ในวันที่ลิเวอร์พูลต้องเจอมรสุม

ในวันที่ลิเวอร์พูลต้องเจอมรสุม
ในวันที่ต้องเจอมรสุม คุณจะไม่มีทางพบกับความปราณี

พายุร้ายโถมถั่งเข้าใส่เหมือนคนไร้หัวใจ มันไม่ใจดีกับคุณหรอก แต่จะฟาดโบยและเฆี่ยนตีอย่างไม่ยั้งจากทุกทิศทาง

ในเกมลีกนัดล่าสุดที่ไม่มีอะไรติดมือกลับออกมาเลยจากเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม นอกจากสามประตูที่เสียให้อาร์เซน่อลเจ้าถิ่นแล้ว ลิเวอร์พูลก็ยังโดนกระหน่ำด้วยเรื่องน่าปวดหัวรวดเดียวอีกถึง 4 เรื่อง

หลุยส์ ดิอาซ เจ็บ

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เจ็บ

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มีปัญหากับ กาเบรียล มาร์กัลเญซ และจะถูกสอบสวนเรื่องการใช้คำพูดไม่เหมาะสม

โฌแอล มาติป เจ็บ

ในวันที่ดี เรื่องดีๆ ก็พุ่งเข้ามาหาไม่หยุดหย่อน แต่ในวันที่แย่ ทุกอย่างก็เป็นแบบที่เห็น

ดิอาซคือนักเตะที่เล่นได้ดีที่สุดของทีมฤดูกาลนี้ ในขณะที่เพื่อนคนอื่นๆ ต้องพบกับปัญหาแตกต่างกันไป บางคนบาดเจ็บ บางคนฟอร์มตก ดาวเตะโคลอมเบียยังคงทำผลงานได้ดีตามมาตรฐานและทำมันได้อย่างสม่ำเสมอ เป็นกำลังหลักที่ขาดไม่ได้ไปแล้ว

แต่ก็นั่นแหละครับ การบาดเจ็บที่หัวเข่าจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ครึ่งแรกรุนแรงถึงขนาดต้องพักยาวถึงสิ้นปีนี้

หลังจากผ่านค่ำคืนแชมเปี้ยนส์ ลีกที่บุกถล่มไอบร็อกซ์ สเตเดี้ยม เมื่อวันพุธ ลิเวอร์พูลมีโปรแกรมเตะอีก 9 เกม..

9 เกมก่อนถึงวันที่ต้องปล่อยตัวผู้เล่นกลับไปรายงานตัวกับทีมชาติเพื่อศึกเวิลด์คัพ หลุยส์ ดิอาซ จะไม่ได้ลงช่วยทีมทั้งหมด เร็วที่สุดที่เขาจะกลับมาได้คือเกมในวันบ๊อกซิ่งเดย์ 26 ธันวาคม หลังจากศึกกาตาร์ 2022 ได้บทสรุป

ถึงวันนั้นยังไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าสถานการณ์ของทีมจะเป็นอย่างไร

ถ้าโคลอมเบียของเขาได้ไปฟุตบอลโลกคงจะยิ่งเป็นเรื่องเศร้าขึ้นไปอีก แต่เพียงแค่นี้มันก็น่าหดหู่พอแล้วสำหรับเดอะค็อป เมื่อทีมต้องเสียนักเตะที่ดีที่สุด ณ เวลานี้ไปในช่วงที่โปรแกรมแข่งอัดแน่นและทีมกำลังต้องการทุกคะแนน

หลังจากปิดฉากซีซั่นก่อนด้วยความสำเร็จสุดยอดลุ้นแชมป์สี่รายการและคว้ามาได้สองรายการ ทีมหงส์แดงก็เหมือนตกไปอยู่ในวังวนแห่งความวุ่นวายมาตลอด

คล้ายอาการพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก จะหยิบจับอะไรก็ดูแย่ไปเสียหมด

เกมรับที่เคยเหนียวแน่นก็กลับกลายเป็นอ่อนยุ่ย เสียประตูให้คู่ต่อสู้เกือบทุกเกม อลีสซง เบ็คเกอร์ เองก็ช่วยไว้ไม่ไหวเมื่อเพื่อนร่วมทีมที่อยู่ตรงหน้าเขาซึ่งเคยเป็นกำแพงยักษ์ปกป้องอันตรายก่อนมาถึงตัวต่างพากันฟอร์มหลุดออกทะเลกันถ้วนหน้า

เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ไม่น่าเกรงขามอย่างที่เคยเป็น อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ถูกเจาะเป็นว่าเล่นกลายเป็นตัวตลกของบรรดาแฟนบอลทีมอื่น แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ก็ฟอร์มตกแถมมีอาการบาดเจ็บรบกวน

เกมรับของลิเวอร์พูลอ่อนยวบลงชัดเจน สถิติการเสียประตูถึง 9 จาก 12 เกมที่ลงสนามทุกรายการยืนยันกับเราอย่างนั้น

เสียให้อาร์เซน่อล 3 ประตู ไบรท์ตัน 3 ประตู ฟูแล่ม 2 ประตู นาโปลี 4 ประตู.. จำนวนประตูที่เสียอย่างหยุดไม่อยู่ในหลายๆ เกมนั้นไม่ใช่ลิเวอร์พูลอันแข็งแกร่งที่เราเคยรู้จักเลย

ลิเวอร์พูลในยุค เจอร์เก้น คล็อปป์ นอกจากมีเกมรุกที่ฉกาจฉกรรจ์แล้วยังมีเกมรับอันเหนียวแน่นดั่งกำแพงหินสูงใหญ่เป็นเบื้องหลังความสำเร็จด้วย

ฤดูกาลนี้เกมรุกของลิเวอร์พูลยังคงทำหน้าที่ของตัวเองได้ มีประตูให้เห็นกันเรื่อยๆ แต่ 1 หรือ 2 ประตูที่เคยเพียงพอต่อการเก็บสามคะแนนกลับกลายเป็นไม่พอเสียแล้วเพราะเกมรับที่มีปัญหา 

ยิงได้ 1 ประตู 2 ประตูเหมือนกัน แต่ได้ผลการแข่งขันไม่เหมือนกัน เพราะจากเดิมที่มันแปรเปลี่ยนไปเป็นชัยชนะ 1-0 2-0 หรือ 2-1 ก็กลายเป็นเสมอหรือกระทั่งแพ้

ก็ขนาดยิงได้ 3 ประตูยังไม่ชนะเลยในเกมกับไบรท์ตัน นั่นคือความแตกต่างระหว่างวันนั้นกับวันนี้

ปัญหาของเกมรับไม่เพียงแค่บรรดากองหลังที่ต้องรับผิดชอบโดยตรงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเล่นของผู้เล่นในตำแหน่งอื่นๆ ด้วย โดยปกติแล้วกองหลังของลิเวอร์พูลจะมีตัวช่วยชั้นดีจากเพื่อนๆ ในเกมรุกและแดนกลางที่ช่วยสกรีนให้ตั้งแต่แรก กว่าที่บอลจะผ่านมาถึงพื้นที่อันตรายมันก็ถูกจัดการให้ก่อนไปแล้วร่วมครึ่งหนึ่ง

เป็นการเล่นเกมรับตั้งแต่แดนบนที่มีประสิทธิภาพ และเมื่อพลังของเกมรับแดนบนถดถอย เกมรับแดนล่างก็ต้องพบกับบททดสอบที่ถี่กว่าเดิม

เกมป้องกันของลิเวอร์พูลจึงคล้ายถูกชำแหละให้เห็นแผลเหวอะหวะในหลายๆ เกมที่ผ่านมาฤดูกาลนี้

หลายคนอาจจะถอดใจกับฤดูกาลนี้ไปแล้ว เพราะตั้งแต่เปิดฤดูกาลมาเมื่อเดือนสิงหาคมจนถึงเวลานี้กลางเดือนตุลาคม ลิเวอร์พูลยังไร้วี่แววที่จะเรียกพลังความเป็นเครื่องจักรสีแดงในเวอร์ชั่นของเจอร์เก้น คล็อปป์ กลับมา

หลังตีเสมออาร์เซน่อลเป็น 2-2 เมื่อวันอาทิตย์ยิ่งเห็นชัด แทนที่โมเมนตัมจะเหวี่ยงมาทางพวกเขา มันกลับเป็นทีมปืนใหญ่ที่ควบคุมทุกอย่างเบ็ดเสร็จและเล่นเพื่อที่จะเป็นผู้ชนะอยู่ทีมเดียว

ลิเวอร์พูลได้แต่ประคองตัวและภาวนาไม่ให้ทำนบพัง ทั้งที่โดยธรรมชาติแล้วทีมที่เพิ่งจะไล่ตีเสมอได้สองครั้งสองหนน่าจะมีความฮึกเหิมเปี่ยมกำลังใจมากกว่า

ลองนึกภาพดูก็ได้.. ถ้าหากเป็นลิเวอร์พูลที่กำลังไล่ล่าความสำเร็จอย่างหิวกระหาย เต็มไปด้วยพลกำลังอย่างที่เคยเป็น หลังจากตีเสมอ 2-2 ได้แล้ว รูปเกมจะออกมาอย่างไร

นั่นล่ะครับความเป็นจริงของชีวิต ในวันที่แย่ ทุกอย่างก็ดูแย่จริงๆ หากเปรียบเทียบเป็นกราฟ กราฟของลิเวอร์พูลก็ขึ้นๆ ลงๆ ไม่แน่นอน ชนะ 9-0 ได้ ถล่ม 7-1 ได้ แต่ก็สามารถแพ้อย่างงงๆ หรือสะดุดเสมอง่ายๆ ได้เหมือนกัน

อารมณ์ของเดอะค็อปจึงห่อเหี่ยวอย่างที่กำลังเป็น ฤดูกาลเพิ่งจะผ่านมาแค่สองเดือนเท่านั้นแต่ความทรมานกับผลงานและผลการแข่งขันของทีมทำให้เกิดความรู้สึกว่าเราจมอยู่กับมันมาหลายเดือน

แต่ความจริงก็คือความจริงครับ มองดูให้ชัดๆ อีกทีฤดูกาลนี้มันก็เพิ่งจะผ่านมาแค่สองเดือนเท่านั้นเองจริงๆ นั่นแหละ เส้นทางยังอีกยาวไกล ยังมีจุดพลิกผันที่อาจเกิดขึ้นได้อีกมากรออยู่ ทั้งกับเรา และกับคู่แข่งของเรา

อย่าเพิ่งรีบตัดสิน อย่าเพิ่งด่วนสรุปด้วยความรู้สึกที่มีในตอนนี้ โอเคล่ะมันอาจจะไม่มีอะไรดีขึ้นก็ได้ หรืออาจจะแย่ลงไปกว่านี้อีกก็ได้ แต่เราจะไม่เผื่อความหวังไว้กับความเป็นเราที่เคยแสดงให้เห็นมาตลอดเลยหรือ

ผมไม่กล้าบอกหรอกครับว่าเราจะทำได้ ไม่กล้ายืนยันฟันธงอะไรทั้งนั้นด้วยว่าเราจะกลับมาได้แน่ เพียงแต่ผมยังไม่มีความรู้สึกเลยสักนิดจริงๆ ว่าอยากยอมแพ้

ปัญหามีไว้ให้แก้ไม่ใช่ให้ยอมก้มหัวให้มันหรือบ่นกะปอดกะแปดโทษแดดโทษฝนไปเรื่อย ถ้าคล็อปป์สู้ นักเตะสู้ ผมก็พร้อมสู้ไปด้วย

ทุกคนและทุกทีมต่างก็ต้องเจอกับช่วงเวลาแบบนี้ สติและการตั้งหลักรับมือมันให้มั่นคือเรื่องสำคัญ ช่วงถูกมรสุมรุมเร้าก็ต้องประคองเอาตัวรอดไปให้ได้ รักษากำลังใจกำลังขวัญเอาไว้เพื่อรอวันที่ฟ้าเปิดอีกครั้ง

ไม่เคยมีมรสุมลูกไหนไล่ถล่มกันตลอดกาลหรอกครับ ทุกครั้งที่เกิดพายุใหญ่ สิ่งที่ตามมาเสมอคือท้องฟ้าอันสดใส

ในช่วงเวลาที่กำลังถูกพายุโหมกระหน่ำอย่างนี้ ผมได้แต่ส่งใจช่วยทุกคนในทีมให้ผ่านมันไปได้

ทุกๆ คน.. คล็อปป์ วอร์ด ไลจ์นเดอร์ส อลีสซง ฟาน ไดค์ เทรนต์ แฟ้บ เฮนโด้ ติอาโก้ บ๊อบบี้ ฮาร์วี่ย์ ดิอาซ ซาลาห์ เกอิต้า อ๊อกซ์ โจนส์..

ทุกๆ คน.. ที่เป็นคนของเรา คนของลิเวอร์พูล

ทุกๆ คน..

ยังคงมีความหวังอยู่เสมอครับ แน่นอนผมย่อมหวังว่าท้องฟ้าใสนั้นจะเกิดขึ้นได้ทันในฤดูกาลนี้ แต่ถ้ามันจะมาไม่ทันจริงๆ.. ก็ไม่เห็นเป็นไร โลกไม่ได้แตกสลายลงตรงหน้าเสียหน่อย

ตังกุย


ที่มาของภาพ : getty images
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport