ในที่สุด ลิเวอร์พูล ของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็คว้าชัยชนะในเกม พรีเมียร์ลีก นัดแรกของซีซั่นได้สำเร็จอย่างมีสไตล์ด้วยการเปิดบ้านไล่ทุบ บอร์นมัธ ทีมน้องใหม่ไปได้ด้วยสกอร์ 9-0 ในเกมเมื่อวันเสาร์ที่ 27 ส.ค.
แน่นอนว่ามันเป็นเกมที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ไม่อาจลืมได้ ขณะที่ โม ซาลาห์ คงสงสัยตัวเองเช่นกันที่เช็คบิลพลาดเป้าไปหมด ไม่มีชื่อติดบนสกอร์บอร์ดอย่างไม่น่าเชื่อ
1.วันของ ฟีร์มิโน่
แม้ ลิเวอร์พูล จะยังไม่มี ดาร์วิน นูนเญซ หัวหอกอุรุกวัยที่ติดโทษแบนเป็นเกมที่สอง แต่ ฟีร์มิโน่ แสดงให้เห็นว่าเขายังไม่หมดพิษสงอย่างที่หลายคนคิด
นอกจากจะยิงทะลุหลัก 100 ประตูในทุกรายการให้กับ ลิเวอร์พูล ได้สำเร็จแล้วจากการลงสนาม 331นัด อดีตสตาร์ทีม ฮอฟเฟ่นไฮม์ ยังเข้าทำเนียบดังกล่าวเป็นรายที่ 19 ของสโมสรด้วยที่คลำเป้าได้ครบสามหลัก
แต่ที่สำคัญกว่านั้น ในเกมสอนบอลทีมน้องใหม่ ศูนย์หน้าแซมบ้าวัย 30 ปีโดดเด่นไม่มีใครเกินจากการสร้างผลงานแอสซิสต์ได้ถึงสามประตู นอกเหนือจากการเช็คบิลได้สองประตู อีกทั้งเจ้าตัวยังปลดล็อคสอยตาข่ายใน แอนฟิลด์ ได้ซะทีหลังร้างราจากส่งบอลเข้าประตูต่อหน้าสาวก เดอะ ค็อป ในเกม พรีเมียร์ลีก มานาน 20 นัดแล้ว
2. ซาลาห์ เท้าบอดเหลือเชื่อ
กลายเป็นเรื่องน่าฉงนไม่น้อยที่ 9 ประตูในเกมยำใหญ่ บอร์นมัธ ไม่ปรากฏว่า โม ซาลาห์ มีส่วนเกี่ยวข้องแม้แต่ประตูเดียวทั้งๆที่เขาเป็นดาวยิงหมายเลขหนึ่งของสโมสร
ไม่เพียงเท่านั้น แต่ "คิง ออฟ อียิปต์" ถูกโฉลกกับ เดอะ เชอร์รีส์ มากกว่าพ่อค้าแข้งทุกคนในประวัติศาสตร์ของถิ่น แอนฟิลด์ ด้วยเนื่องจากเขาฉีกตาข่ายทีมรองบ่อนรายนี้ได้มากถึง 8 ประตูด้วยกันจากการเผชิญหน้ากันหกนัด
ยิ่งไปกว่านั้น พ่อค้าแข้งแอฟริกันยังเป็นนักเตะคนเดียวที่ซัดแฮททริคใส่ บอร์นมัธ ได้ด้วยในเกม พรีเมียร์ลีก พาทีมบุกไปกำชัย 4-0 เมื่อเดือนธ.ค.2018 ขณะที่ แฮร์รี่ แชมเบอร์ส เป็นอีกรายที่ทำได้ แต่เป็นเกม เอฟเอคัพ ในปี 1927
แต่แล้วในเกมที่เจ็ดกับ เดอะ เชอร์รีส์ ซาลาห์ กลับเท้าบอดสนิท และถูก ฟีร์มิโน่ ขโมยซีนอย่างไม่น่าเชื่อจึงทำให้ "บังโม" ยังหนี สตีเว่น เจอร์ราร์ด ไม่ได้ด้วยการรั้งอันดับสองร่วมดาวซัลโวสูงสุดใน พรีเมียร์ลีก ของ ลิเวอร์พูล ที่จำนวน 120 ประตู ตามหลัง ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ อยู่แปดประตู
3.เครื่องจักรสีแดง ชวดทำลายสถิติ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลังเห็นขุนพล หงส์แดง ยิงประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ เดอะ ค็อป จึงพากันลุ้นที่จะได้เห็นการสร้างสถิติใหม่ประดับ พรีเมียร์ลีก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่สกอร์ขยับเป็น 9-0 และยังเหลือเวลาอีกห้านาที บรรดา เดอะ ค็อป ต่างพากันตะโกนว่า "เราต้องการประตูที่สิบ" กันอย่างดังลั่น
ให้น่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่ ลิเวอร์พูล ทำไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อยชัยชนะเหนือ บอร์นมัธ ก็ทำให้พวกเขาสร้างสถิติชนะด้วยสกอร์ที่ขาดลอยที่สุดเทียบเท่ากับสถิติของ พรีเมียร์ลีก
และเทียบเท่ากับสถิติของสโมสรเองด้วยในช่วงที่การฟาดแข้งยังเป็นดิวิชั่นหนึ่งเดิมเนื่องจาก เร้ด แมชีน เคยกำราบ คริสตัล พาเลซ 9-0 เมื่อวันที่ 12 ก.ย.1989 ขณะที่สถิติของ พรีเมียร์ลีก ก่อนหน้านี้สามครั้งมีดังนี้
แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 9-0 ปี 2021
เลสเตอร์ ชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 9-0 ปี 2019
แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ อิปสวิช 9-0 ปี 1995
4.หงส์ จบสกอร์คมกริบ
เป็นที่น่าสังเกตว่าสกอร์ชนะ บอร์นมัธ 9-0 เป็นเพราะว่าทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ไม่ได้ใช้โอกาสเปลือง หรือยิงนกตกปลาเหมือนกับหลายๆเกมที่พวกเขาคว้าผลลัพธ์ไม่ได้ แม้โอกาสจะเปิดกว้าง
ตลอด 90 นาทีที่ แอนฟิลด์ ทีมของ คล็อปป์ มีโอกาสคลำเป้ารวมทั้งสิ้น 19 ครั้ง และส่งบอลเข้ากรอบมากถึง 12 ครั้ง พร้อมทั้งได้มาทั้งหมด 9 ประตูซึ่งทีมเยือนช่วยสงเคราะห์ให้หนึ่งประตู
สำหรับเปอร์เซนต์การครองบอล ลิเวอร์พูล เหนือกว่าอยู่แล้วในอัตรา 71:29% ขณะที่ฝั่ง เดอะ เชอร์รีส์ ได้ง้างยิงรวมทั้งสิ้น 5 ครั้ง และส่งบอลเข้ากรอบ 2 ครั้ง
5.บอร์นมัธ เสียประตูมากกว่า เช็ก
แม้จะไม่ใช่ทีมบ๊วยของตารางเนื่องจากทีมน้องใหม่คว้าชัยชนะได้แล้วหลังเลื่อนชั้นได้สำเร็จ และเก็บได้สามแต้มจากสี่เกมแรก
แต่ในแง่ของเกมรับ บอกได้เลยว่าทีมของ สกอตต์ พาร์เกอร์ มีเสียวที่จะต้องหล่นลงสู่ แชมเปี้ยนชิพ ไม่น้อยหลังโดน เครื่องจักรสีแดง กระหน่ำไปเก้าลูก รวมแล้วถึงขณะนี้พวกเขาเสียไป 16 ประตูมากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก เวลานี้ และยิงได้ 2 ประตู
ต่อจำนวนประตูที่เสียไปในสี่เกมแรก ทำให้ เดอะ เชอร์รีส์ โดนสอยตาข่ายมากกว่าที่ ปีเตอร์ เช็ก อดีตมือกาวทีม เชลซี เสียไปคนเดียวในซีซั่น 2004/05 ซึ่ง สิงห์บลูส์ คว้าแชมป์ไปครองเรียบร้อยแล้ว
ต่อซีซั่นดังกล่าว เช็ก ได้ลงเฝ้าเสาในเกมลีกทั้งหมด 35 นัด และรวมทั้งสิ้น 38 นัด ทีมเงินถังแห่งลอนดอนโดนยิงไปทั้งหมดแค่ 15 ประตูเท่านั้น
ที่มาของภาพ : Gettyimages
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport