เมื่อเดือนก่อน เจอร์เก้น คล็อปป์ ให้คำนิยามเอาไว้ว่า “The young Mo was super fast.”
ในตอนนั้น คล็อปป์ ถูกถามว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พัฒนาจนเป็นนักเตะที่มีความสามารถรอบด้านแล้วหรือไม่ในช่วงเวลากับ ลิเวอร์พูล
“โม เวอร์ชั่นวัยหนุ่มเป็นคนที่เร็วมาก ๆ จนวิ่งทะลวงแนวรับคู่แข่งได้ดี”
“เขาเคยทำแบบนั้นตอนอยู่ โรม่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ เอดิน เชโก้ ครองบอลหรือบอลแฉลบ โม ก็จะอยู่ตรงนั้นเสมอ”
“กับการเล่นที่นี่เขาต้องทำหลายอย่างตั้งแต่วันแรก เขาปรับตัวได้ดีมาก ๆ แต่คนที่รับบทเพลย์เมคเกอร์คอยสร้างจังหวะต่าง ๆ คือ บ็อบบี้ มากกว่า”
“ส่วนตอนนี้มันต่างไปนิดหน่อย โดยเฉพาะเมื่อ ดาร์วิน กำลังเล่นด้วยฟอร์มแบบนี้”
.
.
.
หลาย ๆ ประตูที่ ซาลาห์ ทำได้ในซีซั่นแรกมาจากความเร็วของเขาที่คู่แข่งไม่สามารถรับมือได้
ถึงกระนั้น หลายต่อหลายครั้งเขาก็ถูกค่อนขอดว่าเห็นแก่ตัวเกินไป
ด้วยความที่มุ่งมั่นจะทำแต่สกอร์จนเฉยชาต่อเพื่อนร่วมทีมยามอยู่หน้าปากประตูจนส่งให้เขาเป็นผู้เล่นที่ไม่ค่อยเล่นเป็นทีมเท่าไหร่นัก
ทุกคนจำได้ดีเมื่อปี 2019
เกมกับ เบิร์นลี่ย์ คือวันที่ทั่วโลกได้เห็นอากัปกิริยาของ ซาดิโอ มาเน่ ที่ ซาลาห์ เมินเฉยทั้งที่เพื่อนร่วมทีมชาวเซเนกัล ยืนว่างอยู่
ซึ่ง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ก็เขียนยอมรับในหนังสือของตัวเองว่า “ซาลาห์ เคยทำให้ทุก ๆ คนหงุดหงิดตอนที่เขาไม่ยอมส่งบอลให้”
คำถามคือ ซาลาห์ เรียนรู้วิธีที่จะเล่นแบบใหม่แล้วรึยัง ?
แน่นอนว่าจำนวนแอสซิสต์ที่เขาทำได้มันเปลี่ยนไป
จาก 14 ครั้งที่ทำได้ในฤดูกาลแรก และลดเหลือ 6 ครั้งในซีซั่น 2020-21
แล้ว ซาลาห์ ก็ทำแอสซิสต์ได้ 15 ครั้งกับ 16 หนในช่วง 2 ซีซั่นหลังสุด โดยตัวเลขหลังสูงสุดในอาชีพค้าแข้ง
มาถึงซีซั่นนี้ ตอนเดือนพฤศจิกายนเขาก็ทำไปแล้ว 4 หน
ที่จริง xGA หรือค่าการแอสซิสต์ที่ควรจะทำได้ 5.9 ครั้งในปีนี้ของเขานั้น อาจจะสื่อได้ว่าจนถึง ซาลาห์ ผ่านบอลได้ดีแล้ว แต่บรรดาเพื่อนร่วมทีมจบสกอร์ไม่ดีพอ
จนถึงปัจจุบัน ซาลาห์ มี xGA ที่ควรจะทำได้ต่อ 90 นาทีอยู่ที่ 0.45 ครั้ง
ซึ่งถ้าเทียบกับจำนวนนาทีที่ลงเล่นตลอดทั้งซีซั่นก่อนแล้วล่ะก็ ในฤดูกาลนี้เขาน่าจะทำได้ทั้งหมด 21 แอสซิสต์ด้วยกัน
xGA มันแสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจของนักเตะในจังหวะการทำประตูและแอสซิสต์
แล้ว โม เวอร์ชั่นวัยหนุ่มเป็นนักเตะที่เห็นแก่ตัวรึเปล่า ?
หรือว่าบรรดาเพื่อนร่วมทีมไม่สามารถทำประตูจากโอกาสที่เขาสร้างขึ้นมาได้กัน ?
จำนวนครั้งการเล่นที่ ซาลาห์ มีส่วนเกี่ยวข้องและนำไปสู่จังหวะได้ลุ้นประตูนับตั้งแต่ฤดูกาล 2017-18 เป็นต้นมา แสดงให้เห็นว่า ซาลาห์ สร้างโอกาสทำประตูได้อยู่เรื่อย ๆ จนถึงขนาดว่าในทุกฤดูกาลเขาจะมี xGA อยู่ที่ราว 4 ครั้งต่อ 90 นาที
ฤดูกาลที่ ซาลาห์ มีตัวเลขด้านนั้นดีที่สุดคือซีซั่นแรกกับ ลิเวอร์พูล ด้วยจำนวน 5.14 ครั้งต่อ 90 นาที
ขณะที่ฤดูกาลนี้เขาทำไปเฉลี่ย 4.23 ครั้งต่อ 90 นาที ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับเดียวกับตอนฤดูกาล 2019-20 แต่ยังน้อยกว่าซีซั่น 2018-19
แนวทางที่จะสื่อถึงการเปลี่ยนจากคนเห็นแก่ตัวไปเป็นคนไม่เห็นแก่ตัวจึงยังไม่ชัดเจนมากเท่าไหร่
การเล่นที่นำไปสู่จังหวะการลุ้นประตู ไม่ได้นับเฉพาะการผ่านบอลเท่านั้น แต่นับรวมถึงการดวลตัวต่อตัวและการสกัดโดนบอลที่นำไปสู่การได้ยิงประตูด้วย
ถ้าเราดูเฉพาะการผ่านบอลในจังหวะโอเพ่นเพลย์ที่นำไปสู่การได้ยิงแล้วล่ะก็ เราจะพบว่า ซาลาห์ ทำได้ดีอย่างคงเส้นคงวา เพราะเขาทำได้อย่างน้อย 120 ครั้งในทุก ๆ ฤดูกาล
ฤดูกาลไหนที่เขาทำได้น้อยกว่าปกติน่ะเหรอ?
ก็ฤดูกาล 2019-20 ที่เขาทำไป 114 ครั้ง
แม้ว่า ซาลาห์ จะไม่ได้เพิ่งเริ่มสร้างโอกาสทำประตูมากขึ้น แต่ทุกวันนี้เขาใช้การผ่านบอลเป็นหนทางในการสร้างโอกาสทำประตูมากกว่าแต่ก่อน
ถามอีกว่า ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ?
เมื่อ ลิเวอร์พูล เปลี่ยนระบบการเล่นตอนเดือนเมษายน ปี 2023 การเดินเกมรุกจากฟูลแบ็กสองฝั่งที่วิ่งสอดจากด้านหลัง (Overlap) ถูกปิดการใช้งาน
ปีกสองข้างจึงต้องยืนชิดติดริมเส้นเพื่อเปิดพื้นที่ให้กว้างมากขึ้น ยืดแนวรับคู่แข่ง และสร้างพื้นที่ว่างแก่กองกลางโจมตีจากแนวลึก ด้วยการเอา เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ขยับเข้ามาอยู่ตรงกลาง
ลิเวอร์พูล จึงมีช่องทางผ่านบอลโดยตรงไปหา ซาลาห์ ได้ และสร้างสถานการณ์ที่จะทำให้เขาได้ดวลกับตัวประกบแบบตัวต่อตัวมากขึ้น
นั่นทำให้ ซาลาห์ ได้รับบอลตรงพื้นที่ลึก ๆ มากกว่าเดิม และทำหน้าที่ผ่านบอลบ่อยขึ้น ไม่ได้เป็นแค่คนที่เน้นจบสกอร์อย่างเดียวอีกต่อไป
สิ่งสำคัญตรงจุดนี้ก็คือ ความสามารถในการอ่านเกม และการทำความเข้าใจว่าต้องทำอย่างไรเพื่อตอบโจทย์สิ่งที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องการ
"กรณีของ โม ชัดเจนมาก ๆ เขาเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับพื้นที่ว่างดีกว่าเดิมเยอะ"
"เขารู้ดีว่าคนอื่น ๆ จะมีปฏิกิริยายังไง และต่อให้เขาทำประตูไม่ได้เขาก็จะยังสร้างความอันตรายให้เราได้อยู่"
"นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ"
เวลาผ่านไป ซาลาห์ อายุมากขึ้น เขามีความตระหนักมากกว่าเดิมว่าพื้นที่ว่างมันถูกสร้างด้วยรูปแบบไหน และมีผลกระทบยังไง
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้บางครั้งเขาถอยลงไปลึกเพื่อเชื่อมเกม, ออกไปด้านข้างเพื่อสร้างพื้นที่ว่าง หรือไม่ก็หมุนเวียนกับ โซโบซไล เพื่อเข้ามาตรงกลางและยิง
พักหลังมานี้เราเห็น ซาลาห์ ผ่านบอลไปให้เพื่อนร่วมทีมในพื้นที่ว่างบ่อย ๆ เขาดึงคู่แข่งให้เข้ามาหา, รอให้เพื่อนร่วมทีมวิ่งขึ้นไป จากนั้นก็ผ่านบอลให้เพื่อนร่วมทีมคนนั้น
ตัวอย่างที่ดีคือประตูชัยในเกมกับ นิวคาสเซิ่ล
แม้ว่าวันนั้น ลิเวอร์พูล จะเหลือผู้เล่นน้อยกว่า แต่ว่าบรรดาแนวรับของ นิวคาสเซิ่ล ก็ไม่กล้าปล่อยให้ ซาลาห์ ได้ดวลกับพวกเขาแบบตัวต่อตัว
ซึ่งนั่นเป็นการเปิดพื้นที่ว่างในด้านหลังให้ นูนเญซ ตามไปด้วย
และ ซาลาห์ ก็ผ่านบอลไปให้เขาทำประตูชัยในท้ายที่สุด
แน่นอน ซาลาห์ ยังคงเป็นนักล่าทำประตู โดยในฤดูกาลนี้เขายืนอันดับ 2 ในชาร์ตดาวซัลโวสูงสุด พรีเมียร์ลีก
การได้ โซโบซไล มาร่วมทีมทำให้ทั้งคู่สามารถหมุนเวียนไปอยู่ตรงริมเส้นได้
ลิเวอร์พูล สามารถพึ่งพาดาวเตะชาวอียิปต์ทั้งในเรื่องการสร้างโอกาสและความสามารถในการทำประตู
พัฒนาการของ ซาลาห์ ในฐานะนักเตะเกิดจากการที่เขามีความมั่นใจมากขึ้น และจากเรื่องแท็กติก
การที่เขาตอบรับความท้าทายนี้ได้ดีมีส่วนช่วยให้แท็กติกของ ลิเวอร์พูล พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องตามไปด้วย
จากจอมจบสกอร์ที่เฉียบขาดกำลังกลายเป็นเพลย์เมกเกอร์ที่เฉียบคม
หรือบางทีก็มีทั้งสองอย่างควบคู่ไปด้วยกัน
HOSSALONSO