เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ : ผู้ยกเครื่องและชุบชีวิต ลิเวอร์พูล ขึ้นมาอีกครั้ง

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ : ผู้ยกเครื่องและชุบชีวิต ลิเวอร์พูล ขึ้นมาอีกครั้ง
เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มีหัวใจความเป็นสเกาซ์อยู่เต็มเปี่ยม, เขาใส่สตั๊ด อาดิดาส พรีเดเตอร์ส, ยกระดับขึ้นมา และทำผลงานยอดเยี่ยมในตอนที่ทีมรักต้องการพึ่งพาใครสักคน

ตำแหน่งขวัญใจเด็กท้องถิ่นเคยเป็นของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และตอนนี้ เทรนท์ คือคนที่กำลังครองตำแหน่งนั้น

ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่แบรนด์ดังจาก เยอรมนี อยากดึงรองกัปตัน ลิเวอร์พูล มาจากอ้อมออก อันเดอร์ อาร์เมอร์ ที่เป็นสปอนเซอร์คู่กาย เทรนท์ มาตลอดตอนเป็นนักเตะอาชีพ

แล้วต่อจากนี้ เทรนท์ กับ อาดิดาส กำลังจะเป็นปัจจุบันและอนาคตซึ่งกันและกันบนบทบาทใหม่ของดาวเตะหมายเลข 66

นับตั้งแต่เกมเยือน เอติฮัด เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ไม่มีใครที่เป็นตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงภายในทีม ลิเวอร์พูล ได้มากกว่า อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ อีกแล้ว

ย้อนกลับไปในนัดนั้น เกมรับ ลิเวอร์พูล เปื่อยยุ่ย ตัว เทรนท์ เองก็โดนวิจารณ์ไม่ใช่น้อย เขาถูก แจ็ค กรีลิช เล่นงานจนแทบหมดสภาพ 

เขาดูเสียความมั่นใจไปเยอะ และทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องเจอผลงานเลวร้ายต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ให้หลังราว 1 สัปดาห์จากเกมแพ้ แมนฯ ซิตี้ 1-4 คล็อปป์ กับ เป๊ป ไลน์เดอร์ส ตัดสินใจปรับแทคติกครั้งใหญ่ช่วงระหว่างเกมเปิด แอนฟิลด์ เจอ อาร์เซน่อล

เทรนท์ ถูกจับมาเล่นแบบไฮบริด มีบทบาทตรงแดนกลางตอน ลิเวอร์พูล ปรับจาก 4-3-3 เป็น 3-4-3 เมื่อเป็นฝ่ายครอบครองบอล 

ไลน์เดอร์ส คือคนที่เชื่อมั่นมากว่าเขาจะทำได้ดี ถึงขนาดเดิมพันกับ คล็อปป์ ว่าจะไม่รับเงินเดือนเลยหนึ่งปีหากมันไม่ได้ผล

แล้วนับจากนั้น ลิเวอร์พูล แพ้แค่เกมเดียวจาก 24 นัดหลังสุดบนเวที พรีเมียร์ลีก เกมเดียวนั้นคือนัดพ่ายต่อ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เมื่อเดือนกันยายน

ระบบนี้ถูกออกแบบเพื่อให้ เทรนท์ มีอิสระตรงการเล่นพื้นที่กลางสนาม ซึ่งเป็นจุดที่เขาสามารถโจมตีคู่แข่งได้ แล้วเกมล่าสุด เขาก็แสดงให้เห็นสิ่งนั้น

ภายหลังรับบอลจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ตรงเส้นกรอบเขตโทษ สัมผัสแรกของเขายอดเยี่ยมแล้วสัมผัสสองยิ่งดีขึ้นไปอีกเมื่อสับไกส่งบอลผ่านมือ เอแดร์ซอน เข้าไป

เทรนท์ วิ่งไปยังกองเชียร์เจ้าถิ่น แล้วเกิดความสนุกที่ได้เห็นสีหน้าของมวล ซิตี้เซน ที่อยู่ตรงหน้า

นั่นคือประตูแรกของ เทรนท์ นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ซึ่งมันหยุดไม่ให้ แมนฯ ซิตี้ สานต่อสถิติคว้าชัยติดกันในรังเหย้าตัวเองเป็นนัดที่ 24 

และคงให้ ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ "เรือใบสีฟ้า" ในลีกสองเกมติดต่อกันเป็นเวลา 86 ปี

ตัวเลขจับบอล 66 ครั้งมากสุดในบรรดาเพื่อนร่วมทีม ตอกย้ำว่า เทรนท์ มีอิทธิพลมากแค่ไหนที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม

มิเพียงแค่นั้น ไม่มีใครในผู้เล่นเอาท์ฟิลด์ของทั้งสองทีมที่ชิงบอลกลับคืนมาได้มากกว่าเขา (10)

มีนักเตะเพียงไม่กี่คนที่โดนเพ่งเล็งมากพอ ๆ กับเขา 

บางคนถึงขั้นหมกมุ่นกับการพยายามหาความผิดพลาดของเขามากกว่าที่จะยกย่องทักษะอันน่าทึ่ง

จริงอยู่ว่าเขาควรทำได้ดีกว่านี้ในการรับมือกับ นาธาน อาเก้ ก่อนที่ เออร์ลิง ฮาลันด์ ทำประตูขึ้นนำ 

ทว่าเรื่องเกมรับมันก็ควรจะต้องยกย่องที่ เทรนท์ ทำได้ดีในการจัดการกับ เฌเรมี่ โดกู

"เทรนท์ เล่นได้ได้ยอดเยี่ยมจริง ๆ มีอิทธิพลสูงมาก ๆ" คล็อปป์ กล่าว

"เขาแข็งแกร่งสุด ๆ ตอนเจอสถานการณ์ตัวต่อตัว"

เทรนท์ เผยตอนจบเกมว่า ช่วงครึ่งแรกเกมแพลนของ ซิตี้ ที่จะหยุดเขาตอนได้บอลตรงกลางคือการให้ เบร์นาร์โด้ ซิลวา ตามประกบ

ระหว่างช่วงพักครึ่ง มีความเห็นตรงกันกับ คล็อปป์ ว่า เทรนท์ ควรจะขยับไปทางฝั่งขวามากขึ้นในบางจังหวะ 

โดย คล็อปป์ มักจะบอกว่านี่เป็น "พื้นที่เล็ก ๆ ที่ถูกซ่อนอยู่" เพื่อที่นักเตะอย่าง อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จะสามารถทำเรื่องต่างๆ ได้

ไม่มีทีมไหนที่เล่นได้ตามศักยภาพของตัวเอง การต้องมาเตะกันตอนเที่ยงวันครึ่งหลังจบโปรแกรมเกมทีมชาติมาหมาด ๆ ทำให้เกมนี้ขาดคุณภาพ, เรี่ยวแรง และความเข้มข้นตามแบบที่ควรจะเป็น

อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ย้ำว่าหลังบินจาก อเมริกาใต้ มายัง อังกฤษ ตัวเองงัวเงียสุด ๆ ที่ต้องตื่นมาประชุมทีมตอนวันศุกร์ 

ขณะที่ อลีสซง เบ็คเกอร์ อีกคนหนึ่งที่กลับมาพร้อมกับ แม็คก้า มีอาการเจ็บแฮมสตริง และเดินกระโผลกกระเผลกออกจากสนาม แถมก่อความผิดพลาดบ่อยครั้งแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

บทสรุปจากเกมนั้นคือการที่ ลิเวอร์พูล เก็บแต้มจากโปรแกรมที่ยากที่สุดของฤดูกาล แถมเป็นเกมที่พวกเขาไม่ได้มีผลงานที่ดีที่สุด

ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณหนึ่งของความก้าวหน้าครั้งสำคัญ

ความต่างของการให้สัมภาษณ์หลังจบเกมที่ คล็อปป์ พูดไว้เจอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตอนเดือนเมษายนกับครั้งล่าสุดคือการประเมินจุดผิดพลาดจากการเล่นได้แย่ในครึ่งหลัง

"เราเปิดพื้นที่ว่างมากเกินไป, เล่นแบบเฉื่อยชาเกินไป, เราทำได้ไม่ดีพอในทุกด้าน"

ตอนนั้นทั้ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ ฟาบินโญ่ สู้กับ แมนฯ ซิตี้ ไม่ได้ และวิ่งตามผู้เล่นของ ซิตี้ ไม่ทันจนทำให้แดนกลางมีช่องโหว่ขนาดใหญ่ 

ลิเวอร์พูล ได้ครองบอลแค่ 32 % ขณะที่ ซิตี้ มีโอกาสยิงตรงกรอบถึง 8 หน สวนทางกับ ลิเวอร์พูล ที่ทำได้เพียง 1 ครั้ง

แต่ปัจจุบัน อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ขยับขึ้นมาเล่นตรงกลางที่เป็นเหมือนการยกเครื่อง และฟื้นคืนชีพทีมของ คล็อปป์ ขึ้นมาจน ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมที่ต่างไปจากเดิม 

เกมเมื่อวันเสาร์ ลิเวอร์พูล ครองบอล 40 % มีจังหวะยิงเข้ากรอบ 3 ครั้ง ส่วน แมนฯ ซิตี้ ทำแบบนั้นได้ 5 หน

แม้ว่าจะเหนื่อยล้าจากการเดินทาง แต่ แม็ค อัลลิสเตอร์ ก็ยังทำหน้าที่หมายเลข 6 ดีไม่ใช่น้อย

เขาเข้าสกัดบอล 3 ครั้ง ชิงบอลกลับมาครอง 8 ครั้ง และผ่านบอลเข้าเป้า 41 จาก 43 คิดเป็น 93 % 

แล้ววันที่ โดมินิค โซโบซไล ไม่ได้เปล่งประกายเท่าไหร่ แต่เขายังผ่านบอลสำเร็จ 22 จาก 25 ครั้ง (88 %) 

ช่วง 45 นาทีแรก แมนฯ ซิตี้ ทะลวงแนวของ ลิเวอร์พูล ได้ง่ายเกินไปใน แต่ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล มีความรัดกุมมากกว่าเดิม 

การเปลี่ยนเอา ไรอัน กราเฟนแบร์ค กับ หลุยส์ ดิอาซ ลงมาถือว่าช่วยทีมได้เยอะ 

"ในครึ่งหลังเราทำได้ดีขึ้นเยอะ" แม็ค อัลลิสเตอร์ ระบุ 

"เราเอาชนะจังหวะดวลกับอีกฝ่ายได้มากกว่าเดิม การได้บอลมาครองมากขึ้นมันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ "

ความแตกต่างของแนวทางการผ่านบอลระหว่างเกมที่แพ้ 1-4 กับนัดล่าสุดดูก็ได้ 

สัญลักษณ์ตรงนักเตะแต่ละคนแสดงให้เห็นว่าเฉลี่ยแล้วพวกเขาเริ่มด้วยการยืนอยู่ตรงจุดไหนในการผ่านบอลระหว่างตอนเริ่มเกมกับตอนที่ทำการเปลี่ยนตัวคนแรก 

สัญลักษณ์ที่ใหญ่ขึ้นสื่อให้เห็นว่านักเตะคนนั้น ๆ พยายามผ่านบอลมากกว่าเดิม

สัญลักษณ์สี แดง-เหลือง-เขียว บ่งบอกถึงความสำคัญของการครองบอล รวมถึงเรื่องที่ว่า การผ่านบอลหรือคนที่ผ่านบอลช่วยเพิ่มโอกาสทำประตูให้ทีมด้วยการเคลื่อนบอลเข้าไปใกล้กับปากประตูของคู่แข่งได้มากแค่ไหน

เกมล่าสุด ลิเวอร์พูล ขยับขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงกว่าเดิม และมีระเบียบในการเล่นมากขึ้น แล้วยังมีหลักความคิดในการเล่นที่ต่างไปจากเดิมเอามาก ๆ 

ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล เก็บแต้มได้ถึง 12 คะแนนจากเกมที่ตกเป็นฝ่ายตามหลังไปก่อน ส่งผลให้พวกเขาเป็นทีมที่ทำอย่างนั้นได้ดีที่สุดของ พรีเมียร์ลีก ในซีซั่นนี้ 

ขณะที่ตอนเดือนเมษายนที่ผ่านมาพวกเขาไม่มีความกล้าหาญในการเล่นเท่าไหร่ 

แต่ก็แน่นอนว่า ไม่มีใครอยากเป็นฝ่ายตามหลังบ่อย ๆ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องนับถือความยืดหยุ่นของทีมด้วย

"ฤดูกาลที่แล้ว เราไม่มีโอกาสจัง ๆ เลย แต่วันนี้เรามีโอกาสแบบนั้น" คล็อปป์ เผย

"มันไม่ใช่ว่าผมมองผลงานของเราแล้วคิดว่า -โอเค เอาแค่นี้แหละ เราจะเล่นกันแบบนี้- เพราะผมมองเห็นถึงการเล่นหลายอย่างที่ผมยังไม่พอใจเท่าไหร่"

"แต่ทัศนคติของเรายังถือว่าดีอยู่ มันเป็นสัปดาห์ที่ยากลำบากมาก ๆ"

"เราแยกตัวกันไป 10 วัน, กลับมารวมตัวกัน, ได้ซ้อมแค่ครั้งเดียว แล้วก็ต้องลงเล่นเกมที่ยากที่สุด"

ถึงอย่างไร การได้หนึ่งแต้มกลับออกมาคงเป็นเหมือนที่ เจมส์ เพียร์ซ ว่าไว้

"Liverpool were indebted to their home-grown hero who christened those new boots in style."

"ลิเวอร์พูล เป็นหนี้บุญคุณฮีโร่ท้องถิ่นที่ลงเล่นพร้อมกับรองเท้าใหม่ด้วยฟอร์มอันสุดยอด"

เรียบเรียงจาก The Athletic

HOSSALONSO


ที่มาของภาพ : GETTY IMAGE
BY : Hossalonso
ธีรศานต์ คงทอง
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport