แผงกองกลางที่ดีที่สุดของ ลิเวอร์พูล ตามคู่แข่งที่เจอ

แผงกองกลางที่ดีที่สุดของ ลิเวอร์พูล ตามคู่แข่งที่เจอ
แผงกองกลาง ลิเวอร์พูล 1.0 ที่นำโดย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินโญ่ ไวนัลดุม, เจมส์ มิลเนอร์ และ ฟาบินโญ่

มิดฟิดล์ชุดนั้นขึ้นชื่อในเรื่องของการใช้พลังงาน และบดบี้ทำลายเกมคู่แข่งมากกว่าการสร้างสรรค์เกม 

แต่กับ ลิเวอร์พูล 2.0 ขุมกำลังมิดฟิลด์ของ ลิเวอร์พูล แตกต่างไปแบบสิ้นเชิง

กลางชุดปัจจุบันมีคุณภาพเรื่องเทคนิค, ความคิดสร้างสรรค์ และมีอิทธิพลต่อเกมรุกมากกว่ารุ่นก่อน

บวกกับการใช้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มาช่วยคุมเกมตอนครองครองบอลก็เป็นอีกหนึ่งมิติที่เราเห็นกันในตอนนี้

ที่ผ่านมา เรายังไม่เห็นชัดว่า 3 มิดฟิลด์ชุดไหนที่เป็นตัวเลือกแรก และอาจไม่มีตายตัวเลยจริง ๆ ก็ได้ อยู่ที่ว่าชุดไหนเหมาะกับเกมไหนมากกว่า

อ้างอิงจากข้อมูลที่ทาง ดิ แอธเลติก วิเคราะห์ไว้ครับ ว่าการเจอทีมลักษณะใด ควรใช้ใครออกสตาร์ทพร้อมกัน

- ทีมที่เน้นการครองบอลเป็นหลัก

นี่คือจุดที่ต้องมีคนที่ไล่กดดันได้ดี คนที่รับบทเบอร์ 8 นั้นต้องช่วยไล่กดดันคู่แข่งตั้งแต่ในแดนของอีกฝ่าย 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่แข่งนัดต่อไปคือทีมที่เก็บบอลกับตัวได้ดีที่สุด 

ส่วน ลิเวอร์พูล จะทำได้ดีแค่ไหนในจังหวะที่ไม่ได้ครองบอล ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการชี้ขาดว่าพวกเขาจะได้ผลการแข่งขันที่ดีกลับออกมาจาก เอติฮัด สเตเดี้ยม หรือไม่

ลิเวอร์พูล รั้งอยู่อันดับ 6 ในหมวดทีมที่ครอบครองบอลเฉลี่ยมากสุดในฤดูกาลนี้ (58.5 เปอร์เซ็นต์) โดยเป็นรอง แมนฯ ซิตี้, ไบรท์ตัน, อาร์เซน่อล, เชลซี และ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์

สามในห้าทีมนั้น ลิเวอร์พูล เผชิญหน้ามาแล้วซึ่งผลงานออกมาไม่สวยงามเท่าไหร่นัก

ลิเวอร์พูล เจองานยากในการเพรสซิ่งใส่ เชลซี ตอนวันเปิดม่านซีซั่น 

และแทบจะหาโอกาสทำประตู สเปอร์ส ไม่ได้เลย ในตอนที่ตัวผู้เล่นครบ 11 คน 

ส่วนอีกเกม ลูกทีมของ คล็อปป์ ได้สองประตูจากสถานการณ์เพรสสูงใส่ ไบรท์ตัน

ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ เป็นคนที่มีตัวเลขด้านการเอาชนะแดนสามหรือพื้นที่สุดท้ายมากสุดด้วยจำนวน 2.13 ครั้งต่อ 90 นาที

คนที่ตามมาคือ เคอร์ติส โจนส์ 1.28, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ 1.12, ไรอัน กราเฟนแบร์ค 0.99 และที่น่าแปลกใจคือ โดมินิค โซโบซไล 0.94

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้อาจไม่เป็นธรรมต่อ โซโบซไล เท่าไหร่ เมื่อพิจารณาจากที่เขาลงเล่นเป็นจำนวนนาทีมากสุด 1,055 แม็ค อัลลิสเตอร์ 885 นาที ส่วนคนที่เหลือไม่มีใครเกิน 300 นาทีเลย

เมื่อมองข้อมูลดิบแล้วพบว่า โซโบ กับ แม็คก้า ต่างเอาชนะการครอบครองบอลแดนสามเท่ากัน 11 ครั้งมากที่สุดในทีม

การเจอทีมลักษณะนี้ เราเห็น เอลเลียตต์ พบปัญหานัดเจอ ไบรท์ตัน จนถูกเปลี่ยนตัวออกตอนช่วงพักครึ่ง 

กราเฟนแบร์ค อยู่ในช่วงกำลังปรับตัวกับระบบ 

โจนส์ ดูเหมือนเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อเคียงข้าง โซโบซไล กับ แม็ค อัลลิสเตอร์ ในเกมเจอทีมเหล่านี้

เพราะด้วยพละกำลังที่ไม่หมดง่าย ๆ รวมถึงความรู้จักแทคติคการเพรสซิ่งแบบ ลิเวอร์พูล มานาน

แผงกลางที่เหมาะสม : แม็ค อัลลิสเตอร์-โจนส์-โซโบซไล

- ทีมที่ถอยตั้งรับลึก

ตามทฤษฎี ยิ่งแผงกลางสร้างโอกาสได้มากเท่าไหร่คุณก็จะมีโอกาสที่จะทำลายแนวรับที่ถอยไปตั้งรับลึกได้ดีขึ้นตามไปด้วย 

ถ้าดูตามหน้าเสื่อจะเห็นว่า แม็ค อัลลิสเตอร์, โซโบซไล และ กราเฟนแบร์ก ต่างมีเทคนิคที่ยอดเยี่ยมและมีความสร้างสรรค์ในการเล่นที่ดีจนพอที่จะสามารถระเบิดแนวรับของคู่แข่งได้

แต่พวกเขาไม่ได้ทำได้ง่าย ๆ ไปเสียทุกครั้ง ก่อนเกมกับ เบรนท์ฟอร์ด ทั้งสามคนลงเป็นตัวจริงในเกม พรีเมียร์ลีก ทั้ง 3 นัด ไม่ว่าจะเป็นเกมกับ เอฟเวอร์ตัน, น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ และ ลูตัน ทาวน์ ซึ่งต่างก็เป็นทีมที่ชอบถอยไปตั้งรับลึก

พวกเขาไม่มีปัญหาในการเล่นงาน ฟอเรสต์ โดยที่ โซโบซไล ทำได้ 2 แอสซิสต์ แต่เกมกับ เอฟเวอร์ตัน และ ลูตัน มันต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง 

ลิเวอร์พูล ต้องพึ่งจุดโทษเพื่อขึ้นนำคู่ปรับร่วมเมือง และเกมเยือน ลูตัน ก็ต้องรอจนถึงนาทีที่ 95 กว่าจะตามตีเสมอ

แผงกลาง ลิเวอร์พูล อาจจะบอกว่าแนวรุกจบสกอร์ได้ไม่ดีเอง แต่โดยรวมแล้วในเกมกับ ลูตัน พวกเขาไม่สามารถคุมเกมได้ และไม่สามารถเจาะแนวรับอีกฝ่ายเมื่อขาดเกม เคาท์เตอร์-เพรสซิ่ง ที่ดี และผ่านบอลได้แย่

เอลเลียตต์ ที่แอสซิสต์ให้ หลุยส์ ดิอาซ ในเกมนั้น คือผู้เล่นมิดฟิลด์ที่สร้างสรรค์ได้ดีที่สุด ตกเฉลี่ย 1.77 ครั้งจากลูกโอเพ่น เพลย์ต่อการเล่น 90 นาที

โซโบซไล ตามมาไม่ได้ห่างนักด้วยตัวเลข 1.62 ขณะที่ กราเฟนแบร์ค มีค่าเฉลี่ยต่ำกว่าหนึ่งครั้ง 0.99

และในจำนวน 288 นาทีที่ โจนส์ ลงเล่น เขายังไม่สามารถสร้างโอกาสได้เลย

แม็ค อัลลิสเตอร์ คือคนที่สมบูรณ์แบบกับเกมลักษณะนี้จากการที่เขาสามารถควบคุมเกมได้ยอดเยี่ยม อีกทั้ง แม็คก้า ยังมีสายตาเฉียบคมในการออกบอลทำลายแนวรับ เหมือนที่เราเห็นนัดที่เจอ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่หยอดให้ ดาร์วิน นูนเญซ ทำสกอร์

ถ้าเจอทีมที่ตั้งรับดี ๆ การผ่านบอลเพื่อทะลวงแนวรับไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่าย ๆ เลย

บางครั้งมันจำเป็นต้องพึ่งพาบางอย่างที่ต่างออกไป ซึ่ง ลิเวอร์พูล ก็มีทางแก้แบบนั้น เพราะพวกเขามีคนที่เลี้ยงบอลได้ดีที่สามารถลากเลื้อยเพื่อทะลวงแนวของคู่แข่งได้ 

ไม่ว่าจะเป็น เอลเลียตต์, กราเฟนแบร์ก และ โซโบซไล ที่มีค่าเฉลี่ยการพาบอลขึ้นหน้าต่อ 90 นาทีอยู่ที่ 3.79 ครั้ง, 3.33 ครั้ง และ 2.82 ครั้ง ตามลำดับ

แผงกลางที่เหมาะสม : แม็ค อัลลิสเตอร์-โซโบซไล-กราเฟนแบร์ค

- ทีมช่ำชองโต้กลับ

การเปลี่ยนจังหวะการเล่นถือเป็นส่วนสำคัญของแนวทางฟุตบอลสมัยใหม่ ทุกวันนี้มีเพียงไม่กี่ทีมใน พรีเมียร์ลีก ที่ขาดเกมสวนกลับเร็วที่ดี

รูปแบบแผงกลาง 3 คนของ ลิเวอร์พูล ถือว่าช่วยให้พวกเขามีแดนกลางที่แข็งแกร่ง แต่มีปัญหายังมีเวลาเจอกับทีมที่มีความเร็วสูง 

ลูตัน ลงโทษพวกเขาในเรื่องนั้นไปแล้วในเกมที่ เคนิลเวิร์ธ โร้ด และ เบรนท์ฟอร์ด ก็เกือบทำแบบเดียวกันได้

ในช่วงที่ ฟาบินโญ่ ท็อปฟอร์ม เขาฉกาจในเรื่องการหยุดเกมสวนกลับเร็ว แต่จริง ๆ แฟ้บ ไม่ได้ทำด้วยแนวทางที่ถูกกฎไปซะทุกครั้ง 

มีหลายหนที่เขาต้องทำฟาวล์ด้านแท็กติก ซึ่งนั่นถือเป็นส่วนสำคัญในเกมการเล่นของตัวเอง

ขณะที่ฤดูกาลนี้ แม็ค อัลลิสเตอร์ โดนใบเหลืองไปแล้ว 5 ครั้งจนทำให้โดนแบน 1 เกม ส่วน เอ็นโด ยังปรับตัวกับทีมไม่ได้

การรักษาการครอบครองบอลเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อต้องเจอทีมที่เล่นโต้กลับน่ากลัว

โจนส์ คือผู้เล่นที่ผ่านบอลแม่นยำที่สุดในแผงมิดฟิลดทั้งลีกสูงสุด อังกฤษ ด้วยตัวเลข 94 เปอร์เซ็นต์

และแม้ว่าเขาจะไม่ใช่กองกลางของทีมที่สร้างสรรค์มากสุด แต่การส่งบอลแบบฉลาดเลือกทำให้ ลิเวอร์พูล ยังขึงเกมไว้ได้ และค่อย ๆ กดดันใส่คู่แข่ง เช่นนัดเจอ แอสตัน วิลล่า และ เวสต์แฮม

ทว่านั่นไม่ได้หมายความว่าคนอื่นผ่านบอลได้แย่ มีเพียง เอ็นโด ที่ผ่านบอลเข้าเป้าใน พรีเมียร์ลีก ได้ต่ำกว่า 87 เปอร์เซ็นต์ 

ปัญหาใหญ่กว่าคือการที่กองกลางตัวรับขาดความเร็วที่ดี ถ้ามีทีมที่สามารถทำลายแนวของพวกเขาและมีคนหาพื้นที่ว่างในพื้นที่ดูแลของกองกลางตัวรับของ ลิเวอร์พูล ได้แล้วล่ะก็ มันจะเป็นเรื่องยากที่กองกลางตัวรับคนนั้นจะวิ่งไล่ตามแนวรุกของคู่แข่งได้

ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ปล่อยให้คู่แข่งมีโอกาสทำประตูในแนวทางนี้มาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเกมกับ วิลล่า, เวสต์แฮม, วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส, ลูตัน รวมถึงนัดล่าสุดกับ เบรนท์ฟอร์ด 

ระบบ คล็อปป์ ถือว่ามีความเสี่ยงแบบนั้นอยู่เสมอ ดังนั้น ต้องมีการหยุดเกมรุกของคู่แข่งตั้งแต่จังหวะแรกให้ได้ หรือไม่ก็ต้องยืนรักษาตำแหน่งให้ฉลาด

ฟาบินโญ่ ไม่ใช่นักเตะที่มีความเร็วดี ความเร็วจึงไม่ใช่คุณสมบัติที่สำคัญจนถึงระดับขาดไม่ได้ 

สิ่งที่กองกลางตัวรับต้องมีคือการตื่นตัวอยู่เสมอ ซึ่งทั้ง แม็ค อัลลิสเตอร์ และ เอ็นโด ต่างกำลังอยู่ในช่วงเรียนรู้สิ่งนั้นในระหว่างที่พวกเขากำลังปรับตัวเข้ากับแท็กติกของ คล็อปป์


แผงกลางที่เหมาะสม : แม็ค อัลลิสเตอร์-โจนส์-โซโบซไล

- ทีมรูปร่างสูง

เกมเจอกับ ลูตัน และ เบรนท์ฟอร์ด ลิเวอร์พูล ต้องเผชิญหน้ากับ 2 ทีมที่มีความอันตรายในลูกเซตพีซ 

เกมกับ ลูตัน กุนซือชาวเยอมันเลือกใช้ โจ โกเมซ เป็นแบ็กซ้ายก่อน คอสตาส ซิมิกาส ส่วนเจอ เบรนท์ฟอร์ด เขาให้ กัคโป เป็นมิดฟิลด์ตัวกลางแทน เอลเลียตต์

ด้วยความที่ ลิเวอร์พูล ไม่มีกองกลางตัวรับที่สูง ๆ ทำให้กองกลางที่สูงกว่าจะสามารถช่วยได้เมื่อถึงตอนที่ต้องเล่นเกมรับ 

เอ็นโด (178 เซนติเมตร) เล่นลูกกลางอากาศได้ดีแม้ว่าจะไม่ใช่คนที่สูงเท่าไหร่ ถึงกระนั้นกองกลางอีก 2 คนก็ต้องช่วยกำจัดความอันตรายในลูกกลางอากาศของคู่แข่งด้วย 

ไม่ว่า 2 คนนั้นจะเป็น กราเฟนแบร์ค, โซโบซไล, โจนส์ หรือ กัคโป ก็ตาม (สูงเกิน 6 ฟุตทั้งหมด)

แน่นอนว่า คล็อปป์ จะไม่จัดทีมโดยยึดเรื่องนี้เป็นปัจจัยหลัก แต่น่าสนใจว่า ลิเวอร์พูล จะใช้งานเรื่องส่วนสูงและพละกำลังทางร่างกายได้ดีแค่ไหน ถ้า กัคโป กับ นูนเญซ ได้ลงเล่นพร้อมกัน และถูกใช้งานในฐานะตัวอันตรายของการเล่นเกมสวนกลับเร็ว ไม่ใช่แค่การโดนสั่งให้มาหยุดเกมสวนกลับเร็วของคู่แข่งเท่านั้น

แผงกลางที่เหมาะสม : แม็ค อัลลิสเตอร์-กราเฟนแบร์ค-โซโบซไล

HOSSALONSO


ที่มาของภาพ : GETTY IMAGE
BY : Hossalonso
ธีรศานต์ คงทอง
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport