ยิงกันสนั่น! ย้อนรอย 5 เกมพรีเมียร์ลีกสุดบ้าคลั่ง

ยิงกันสนั่น! ย้อนรอย 5 เกมพรีเมียร์ลีกสุดบ้าคลั่ง
ในเวลาเพียงสัปดาห์เดียว เชลซี ได้มีส่วนร่วมกับ 2 บิ๊กแมตช์สุดดราม่า เริ่มจากเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 6 พ.ย. บุกยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้กับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 4-1 ต่อด้วยล่าสุดสดๆ ร้อนๆ วันอาทิตย์ที่ 12 พ.ย. เปิดบ้านตีเสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่า 4-4 จนถูกยกเป็นสุดยอดเกมแห่งฤดูกาลไปเรียบร้อย

ต่อเมื่อย้อนอดีตที่ผ่านมายังมีอีกหลายๆ เกมพกดีกรีดุเดือด บีบหัวใจยิ่งกว่าด้วยซ้ำไป ตามตัวอย่างยกมาคร่าวๆ 5 นัดต่อไปนี้...

นอริช แพ้ ลิเวอร์พูล 4-5, 23 มกราคม 2016


ย้อนกาลในปีแรกของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ถือเป็นเกมเซตจังหวะสู่ "เฮฟวี่เมทัล ฟุตบอล" อย่างที่เป็นในทุกวันนี้ก็ว่าได้ไม่ผิด

ขุนพลหงส์แดงพลิกจากตาม 0-1 และ 1-3 กลับมานำ 4-3 ในช่วงทดเวลาเหมือนจบแต่ไม่จบ เซบาสเตียง บาสซง กดประตูที่ควรจะทำให้แบ่งแต้มกันใน แคร์โรว์ โร้ด แต่แล้วนาที 90+5 อดัม ลัลลาน่า ตะบันประตูชัยสุดระทึกทำเอาบอสคล็อปป์สะใจจนแว่นหลุด นับประสาอะไรกับ "เดอะ ค็อป" ฉลองบ้าคลั่งแทบจิตหลุด!

นิวคาสเซิ่ล เสมอ อาร์เซน่อล 4-4, 5 กุมภาพันธ์ 2011

ลูกแรกใน 44 วินาที ลูกสามหลังจาก 10 นาทีแรก และลูกสี่พักครึ่ง ใครเห็นก็ว่าตาย...ที่ไหนได้! เจ้าบ้านรอดเฉย

ครึ่งหลังกลายเป็นหนังคนละม้วนด้วยปัจจัยตัวผู้เล่นเมื่อ อาบู ดิยาบี้ มิดฟิลดฺ์ปืนโตนอตหลุดเอาคืน โจอี้ บาร์ตัน ตัวแสบเหมา 2 จุดโทษคั่นกลางด้วยประตูของ เลออน เบสต์ และ เช็ค ติโอเต้ (ผู้ล่วงลับ) ตะบันตีเสมอก่อนหมดเวลาแค่ 3 นาที

แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ แมนฯ ซิตี้ 4-3, 20 กันยายน 2009


อาจจะไม่ใช่ "แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้" ที่ดีที่สุดตลอดกาล แต่ในแง่ความมันส์นั้นสะเด่าเร้าใจไม่แพ้เกมไหนๆ ก็ว่าได้!

แมตช์นี้เป็นที่จดจำจากประตูชัยทดเวลาบาดเจ็บของซูเปอร์ซับ ไมเคิ่ล โอเว่น ขณะเดียวกันก็ไม่ควรลืม เคร็ก เบลลามี่ ซัดเบิ้ลเฉียบขาดโดยเฉพาะลูก 3-3 นาที 90 ทำท่าจะแบ่งแต้ม ยังมี ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ กด 2 เม็ดอีกเช่นกัน ตลอดจน เวย์น รูนี่ย์ ยิงนำเร็วก่อนที่ แกเร็ธ แบร์รี่ ทวงคืนในเวลาไม่นาน

สเปอร์ส เสมอ เชลซี 4-4, 20 มีนาคม 2008


อีกหนึ่งแมตช์ ไก่ vs สิงห์ สุดดราม่าทั้งด้วยสกอร์ และภาพฉาว แอชลี่ย์ โคล จะกินหัวกรรมการอยู่แล้ว

เหตุเกิดเมื่อ โจ โคล ยิงนำ 3-1 ไม่นานหลังจากแบ็กซ้ายคนดังทำท่าไม่เคารพ ไมค์ ไรลี่ย์ ทั้งที่ได้แค่ใบเหลืองจากจังหวะน่าโดนแดง จากนั้น สเปอร์ส ที่เพิ่งโค่น เชลซี ซิวแชมป์ลีก คัพ ไม่กี่สัปดาห์ก่อนนั้นได้ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ กับ ทอม ฮัดเดิลสตัน ทวงสกอร์เท่ากัน ก่อนที่ โคล กดเบิ้ล แต่สุดท้าย ร็อบบี้ คีน ก็ตะบันโค้ช 25 หลาสุดงามตีเสมอในที่สุด

สเปอร์ส แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-5, 29 กันยายน 2001


8 ประตู 8 คนยิงในแมตช์สุดดราม่า บอกไม่ถูกว่า สเปอร์ส ทิ้งขว้าง 3 ประตูนำห่าง หรือว่า ผีแดงโกงความตาย แบบไหนใช่กว่ากัน!?

ที่แน่ๆ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คงควันออกหูเมื่อทีมแชมป์เก่าของเขาโดน ดีน ริชาร์ดส์, เลส เฟอร์ดินานด์ และ คริสเตียน ซีเก้ ดาหน้ารัวในครึ่งแรก ก่อนจัดไดร์เป่าผมคัมแบ็กด้วยประตูจาก แอนดี้ โคล, โลร็องต์ บล็องก์, รุด ฟาน นิสเตลรอย, ฮวน เวรอน และปิดท้าย เดวิด เบ็คแฮม


ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport