ลิเวอร์พูลเหนือกว่า พร้อมกว่า

ลิเวอร์พูลเหนือกว่า พร้อมกว่า
การพบกันในพรีเมียร์ลีก 5 ครั้งหลังสุดระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงเอยด้วยผลการแข่งขันอย่างนี้..

4-2, 5-0, 4-0 และ 7-0 สำหรับลิเวอร์พูล

2-1 สำหรับยูไนเต็ด

แน่นอนครับในแง่ความรู้สึกที่มีต่อเกมนี้ ผมเชื่อว่าทั้งแฟนหงส์แดงและปีศาจแดงส่วนใหญ่น่าจะเห็นว่าโอกาสของแมนฯ ยูไนเต็ด น้อยนิดเต็มที

ผลงานในสนามก็แย่ เรื่องราวนอกสนามก็แย่ สภาพความพร้อมของผู้เล่นก็ยังแย่

ทีมของ เอริก เทน ฮาก ยามนี้มีนักเตะเจ็บเต็มไปหมด ไม่รู้ว่าถึงวันเตะสภาพร่างกายของแต่ละคนจะร้อยเปอร์เซนต์กันแค่ไหน

คนที่สมบูรณ์ดีและน่าจะเป็นที่พึ่งพาของทีมได้อย่าง บรูโน่ แฟร์นันด์ส ก็ดันมาติดโทษแบน

ยิ่งไปกว่านั้น เกมนี้ยังต้องไปเยือนแอนฟิลด์อีก

ผมเองก็รู้สึกในทำนองคล้ายๆ กันครับ โอกาสมีคะแนนของยูไนเต็ดนั้นไม่มากเลย แม้มันจะได้ชื่อว่าเป็นเกมแห่งศักดิ์ศรีที่มักจะมีเรื่องคาดไม่ถึงเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ ก็ตาม

วิเคราะห์กันในด้านฟุตบอลมันคือเกมที่ลิเวอร์พูลเป็นต่อทุกอย่าง ผลงานล่าสุด การได้เล่นในบ้าน รูปแบบการเล่นที่หลากหลาย นักเตะฟิตสมบูรณ์ดีในทุกแดน ตัวหลักที่ยังเจ็บก็มีคนทดแทนได้

สถิติการพบกันในช่วงหลังๆ ก็ยังยิ่งตอกย้ำความรู้สึกนี้ ลิเวอร์พูลอาจจะแพ้หนึ่งเกมที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แต่ชัยชนะ 4 จาก 5 เกมหลังและทะลวงได้ถึง 20 ประตูใน 4 เกมที่ว่านั้นเป็นการชนะแบบเด็ดขาดทั้งรูปเกมและสกอร์ ไม่ใช่การชนะในลักษณะกระเสือกกระสนหรือต้องดิ้นรนเอาตัวรอด

สิ่งที่ผมมองเห็นในการถล่มกันขาดลอยอย่างน้อยก็ 3 จาก 5 เกมหลังสุดของคู่นี้ (4-0, 5-0, 7-0) คือความเร็ว ความแม่น ความดุดัน และความเด็ดขาดของลิเวอร์พูลเหนือกว่าคู่ปรับตลอดกาลอย่างชัดเจน

เร็วกว่า.. ก็ถึงบอลได้ก่อน

แม่นกว่า.. ก็เข้าทำได้ต่อเนื่อง

ดุดันกว่า.. ก็ไล่บีบกดดันจนอีกฝ่ายผิดพลาด

เด็ดขาดกว่า.. ก็เปลี่ยนโอกาสที่มีเป็นประตูได้ และลงโทษทุกความผิดพลาดของยูไนเต็ดได้ทั้งสิ้น

ยูไนเต็ดมีปัญหาที่เกมรับ สิ่งที่เกิดขึ้นคือความสับสนลนลานรับมือกับเกมรุกที่ทั้งแม่นและเร็วของลิเวอร์พูลไม่ได้เลย

ยูไนเต็ดมีปัญหาที่กองกลาง สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการครอบครองบอลเป็นของลิเวอร์พูลแทบจะข้างเดียว เสียบอลก็อาศัยการเพรสซิ่งดุเดือดแย่งมันกลับมาครองอีกครั้งแล้วสร้างเกมรุกเข้าทำอย่างต่อเนื่อง

ยูไนเต็ดมีปัญหาที่กองหน้า สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือความอันตรายที่สามารถขู่เกมรับหงส์แดงได้แทบไม่มีเลย การผ่านบอลที่ช้าและเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจถูกดัก ถูกตัด หรือการส่งบอลให้กันด้วยน้ำหนักขาดๆ เกินๆ ก็กลายเป็นการยื่นบอลให้ลิเวอร์พูลไปเอง

นี่คือภาพใหญ่ๆ ของเกมขาดลอยทั้ง 3 ครั้งที่เกิดขึ้น ทั้งเดือนตุลาคม 2021 เมษายน 2022 และ มีนาคม 2023

ถ้าเกมที่แอนฟิลด์คืนวันอาทิตย์นี้รูปเกมยังออกมาเป็นแบบนี้ ชัยชนะก็น่าจะเป็นของลิเวอร์พูลเหมือนเดิม ส่วนความห่างของสกอร์ก็แล้วแต่เลยว่าจะไปจบที่เท่าไหร่

ถ้ามันเป็นแบบนั้นนะครับ..

ถามว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีโอกาสไหม ฟุตบอลลูกกลมๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นได้หมด ย้อนกลับไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2022 พวกเขาก็กำชัยเหนือคู่ปรับจากเมอร์ซี่ย์ไซด์ได้

มันถูกรายล้อมด้วย 3 เกมที่โดนถล่มขาดลอยนั่นแหละ.. เพราะฉะนั้น ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเสียเลย มันคือวันใหม่ เกมใหม่ โอกาสใหม่ ถ้าเตรียมความพร้อมมาดีจริงๆ ก็อาจทำได้

แล้วยูไนเต็ดต้องทำอย่างไรดี..

ผมคิดว่า เทน ฮาก น่าจะกำหนดจุดยุทธศาสตร์ที่การโจมตีพื้นที่หลังแบ๊กในเกมโต้กลับ ยูไนเต็ดมีผู้เล่นด้านข้างที่มีความเร็วทั้ง อเลฮานโดร การ์นาโช่ และ อันโตนี่

ไม่แน่ใจว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด ฟิตสมบูรณ์ดีไหมแต่เกมที่มีพื้นที่แบบนี้เขาน่าจะมีประโยชน์ แม้ผลงานส่วนตัวฤดูกาลนี้จะดิ่งเหวถูกวิจารณ์อย่างหนัก แต่แรชฟอร์ดก็มักจะทำได้ดีในเกมแดงเดือด

ผมไม่คิดว่าจะได้เห็นยูไนเต็ดบีบเกมไล่เพรสซิ่งแดนบนอย่างที่ทำกับ บาเยิร์น มิวนิค เมื่อกลางสัปดาห์ หนึ่งคือเกมเพรสซิ่งไม่ใช่อาวุธถนัดของพวกเขา สองคือเมื่อไม่ใช่อาวุธถนัด ประสิทธิภาพย่อมไม่เต็มร้อย เกมกับทีมเสือใต้แน่นอนการวิ่งไล่บอลอาจทำให้นักเตะทีมเยือนอึดอัดบ้างแต่ก็เอาตัวรอดได้เสมอด้วยการผ่านบอลและเคลื่อนที่

แล้วเมื่อถึงช่วงยี่สิบนาทีสุดท้ายของเกม การวิ่งไล่แดนบนอย่างเข้มข้นตั้งแต่แรกก็ทำให้พละกำลังของนักเตะยูไนเต็ดถดถอย แข้งขาหนักเร่งกันไม่ขึ้น

ยิ่งกับเกมนี้ต้องไปเยือนแอนฟิลด์ ถ้าบริหารเรี่ยวแรงไม่ดี ไล่เองแล้วหมดเองตั้งแต่กลางครึ่งหลัง โอกาสพินาศมีสูงมากด้วยความฟิตในการเล่นแบบเข้มข้นตลอด 90 นาทีของพวกเขายังเป็นรองนักเตะลิเวอร์พูล ทั้งยังมีปัญหาเรื่องขุมกำลังอีกต่างหาก

ยูไนเต็ดคงจะเลือกการเล่นอย่างอดทนที่สุด ช่วยกันปิดพื้นที่ในแนว 30-40 หลาจากประตู แดนกลางกับแนวรับยืนสองชั้น ถ่ายน้ำหนักของแนวไปตามที่ลูกบอลเคลื่อนที่ไป

กลยุทธสำคัญอยู่ที่วิธีการเล่นเกมรับว่าจะเล่นแบบไหน

ถ้ารับต่ำ รับอย่างเดียว ยื้อเวลาให้นานที่สุด ตราบใดที่ยังไม่เสียประตู ความกดดันก็จะเพิ่มบนบ่าลิเวอร์พูลมากขึ้น แต่แน่นอนว่าโอกาสเล่นงานเจ้าถิ่นก็น้อยลงตามไปด้วย

หรือจะตั้งรับแบบที่กล้าพุ่งเข้าแย่งและตัดบอล เล่นแบบนี้เสี่ยงมากกว่าเพราะถ้าแย่งไม่ได้หรือพุ่งเข้าไปพรวดพราดก็จะเสียตำแหน่ง เปิดพื้นที่ให้โจมตีเหมือนเชื้อเชิญ แต่ถ้ากะจังหวะแม่น ตัดบอลได้ ทีมก็พร้อมจะพลิกสถานการณ์รุกกลับได้ทันที

อ่านจังหวะการส่งบอลของนักเตะหงส์แดง จ้องตะปบขโมยบอลหรือเข้ารุมเร็วเพื่อแย่งบอลมาให้ได้แล้วเล่นโต้กลับ จะวางบอลทิ้งไปที่ปีกเลยหรือถ้าตัวริมเส้นยังไม่พร้อมเพราะต้องลงมาช่วยเกมรับแล้วยังขึ้นไปไม่ทันก็ต้องมีการผ่านบอลสั้นๆ ที่รวดเร็ว 1-2 จังหวะพาบอลทะลุตรงกลางขึ้นไปในแดนอีกฝ่ายให้ได้ในเวลาแค่ 2-3 วินาที

ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ใช้วิธีนี้เล่นงาน บาเยิร์น มิวนิค ในเกมบุนเดสลีกาที่พวกเขายำใหญ่ 5-1 สัปดาห์ก่อน จ้องรุมแย่งตัดการทำเกมตรงกลาง แล้วต่อบอลเร็วเหมือนสายฟ้าฟาดไม่เกิน 2-3 จังหวะเพื่อปลดความหนาแน่นตรงกลางสนามหลุดเข้าสู่พื้นที่หน้าแนวเกมรับ

ปัญหาคือสภาพทีมในตอนนี้ยูไนเต็ดมีผู้เล่นที่พร้อมจะทำอย่างนั้นไหมในแดนกลาง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ค็อบบี้ ไมนู โซฟียาน อัมราบัต จะต่อบอลฉึบฉับ 2-3 ทีหลังแย่งบอลได้เพื่อพาบอลหลุดเข้าสู่พื้นที่โจมตีได้ดีแค่ไหน

ยูไนเต็ดคงเล่นสลับกันไปตามสถานการณ์ของเกม แต่ในภาพรวมน่าจะเน้นเกมรับที่รัดกุม บางช่วงเวลาก็รับต่ำ บางช่วงเวลาก็รับแบบจ้องแย่งบอล ไม่ขึ้นไปไล่บีบแดนบนหรือต่อบอลสั้นๆ สู้เพราะคุณภาพความเร็วและแม่นยำน้อยกว่า

นั่นเป็นเรื่องที่น่าสนใจ อยากรู้เหมือนกันครับว่า เทน ฮาก จะวางแผนรับมือเกมนี้อย่างไรด้วยปัจจัยต่างๆ ที่มีอยู่

ขณะที่ลิเวอร์พูล ผมเชื่อว่าพวกเขาลงสนามด้วยความมั่นใจ

ตำแหน่งจ่าฝูงและการที่นักเตะตัวหลักได้พักกันพร้อมหน้าจากเกมยุโรปเมื่อวันพฤหัสฯ น่าจะช่วยสร้างความฮึกเหิมก่อนลงเตะได้มาก

ด้วยประสบการณ์ที่มีมากพอ พวกเขาย่อมรู้ดีถึงอันตรายของความประมาท เมื่อผ่านการวิเคราะห์และประชุมทีมกันมาแล้ว นักเตะลิเวอร์พูลคงมีความเชื่อมั่นว่านาทีนี้ตัวเองดีกว่า มีฟุตบอลที่เร็วกว่า แม่นยำกว่า ระบบการเล่นและการยืดหยุ่นของระบบมีมากกว่า

มีโอกาสชนะเยอะกว่า แต่ต้องเน้นที่สุด และไม่ประมาทโดยเด็ดขาด กองกลางต้องระแวดระวังสำรวจสถานการณ์รอบตัวให้ดี ห้ามเสียบอลง่ายๆ เพื่อปิดโอกาสโต้กลับของยูไนเต็ด

จะโหมเข้าใส่ตั้งแต่นาทีแรกเลยไหม.. เป็นไปได้ มันแลกมาด้วยความเสี่ยงที่จะเสียบอลและโดนโต้ก็จริงแต่ถ้าชิงทำประตูได้ก่อนก็ทำให้ช่วงเวลาที่เหลือมีงานที่ผ่อนคลายขึ้น

หรือจะเป็นแบบที่เห็นในหลายๆ เกม คือครองบอลหาช่องเข้าทำ ผ่านบอลไปอีกฟากถ้าด้านหนึ่งด้านใดแน่น ลิเวอร์พูลชุดนี้เล่นกับพื้นที่ทุกจุดได้ดี กวาดไล่จากซ้ายสุดผ่านตรงกลางไปขวาสุด มีช่องเปิดให้เมื่อไหร่ก็พร้อมเล่นงานทันที

กองกลางชุดนี้ของลิเวอร์พูลมีทั้งความกล้าที่จะพาบอลไปเอง กล้าผ่านบอลได้เสีย รวมทั้งกล้ายิงไกล ซีซั่นนี้กองกลางหงส์แดงมีประตูจากการซัดนอกเขตโทษกันแทบจะถ้วนหน้าทุกคน กระทั่ง วาตารุ เอนโด ยังเติมขึ้นไปซัลโวประตูได้ในเกมเบียดชนะฟูแล่ม 4-3

หรือถ้าอะไรไม่เป็นดั่งใจ ยิ่งเล่นยิ่งอึดอัดทำไม่ได้ อย่างน้อยก็ยังจะมีเสียงเชียร์ห้าหมื่นกว่าชีวิตของเดอะค็อปในแอนฟิลด์คอยปลุกเร้า ทางหนึ่งบีบคั้นผู้มาเยือน อีกทางหนึ่งเป็นพลังก๊อกสอง-สาม-สี่ ให้แข้งหงส์ เพราะเกมนี้ลิเวอร์พูลจะลงสนามเพื่อ 3 แต้มเท่านั้น ไม่เอาผลอื่น

ในภาพรวมแล้วผมมองเห็นเกมนี้คล้ายๆ กับแฟนบอลและนักวิจารณ์หลายคน ลิเวอร์พูลเหนือกว่า พร้อมกว่า ทั้งยังได้เปรียบที่เล่นในบ้าน น่าจะมีโอกาสชนะมากกว่า และในฐานะที่เป็นเดอะค็อปคนหนึ่ง ผมย่อมอยากเห็นทีมรักเป็นฝ่ายชนะ

จะชนะหวิว ชนะบานเบอะ หรือต้องดิ้นรนสายตัวแทบขาดกว่าจะได้ 3 แต้มก็ช่างมันเถอะครับ ผมขอแค่ผลลัพธ์เป็นชัยชนะก็พอใจแล้ว

ห้าทุ่มครึ่งคืนวันอาทิตย์นี้มาลุ้นกันครับ

ตังกุย


ที่มาของภาพ : getty images
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport