าง โดมินิก โซโบสไล อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ไรอัน กราเฟนแบร์ค ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ หรือกระทั่ง โกดี้ คักโป ที่โฉบลงมาเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุกได้
เส้นทางของเขายังอีกยาวไกล แต่การเริ่มได้รับเสียงตอบรับชื่นชมจากแฟนบอล เสียงด่าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงเชียร์ ถ้อยคำแดกดันผลักไสไล่ส่งที่เริ่มเปลี่ยนเป็นโอบกอดต้อนรับ มันย่อมเป็นกำลังใจกับเขาได้มาก ทำให้ต้นทุนของเขาแน่นหนาขึ้น
ไม่ต้องสู้โดยลำพังหรือเป็นตำบลกระสุนตกอย่างที่ผ่านมาอีกแล้ว.. แฟนบอลพร้อมจะทำความเข้าใจกับความผิดพลาดในบางครั้งมากขึ้น
สิ่งที่เกิดขึ้นกับโจนส์จากวันนั้นถึงวันนี้ อันที่จริงสามารถรวม โจ โกเมซ เข้าไปด้วยอีกคน บอกกับเราอีกครั้งว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ รู้จักเด็กของเขาดีกว่าใครจริงๆ
รู้จักดีชนิดที่กล้ามอบความเชื่อมั่นให้เต็มที่และยินดีที่จะรอคอย ใครไม่อยากรอแล้วก็ไม่เป็นไร จะต่อว่าเขาก็ได้ แต่เขาเป็นคนตัดสินใจ และพร้อมรับผิดชอบทั้งหมดด้วยตัวเอง
กี่คนกันแล้วครับที่การมองเห็นศักยภาพอย่างปรุโปร่งและมอบความไว้วางใจให้ของคล็อปป์เปลี่ยนชีวิตพวกเขา.. ผมหวังว่า เคอร์ติส โจนส์ จะเป็นคนนั้นเช่นกัน
ตังกุย