สเปอร์ส:แพ้เป็นพระ(ของจริง)

สเปอร์ส:แพ้เป็นพระ(ของจริง)
ผมควรเริ่มต้นเรื่องตรงประเด็นไหนก่อนดี?

ในคืนของการเจอกันสองสโมสรในลอนดอน ที่มีเรื่องให้พูดถึงเต็มไปหมด ก็ไม่มีเกมไหนอีกแล้วในซีซั่นนี้ที่ดราม่าเท่านี้ ก็ไม่มีเกมไหนอีกแล้วที่มีการเรียกใช้ VAR ถึง 9 ครั้งด้วยกันและก็คงหาได้น้อยครั้งมากที่ทีมแพ้ยับมา 1-4 แต่กลับได้รับเสียงชื่นชมหนาหูอย่างนี้

"เอาตรงๆนะผมภูมิใจกับทีมในวันนี้ แม้เราจะเหลือแค่ 9 คนตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง ก็ยังเล่นได้น่าประทับใจ เราสู้กันเต็มที่แล้ว "แฟนวัยกลางคนของสเปอร์สรายหนึ่งบอกเอาไว้หลังเกม

ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส แพ้แล้ว เป็นการแพ้ครั้งแรกในฤดูกาลนี้ให้กับคู่ปรับที่ชื่อว่า เชลซี ซึ่งคุมโดยอดีตโค้ชเก่าพวกเขาด้วย

ทว่าเชื่อไหมว่าตอนเสียงนกหวีดจากผู้ตัดสิน ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ดังก็มีเสียงปรบมือจากสี่ทิศตามมาทันที ไม่ใช่เท่านั้นก็ยังมีเสียงตะโกนให้กำลังใจ "Come on you Spurs" นักเตะดังขึ้นติดๆ กันอีกด้วย

ทีมตราไก่ ออกสตาร์ทได้เร้าใจตามสไตล์ พวกเขาได้ประตูนำ 1-0 รวดเร็วแค่6นาทีแรกเท่านั้นจาก เดยาน คูลูเซฟสกี้ กระนั้นคงจากอะดรีนาลีนที่พุ่งพล่านล้นเกินไปจึงทำให้มีบางช็อตที่พวกเขาดูจะควบคุมอารมณ์ได้ไม่อยู่

คริสเตียน โรเมโร่ เจอใบแดงคนแรกหลังเกมผ่านมาได้ราวครึ่งชั่วโมง จากนั้นครึ่งหลังเริ่มมาได้ไม่นานก็เป็น เดสตินี่ย์ อูโดกี เจอสองเหลืองโดนไล่ออกไปอีกคน

สเปอร์ส ต้องเล่นแค่ 9 คนร่วม 45 นาทีด้วยกัน เมื่อรวมตอนทดเวลาบาดเจ็บเข้าไปด้วย

เกมที่ควรจะไม่ยากจึงกลายเป็นรองในทันที อย่างไรก็ตามมองไปข้างสนามก็ยังสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นจาก อังก์ ปอสเตโคกลู ที่ไม่ได้ดิ้นพล่านกับการตัดสิน เขาก็แค่แก้เกมไปตามสถานการณ์และเขาก็ออกมายอมรับความพ่ายแพ้อย่างลูกผู้ชาย    

"บางครั้งคุณต้องยอมรับคำตัดสิน ผมอยู่ในวงการนี้มา 26ปี โดยแน่นอนก็เคยเจอการตัดสินห่วยๆไม่น้อย แต่ท้ายที่สุดคุณก็ต้องอยู่กับมัน มันก็แค่นี้" โค้ชชาวออสซี่กล่าวผ่านไมโครโฟน

มันก็ไม่ใช่แค่เหลือ 9 คน ในเกมที่ดูว่าอะไรก็ไม่เป็นใจให้ สเปอร์ส ก็ยังมีสองตัวหลักบาดเจ็บจนถูกเปลี่ยนออกไปตั้งแต่ท้ายครึ่งแรก ทั้ง เจมส์ แม็ดดิสัน(ข้อเท้า )และ มิคกี้ ฟาน เด เฟ่น (เอ็นร้อยหวาย)

ใช่ครับ คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟที่เล่นด้วยกันในช่วงที่เหลือก็เป็น เอริค ดายเออร์ กับ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก ซึ่งอย่างรายแรกนั้นไม่เคยสัมผัสเกมเลยสักนาทีเดียวก่อนหน้านี้!!

ยัง ยังไม่ใช่แค่นี้

รายละเอียดของเกมยังมีอีกโดยเฉพาะแท็กติกที่ ปอสเตโคกลู เลือกใช้ตอนที่มีแค่ 9 คน เขาไม่ได้สั่งให้ลูกทีมถอยมาตั้งรับลึกหน้าเขตโทษเหมือนทั่วไป เขายังยึดมั่นใช้สูตร'high line' ในการป้องกันและนั่นก็มาพร้อมความเสี่ยงที่ในที่สุดก็เจอ เชลซี แทงทะลุจนยิงได้สามประตู

"นั่นคือพวกเรา ตราบใดที่ผมยังอยู่ทีนี่แล้วพวกเราก็จะเล่นแบบนี้แหละ แม้แต่เราเหลือผู้เล่นแค่5คนก็ตาม" ปอสเตโคกลู ย้ำหนักแน่น

 หล่อเข้าไปอีก ใช่ไหมครับ

ความจริงเรื่องทำนองนี้ก็อยู่ที่มุมมองส่วนบุคคล เรื่องของสไตล์นั้นจะไปต่อว่ากันไม่ได้ซึ่งอย่างยิ่งกับผลงานที่ดีเกินคาดของ สเปอร์ส ในซีซั่นนี้ด้วย ต่อมาก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าต่อให้ถอยมาตั้งรับแน่นแล้วจะได้แต้มออกไปหรือเปล่า

อย่างน้อยนี่ก็เป็นการแสดงถึงจุดยืนของโค้ชคนหนึ่งโดยมองย้อนไปเขาก็ทำเช่นนี้มาตลอดไม่ว่าจะไปอยู่กับสโมสรไหน

อย่างน้อยทีม ไก่เดือยทอง ก็เกือบตีเสมอได้ด้วยแม้เหลือ 9 คน มีจังหวะที่ซน ฮึง มินหลุดไปซัดด้วยซ้ายแต่เบาไปทำให้ โรเบิร์ต ซานเชซ ปัดไว้ได้กับอีกจังหวะ ดายเออร์ ตะบันเข้าไปแล้วแต่โดน VAR จับล้ำหน้าไปซะก่อน

ที่ผ่านมาผมเคยอยู่ในสนามเกมที่กระชากอารมณ์มาไม่น้อย ก็พูดได้เลยว่าเมื่อคืนวันจันทร์ในสังเวียนอันโอ่อ่าถือเป็นหนึ่งในแมตช์ที่อยู่ในความทรงจำตลอดไป

มันไม่ใช่เกมคุณภาพที่สุดแต่เป็นเกมที่ให้เรารับรู้ว่าความพ่ายแพ้ไม่ใช่เรื่องน่าอายเลย หากเราเข้าใจว่ามันคือส่วนหนึ่งของการนำไปสู่เส้นชัยเสมอ

ถูกต้องว่า ปอสเตโคกลู เจองานหนักแล้วในการปรับทีมจากนี้ มีทั้งตัวแบนและตัวบาดเจ็บ

"นั่นคือสิ่งที่พวกเราต้องเตรียมตัวกันก่อนหน้าเกมต่อไป หากมันก็เกิดขึ้นได้ในฟุตบอล มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เราจะเล่นตลอดฤดูกาลด้วยนักเตะแค่11คน..."

"ไก่ป่า"


ที่มาของภาพ : getty images
BY : ไก่ป่า
เอกราช นิติสุทธิ์สกุล
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport