การเอาตัวรอดแบบ ลิเวอร์พูล

การเอาตัวรอดแบบ ลิเวอร์พูล
ย้อนไปซีซั่นก่อน ลิเวอร์พูล มักตอบสนองต่อสถานการณ์หลังพิงฝาได้ไม่กี่ครั้ง และหลายต่อหลายหนจบลงการด้วยก้มหน้ารับชะตากรรมของตัวเอง

แต่ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล เกิดความยืดหยุ่นบวกกับสปิริตที่ยอดเยี่ยม แล้วเป็น เจอร์เก้น คล็อปป์ เองที่ชุบชีวิตทีมของเขาขึ้นมาได้อีกครั้ง

ระหว่างที่ ลิเวอร์พูล เสมอ ฟูแล่ม อยู่ 2-2 คล็อปป์ ตัดสินใจรวดเร็วและเด็ดขาดด้วยการถอด โดมินิค โซโบซไล กับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ออกพร้อม ๆ กัน

คล็อปป์ อยากให้เกิดการปรับเปลี่ยนตรงแผงมิดฟิลด์ ซึ่งพอบอกได้ว่ามันคือเรื่องน่าเซอร์ไพรส์ ที่ยังเก็บ ไรอัน กราเฟนแบร์ค ไว้ทั้งที่แข้งดัตช์ แทบเล่นไม่ออก

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ขยับเข้ามารับบทบาทมิดฟิลด์คนคู่

บางทีนี่อาจเป็นสัญญาณถึงเรื่องที่ว่า คล็อปป์ คิดอย่างไรกับเกมกลางสัปดาห์รวมถึงอีกหลายนัดต่อจากนี้ในโปรแกรมอัดแน่นเดือนส่งท้ายปี

มองแง่ดีคือเราได้เห็นทางเลือกอื่น ๆ ที่ไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิม ๆ 

คล็อปป์ มีวัตถุดิบแดนกลางให้ใช้หลากหลายแบบ สามารถเปลี่ยนระบบตามแนวทางเล่นแต่ละนัด

ไม่ว่า วาตารุ เอ็นโด, ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, เคอร์ติส โจนส์ ที่ต่างมีสไตล์ต่างกันไป 

เทรนต์ มีอิสระกับเล่นเป็นมิดฟิลด์ เขาไม่ได้แค่ยืนคุมเกมและคอยออกบอล แต่ยังพาบอล, ผ่านบอลขึ้นหน้าได้ตามที่ต้องการ อีกทั้งสอดเข้าถึงกรอบเขตโทษในตอนที่ไม่ได้เล่นกับบอล

ความจริง แผงกองกลาง ลิเวอร์พูล ไม่ได้เพอร์เฟคอะไรเท่าไหร่ ความสมดุลและการปกป้องแนวรับยังไม่ดีพอ

พวกเขาโดนลูกแรกจากการโดนตัดบอลกลางสนามจนไลน์เกมรับสลับตำแหน่งกลับคืนไม่ทัน

ลูกสองคือเสียลูกเซตพีต แล้วลูกสามเจอเกมโต้กลับซึ่งเกิดขึ้นไม่นานหลัง กราเฟนแบร์ค กับ เทรนท์ ยืนอยู่ฝั่งขวา และเหลือแค่ โจ โกเมซ อยู่ตรงกลาง

จากนั้น คล็อปป์ ก็หยิบจับ เอ็นโด ขึ้นมาและส่งลงเล่นเพื่อให้มีระบบบวกกับความนิ่งมากขึ้น

จนกระทั่งกัปตันทีมชาติญี่ปุ่นคนปัจจุบันยิงเสียบสามเหลี่ยมและให้หลังอีกนาทีเดียว เทรนต์ กดสกอร์จนเกิดบรรยากาศสุดบ้าคลั่ง

ทุกคนต่างเริงร่า ไม่ว่าจะเป็น ผู้เล่น, ผู้ไม่ได้เล่น, เดอะ ค็อป, เจอร์เก้น คล็อปป์ หรือเหล่าสตาฟฟ์โค้ชทีมงาน 

ถามว่า ลิเวอร์พูล มีดีพอจะได้ลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก หรือยัง?!

มองจากผลการแข่งขันและวิธีเอาตัวรอด มันก็เห็นสมควรว่า ลิเวอร์พูล คู่ควรเป็นทีมแบบนั้น

จากวันที่ทำท่าจะแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ได้หนึ่งแต้มกลับมา

มาถึงวันที่เกือบพ่ายคา แอนฟิลด์ กลับยิงสองลูกแซงชนะ ฟูแล่ม แบบสุดดราม่า

ทว่าทีมชุดนี้ยังมีเรื่องให้แก้ไขอีกหลาย ๆ อย่าง เช่นการช่วยเล่นเกมรับที่ต้องเป๊ะตั้งแต่แดนบน รวมถึงความคงเส้นคงวาในแต่ละเกม

ถึงอย่างไร ลิเวอร์พูล 2.0 ชุดนี้หาทางกลับมาได้อยู่เรื่อย ๆ ซึ่งทำให้พวกเขาแตกต่างไปจากทีมอื่น ๆ

มันเป็นชุดความคิดที่ปลูกฝังจากตัวผู้จัดการทีม พวกเขาไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ 

แม้ในวันที่เกมรับของตัวเองผลงานแย่จนดูน่าเป็นห่วง

แต่เมื่อบรรดาแนวรุกเล่นได้ดีแบบนี้ พวกเขาก็พร้อมที่จะทำประตูชดเชยลูกที่เสียไปได้อยู่เสมอ

ฤดูกาล 2023-24 ไม่มีทีมไหนใน พรีเมียร์ลีก ที่เก็บแต้มจากสถานการณ์ที่ตอนแรกกำลังเป็นฝ่ายแพ้ได้มากไปกว่า ลิเวอร์พูล พวกเขาทำได้ถึง 15 คะแนน

แน่นอนล่ะว่า ไม่มีใครอยากเจอโมเมนต์แบบนี้บ่อย ๆ 

ไม่ใช่เรื่องดีหรอกหากคุณคิดจะเป็นทีมลุ้นแชมป์

"คุณต้องพยายามอย่างหนักและหาทางที่จะทำให้ได้ผลการแข่งขันที่ดี" เทรนต์ ระบุ 

"แน่นอนว่าคุณอยากเล่นด้วยฟอร์มที่ดี, ชนะขาดแบบ 3 หรือ 4 ลูก รวมถึงครองเกมได้ตลอดทั้ง 90 นาที"

"แต่บางครั้งคุณก็ต้องชนะในแบบที่ต่างออกไปบ้าง ผลการแข่งขันคือสิ่งที่สำคัญที่สุด"

มันไม่ได้เป็นเรื่องดีต่อความดันหัวใจ เดอะ ค็อป แต่ชัยชนะมันหอมหวานกว่าเดิมเมื่อคุณเก็บ 3 แต้มได้จากตอนแรกที่กำลังจะเป็นฝ่ายแพ้

เจมส์ เพียร์ซ ปิดท้ายประโยคนี้ได้แบบเห็นภาพ

HOSSALONSO



ที่มาของภาพ : GETTY IMAGE
BY : Hossalonso
ธีรศานต์ คงทอง
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport