ศึกระดับ 5 ดาว!เกร็ดก่อนเกม แมนซิตี้ พบ ลิเวอร์พูล

ศึกระดับ 5 ดาว!เกร็ดก่อนเกม แมนซิตี้ พบ ลิเวอร์พูล
สำหรับหลายคนนั้น หนึ่งในเกมฟุตบอลของทวีปยุโรปที่น่าสนใจมากที่สุดของช่วงสุดสัปดาห์นี้คงจะเป็นเกมที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม หลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะได้เปิดรัง เอติฮัด สเตเดี้ยม เจอกับ ลิเวอร์พูล

ช่วงที่ผ่านมาทั้ง 2 ทีมต่างก็กำลังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมและมีอันดับดีทั้งคู่ เพราะทาง "เรือใบสีฟ้า" ครองตำแหน่งจ่าฝูงด้วยผลงาน 28 คะแนนจากการลงเล่น 12 นัด ส่วน "หงส์แดง" ก็เป็นรองจ่าฝูงในสภาพที่ตามหลังอยู่เพียง 1 คะแนน ซึ่งเราจะมาพูดถึงเกร็ดที่น่าสนใจบางอย่างเพื่อเป็นการโหมโรงสำหรับเกมใหญ่นัดนี้กัน

- คำสาปจะไปต่อหรือถูกหยุด

ในเกมลีกนัดล่าสุดที่เจอกันนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน ปี 2023 ซึ่งวันนั้น แมนฯ ซิตี้ เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมจนเปิดรังเอาชนะ ลิเวอร์พูล ไปด้วยสกอร์ 4-1 และเกมในวันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายนนี้หลายคนก็ยังมองว่าทีมสีฟ้าของเมืองแมนเชสเตอร์เป็นต่ออยู่บ้าง

อย่างไรก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่าครั้งสุดท้ายที่ แมนฯ ซิตี้ เอาชนะ ลิเวอร์พูล ในลีกแบบติดต่อกันได้นั้น ต้องย้อนไปถึงช่วงปี 1935-1937 ที่เคยทำได้ 4 เกมติดต่อกันนู่นเลย ดังนั้นมันจึงน่าสนใจว่าหนนี้คำสาปมันจะยังทำงานอยู่หรือไม่

 - 2 ยอดกุนซือผู้ไม่ยอมกัน

ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น โจเซป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แมนฯ ซิตี้ และ เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ ลิเวอร์พูล ต่างก็ได้รับการยกย่องจากหลายคนว่าอยู่ในกลุ่มกุนซือที่เก่งที่สุดของโลกลูกหนังในปัจจุบัน และพวกเขาก็มีโอกาสได้ดวลกึ๋นกันไปแล้ว 28 ครั้ง ซึ่งนั่นทำให้ คล็อปป์ เป็นกุนซือที่ กวาร์ดิโอล่า ได้เผชิญหน้าด้วยมากที่สุด ในทางตรงกันข้าม กวาร์ดิโอล่า ก็เป็นคู่แข่งที่ คล็อปป์ เคยเจอด้วยมากที่สุดเช่นกัน

นอกจากนี้ กวาร์ดิโอล่า ก็ไม่เคยแพ้ให้กับกุนซือคนไหนมากไปกว่า คล็อปป์ ด้วย หลังจากเขาเสียท่าให้กุนซือชาวเยอรมันไปทั้งหมด 11 ครั้ง แต่อีกด้านหนึ่ง กวาร์ดิโอล่า ก็เป็นกุนซือที่ยัดเยียดความปราชัยให้ คล็อปป์ ได้มากที่สุดเช่นกัน ที่จำนวน 10 หน

 - ฟอร์มหายเมื่อไปเยือน

อย่างที่รู้กันดีว่าในฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล มีผลงานเวลาลงเล่นเกมเยือนไม่ดีเท่าไหร่นัก เพราะพวกเขาชนะในลีกแค่ 2 เกมจากทั้งหมด 6 หนที่ออกไปเล่นนอกบ้าน นั่นคือวันที่พิชิต นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2-1 และเกมดับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 3-1 โดยที่เหลือแบ่งเป็นการเสมอ 3 เกมกับแพ้ 1 นัด

แค่นั้นก็ถือว่าทำให้ เดอะ ค็อป กังวลในระดับหนึ่งอยู่แล้ว และผลงานการเยือน แมนฯ ซิตี้ ของทีมสีแดงแห่งย่านเมอร์ซี่ย์ไซด์ก็น่าเป็นห่วงมากกว่าเดิมอีก เพราะเกมลีก 14 นัดหลังสุดที่ไปเยือน แมนฯ ซิตี้ นั้น ลิเวอร์พูล ชนะแค่หนเดียว นั่นคือเกมที่คว้าชัยไป 4-1 เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ปี 2015

 - คู่แข่งที่ ฮาลันด์ ยังไปไม่เป็น

หากถามว่ากองหน้าคนไหนที่เก่งที่สุดของโลกฟุตบอลในตอนนี้แล้วล่ะก็ เชื่อได้ว่าชื่อของ เออร์ลิง ฮาลันด์ จะโผล่มาเป็นลำดับแรกๆ ในใจของหลายคน เพราะเขาทำประตูได้อยู่บ่อยๆ ต่อให้จะเจอทีมใหญ่หรือทีมที่ไม่แข็งแกร่งนัก แต่เชื่อหรือไม่ว่าเขายังทำประตูใส่ ลิเวอร์พูล ในเกมระดับ พรีเมียร์ลีก ไม่ได้เลย และนี่ก็ถือเป็นเพียงหนึ่งใน 2 ทีมที่เขายังยิงในเกม พรีเมียร์ลีก ไม่ได้ โดยอีกรายคือ เบรนท์ฟอร์ด

 - เวลาพาเศร้า

เกมระหว่าง แมนฯ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล รอบนี้จะเตะกันตอน 12.30 น. ตามเวลาของที่อังกฤษ ซึ่งนั่นทำให้ทั้ง คล็อปป์ และ กวาร์ดิโอล่า ไม่พอใจในระดับหนึ่ง เพราะนักเตะหลายคนของพวกเขาเพิ่งไปรับใช้ทีมชาติกันมาหมาดๆ จนทำให้ทีมจะไม่มีเวลาพักหรือเตรียมความพร้อมมากนัก

ทั้งนี้ คล็อปป์ ไม่ถูกโฉลกกับเกมรอบ 12.30 น. ของวันเสาร์มากเป็นพิเศษ เพราะเขามีเปอร์เซ็นต์ชนะในเกมที่เตะกันช่วงนั้น 48.6 เปอร์เซ็นต์ ต่างกับช่วงเวลาอื่นๆ ที่ทำได้สูงถึง 64.6 เปอร์เซ็นต์ด้วยกัน

เปรียบเทียบผลงานของ ลิเวอร์พูล ยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เวลาเล่นเกม พรีเมียร์ลีก

เกมที่เตะตอน 12.30 น. ของวันเสาร์

 เกมที่เตะกันในช่วงเวลาอื่นๆ
37  
จำนวนนัด  
  271
48.6%   
เปอร์เซ็นต์ชนะ 
  64.6%
32.4%    
เปอร์เซ็นต์เสมอ  
21.8%
18.9% 
เปอร์เซ็นต์แพ้ 
13.7%
1.78   
ค่าเฉลี่ยแต้มต่อ 1 นัด 
2.15

 - คู่อริที่เกมเต็มไปด้วยความสนุก

ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น แมนฯ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล ถือเป็นคู่อริลำดับต้นๆ ของวงการฟุตบอลอังกฤษ โดยมันไม่ได้เป็นเพียงเพราะพวกเขามีผลงานที่ดี แต่ยังรวมถึงการที่ทั้งคู่ต่างก็มีเกมรุกที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างมากด้วย

เชื่อหรือไม่ว่าใน 11 นัดหลังสุดของทุกรายการที่ทั้ง 2 ทีมเจอกันนั้น มันมีประตูเกิดขึ้นรวมแล้ว 43 ลูก คิดเป็นค่าเฉลี่ย 3.9 ประตูต่อ 1 เกมเลยทีเดียว นอกจากนี้มันก็มีจังหวะนอกเกมไม่มากนักจนทำให้มีใบเหลืองเกิดขึ้น 41 ใบ น้อยกว่าจำนวนประตูที่เกิดขึ้นซะอีก แถมยังไม่มีการแจกใบแดงแม้แต่ใบเดียวด้วย

- เด็กเกร็ดบอล -


ที่มาของภาพ : GETTY IMAGE
BY : เด็กเกร็ดบอล
เด็กเกร็ดบอล
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport