ลิเวอร์พูล, แมนยู ก็เคยพลาด!เปิดสโมสรตำน้ำพริกละลายแม่น้ำตั้งแต่ปี 2010

ลิเวอร์พูล, แมนยู ก็เคยพลาด!เปิดสโมสรตำน้ำพริกละลายแม่น้ำตั้งแต่ปี 2010
ตอนนี้อาจจะยังเร็วเกินไปที่จะวิจารณ์การเสริมทัพของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงตลาดพ่อค้าแข้งซัมเมอร์นี้ หลังพวกเขาทุ่มเงินไปมหาศาลแต่ผลที่ได้รับกลับมาไม่ค่อยน่าอภิรมย์เท่าไหร่

ราสมุส ฮอยลุนด์ ยังไม่แสดงศักยภาพในฐานะกองหน้าตัวความหวัง, เมสัน เมาท์ ผลงานไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ส่วน อ็องเดร โอนาน่า ตอนแรกก็ฟอร์มหลุดกระจุยช่วงหลังๆ เริ่มพัฒนาศักยภาพมากขึ้นแต่ก็ยังคาดหวังอะไรได้ไม่มากนัก 

อย่างไรก็ตามถ้าทั้งสามคนไม่สามารถผลิตฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมออกมาได้เท่ากับเม็ดเงินที่ "ผีแดง" จ่ายออกไป งานนี้มีความเป็นไปได้ว่าสามหนุ่มทรีโอ อาจจะเป็นหนึ่งในการซื้อตัวที่ห่วยที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

กระนั้นช่วงเวลาดังกล่าวยังไม่มาถึง จึงไม่ควรไปปรามาสพวกเขา แต่สิ่งที่เคยเกิดขึ้นแล้วในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีเกี่ยวกับเรื่องการเสริมทัพที่ห่วยบรม และเป็นที่จดจำในวงการลูกหนังเมืองผู้ดีนับตั้งแต่ปี 2010 มีทีมไหนกันบ้างลองไปพิจารณากันดูได้เลย

ลิเวอร์พูล ปี 2010

ช่วงรอยต่อระหว่างยุค ราฟาเอล เบนิเตซ กับ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เป็นอะไรที่น่ากังวลมากๆ สำหรับ ลิเวอร์พูล ตอนนั้นพวกเขาใช้จ่ายเงินเป็นว่าเล่นในช่วงซัมเมอร์ปี 2010 สมัยที่ รอย ฮ็อดจ์สัน กุมบังเหียน และมี คริสเตียน เพอร์สโลว์ นั่งเก้าอี้กรรมการผู้จัดการ

แม้ว่าเม็ดเงินที่ใช้ไปอาจจะไม่ได้มากมายมหาศล แต่นักเตะที่พวกเขาได้มาต้องบอกเลยว่าทรงอย่างแบด ผู้เล่นอย่าง คริสเตียน โพลเซ่น, พอล คอนเชนสกี้, โจ โคล, จอนโจ้ เชลวี่ย์, มิลาน โยวาโนวิช และ แดนนี่ วิลสัน ไม่ได้คู่ควรกับการสวมเครื่องแบบ "หงส์แดง" เลย 

ขณะที่หลังจาก "เดอะ เร้ดส์" ปลด ฮ็อดจ์สัน พวกเขาก็ยังไม่วายทำเรื่องน่าผิดหวังนั่นก็คือการขาย เฟร์นานโด้ ตอร์เรส เพื่อไปทุ่มเงินซื้อ แอนดี้ แคร์โรลล์ มาร่วมทัพด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ (ราว 1,540 ล้านบาท)

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปี 2012

ในยุคที่กลุ่มทุนอาบูดาบีเข้ามาครอบครองแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แทบจะไม่เคยทำเรื่องผิดพลาดในการเซ็นสัญญานักเตะมาร่วมทัพ แต่พวกเขาก็เคยพลาดหลายครั้งในช่วงซัมเมอร์ปี 2012

หลังจากที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกพวกเขาพยายามที่จะครอบความยิ่งใหญ่ในวงการลูกหนังเมืองผู้ดีด้วยการทุ่มเงินสร้างทีมอีกครั้ง โดยเซ็นสัญญากับ ฆาบี การ์เซีย, มาติย่า นาสตาซิช, ไมค่อน, สกอตต์ ซินแคลร์ และ แจ็ค ร็อดเวลล์ 

อย่างไรก็ตามการเสริมทัพดังกล่าวต้องบอกว่าเป็นเหมือนการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เพราะนักเตะเหล่านั้นไม่ได้ช่วยทำให้ทีมมีผลงานดีขึ้นเลย และสุดท้ายพวกเขาก็ได้แค่เพียงรองแชมป์ลีกในซีซั่น 2012-2013

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ปี 2013

สเปอร์ส ได้รับเงินจำนวนมหาศาลกว่า 86 ล้านปอนด์ (ราว 3,784 ล้านบาท) จาก เรอัล มาดริด ในการขาย แกเร็ธ เบล แต่เม็ดเงินดังกล่าวถูกนำไปใช้อย่างไม่เหมาะสมด้วยการเซ็น 7 แข้งที่ไร้ประโยชน์ในช่วงซัมเมอร์ปี 2013

โรแบร์โต้ โซลดาโด้, เอริค ลาเมล่า, วลาด ชิริเชส, เปาลินโญ่, นาเซอร์ ชาดลี่ และเอเตียน กาปู ทั้งหมดนี้ไม่สามารถรีดฟอร์มเก่งออกมาได้ และไม่ได้ช่วยทำให้ "ไก่เดือยทอง" มีผลงานที่ดีขึ้นแม้แต่นิดเดียว ถือเป็นการโยนเม็ดเงิน 105 ล้านปอนด์ (ราว 4,620 ล้านบาท) ทิ้งทะเล

คริสเตียน เอริคเซ่น เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จในการเล่นให้กับทีม ขณะเดียวกันความล้มเหลวของ โซลดาโด้ ก็เป็นการเปิดโอกาสให้ แฮร์รี่ เคน ซึ่งตอนนั้นเป็นดาวรุ่งก้าวขึ้นมาอยู่ในทีมชุดใหญ่ และกลายเป็นตำนานก่อนย้ายไปอยู่กับ บาเยิร์น ช่วงซัมเมอร์นี้

ลิเวอร์พูล ปี 2014

ต้องบอกว่า ลิเวอร์พูล แทบจะก็อบปี้ สเปอร์ส มาเลยก็ว่าได้ เพราะพวกเขาใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายจำนวน 75 ล้านปอนด์ (ราว 3,300 ล้านบาท) จากการขาย หลุยส์ ซัวเรซ ให้กับ บาร์เซโลน่า ไปแบบไร้ประโยชน์จากการดึง 8 แข้งใหม่มาร่วมทัพ

หลังจากที่ ร็อดเจอร์ส พาทีมลุ้นคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยแรก พวกเขาต้องการสร้างความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นด้วยการเสริมแกร่งทดแทนการขาดหายไปของ ซัวเรซ โดยทีมใช้เงินแบบเป็นบ้าเป็นหลังซื้อนักเตะมากมาย อาทิเช่น มาริโอ บาโลเตลลี่, ลาซาร์ มาร์โกวิช, อัลแบร์โต้ โมเรโน่ และ ริคกี้ แลมเบิร์ต

อย่างไรก็ตามในช่วงซัมเมอร์นั้นพวกเขาก็ซื้อผู้เล่นเด็ดๆ มาร่วมทัพด้วยเช่น ดิว็อค โอริกี้ มหาเทพที่สาวก "เดอะ ค็อป" ไม่เคยลืมเลือน รวมทั้ง เดยัน ลอฟเรน และ อดัม ลัลลาน่า ซึ่งพวกเขาคือคีย์แมนสำคัญในยุคสร้างตัวของเจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ช่วยให้ "หงส์แดง" กลับสู่ความยิ่งใหญ่ ดังนั้นทุกอย่างก็ไม่ได้แย่เสมอไป !!

เชลซี ปี 2017

เชลซี เดินเครื่องเต็มสูบหลังคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในปีดังกล่าว โดยพวกเขาต้องการที่จะครอบครองความยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่อง โดยพวกเขาทุ่มเงินเพื่อหาซื้อผู้เล่นมาทดแทนการจากไปของ ดีเอโก้ คอสต้า กับ เนมานย่า มาติช และได้ตัว อัลบาโร่ โมราต้า กับ ตีเอมูเอ้ บากาโยโก้ มาร่วมทัพ 

ยังไม่หมดแค่นั้นพวกเขาทุ่มเงินเกือบ 60 ล้านปอนด์ (ราว 2,640 ล้านบาท) คว้าตัว แดนนี่ ดริ๊งค์วอเตอร์ และ ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า แต่ไม่ถึงสองปีนักเตะทั้งสี่คนที่เซ็นสัญญามาร่วมทัพก็ถูกขายหรือปล่อยให้ยืมตัว บางคนอาการหนักถึงขั้นโดนดร็อปไปอยู่กับทีมสำรอง

ต้องยอมรับเลยว่าการทุ่มเงินเสริมแกร่งในครั้งนั้นเป็นการทำเรื่องที่เลวร้ายที่สุดของสโมสร เพราะผู้เล่นที่พวกเขาซื้อมาร่วมทัพไม่ได้มีศักยภาพที่จะทำให้ทีมแข็.แกร่งขึ้นเลย แถมยังห่วยลงกว่าเดิมซะด้วย 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปี 2021

แม้ว่านี่จะไม่ใช่การเซ็นสัญญาเสริมทัพที่เลวร้ายที่สุดตลอดกาลของสโมสร แต่การใช้เงินเมื่อปี 2021 ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ถือเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการคว้าตัว เจดอน ซาน โช่ มาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยค่าตัว 74 ล้านปอนด์ (ราว 3,256 ล้านบาท) 

ผลงานของ ซานโช่ จนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถตอบแทนเม็ดเงินที่ทีมเสียไปเลย ที่สำคัญนักเตะดันมีปัญหากับ เอริค เทน ฮาก กุนซือคนปัจจุบันทำให้โดนดร็อปออกจากทีมชุดใหญ่ และอนาคตคงไม่ได้อยู่ในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อีกต่อไปแล้ว

ขณะที่การหวนกลับมาของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นการจำใจต้องทำเพื่อกันไม่ให้ แมนฯ ซิตี้ ได้ตัว "เฮียโด้" ไปร่วมทัพ แต่มันเป็นการทำลายสโมสรอย่างช้าๆและสุดท้าย สตาร์ชาวโปรตุกีส ก็แตกหักกับ "ผีแดง" หลังให้สัมภาษณ์แฉแหลกกับ เพียร์ส มอร์แกน พิธีกรชื่อดัง 

สำหรับ ราฟาเอล วาราน อาจจะพูดได้ว่าเป็นการเซ็นสัญญาที่พอใช้ได้ อย่างไรก็ตามทุกอย่างเริ่มไม่ค่อยน่าอภิรมย์เพราะนักเตะมีปัญหาบาดเจ็บบ่อย แถมฟอร์มก็ไม่คงเส้นคงวา ทำให้ถูก แฮร์รี่ แม็กไกวร์ แย่งตำแหน่งตัวจริงคืนมาได้แล้ว 

เชลซี ปี 2022

หลังจากหมดยุคของ "เสี่ยหมี" โรมัน อบราโมวิช เข้าสู่ยุคเจ้าของใหม่ ท็อดด์ โบห์ลี่ สโมสรแห่งนี้ก็ไม่รู้จักเข็ดหลาบกับการใช้เงิน ที่สำคัญพวกเขาใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายยิ่งกว่าเดิมหลายเท่าในยุคเสี่ยมะกันครองทีม

"สิงห์บลูส์" ควักกระเป๋าจำนวนกว่า 270 ล้านปอนด์ (ราว 11,880 ล้านบาท) เพื่อคว้าสตาร์หน้าใหม่มาร่วมทัพ ซึ่งผู้เล่นเหล่านั้นบางคนก็ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อมาร่วมทีมด้วยซ้ำ 

การมีกำลังเสริมเยอะเกินความจำเป็นนำไปสู่หายนะของทีมอย่างแท้จริง เพราะมันทำให้ 2 กุนซืออย่าง โธมัส ทูเคิ่ล และ แกรม พอตเตอร์ ต้องกระเด็นออกจากเก้าอี้นายใหญ่แห่งถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ 

อย่างไรก็ตามการเสริมแกร่งในปีนั้นก็ไม่ได้เลวร้ายทั้งหมด อย่างเช่น ราฮีม สเตอร์ลิง, คาร์เนย์ ชุควูเมก้า และเวสลี่ย์ โฟนาน่า ดูเหมือนเป็นการซื้อที่สมเหตุสมผล แต่เมื่อพิจารณาผลงานของสโมสรที่หล่นไปอยู่ที่ 12 เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการทุ่มเงินพวกเขามันช่างไร้สาระสิ้นดี

ลุงต้อม


ที่มาของภาพ : gettyimages, twitter.com
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport