ตอนนี้กระแสปลด เอริค เทน ฮาก จากการนั่งเก้าอี้ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังทัพ "ปีศาจแดง" แพ้ยับทั้งสกอร์และรูปเกมในแมตช์โดน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 0-3 ตกรอบ 4 ศึกคาราบาว คัพ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การกุมบังเหียนของ เทน ฮาก สร้างสถิติสุดอนาถเมื่อนำทีมแพ้ 8 เกมจาก 12 แมตช์ในทุกรายการฤดูกาลนี้ ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่ซีซั่น 1962-1963 หรือกว่า 6 ทศวรรษเลยทีเดียว
ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ กุนซือชาวดัตช์ ตกเป็นข่าวว่าใกล้จะโดนปลดออกจากตำแหน่งแล้ว โดยมีความเป็นไปได้ว่า 3 แมตช์ต่อไปได้แก่ ฟูแล่ม (พรีเมียร์ลีก), โคเปนเฮเก้น (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก) และ ลูตัน (พรีเมียร์ลีก) ก่อนพักเบรกทีมชาติ อาจจะตัดสินอนาคตของ เทน ฮาก ได้เลย
งานนี้สื่อหลายสำนักก็เลยคาดการณ์กันว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังเล็ง 7 กุนซือฝีมือดี ที่จะเข้ามาทำหน้าที่กุมบังเหียน "ผีแดง" หากจำเป็นต้องเฉดหัว เทน ฮาก เซ่นผลงานห่วยในช่วงที่ผ่านมา
1. แกรม พอตเตอร์
เชลซี มีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของสโมสรพร้อมแต่งตั้ง แกรม พอตเตอร์ เข้ามากุมบังเหียน แต่สุดท้ายไม่ประสบความสำเร็จ และโดนเฉดหัวทิ้งทั้งๆ ที่ทำงานได้แค่ 7 เดือนเท่านั้น โดยปัจจุบันเจ้าตัวยังว่างงาน และกำลังรองานใหม่ที่เหมาะสมกับเขา
ขณะที แมนฯ ยูฯ ดูเหมือนว่าจะแสดงความสนใจในตัว พอตเตอร์ เลยทีเดียว และพวกเขาเล็ง อดีตผู้จัดการทีมไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน เป็นหนึ่งในตัวเลือกถ้าหากทีมปลด เทน ฮาก
เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ และบอร์ดบริหารของเขากำลังพยายามที่จะซื้อหุ้น 25 เปอร์เซนต์จาก แมนฯ ยูไนเต็ด โดยอภิมหาเศรษฐีชาวอังกฤษ ชื่นชอบทัศนคติและแนวคิดของ พอตเตอร์ อย่างมาก และเคยพยายามแต่งตั้งเขาให้กุมบังเหียนสโมสรนีซ มาแล้ว
อย่างไรก็ตาม พอตเตอร์ ถือเป็นกุนซือเนื้อหอมเลยทีเดียว แม้ว่าเขาจะล้มเหลวกับ เชลซี แต่ผลงานในการสร้างรากฐานให้กับ ไบรท์ตัน ยังคงติดตาตรึงใจหลายๆ คน ด้วยเหตุนี้ทำให้มีหลายทีมอยากใช้บริการเขารวมทั้ง นาโปลี ด้วย
2. ซีเนดีน ซีดาน
ตำนานเพลย์เมกเกอร์หมายเลข 1 ของโลก ยังคงว่างงานนับตั้งแต่ที่ตัดสินใจอำลาการกุมบังเหียน เรอัล มาดริด คำรบ 2 เมื่อปี 2021 หลังช่วย "ราชันชุดขาว" ประสบความสำเร็จมากมาย
อดีตจอมทัพทีมชาติฝรั่งเศส โด่งดังเป็นพลุแตกสมัยที่เป็นนักเตะตอนที่เล่นให้ ยูเวนตุส และ เรอัล มาดริด พอหันมาทำงานกุนซือก็ฝีมือแพรวพราวนำ "โลส บลังโกส" คว้าแชมป์ ลา ลีกา 2 สมัย และ แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 สมัย
ก่อนหน้านี้ ซีดาน เคยมีข่าวพัวพันกับ แมนฯ ยูไนเต็ด มาแล้ว แต่สุดท้ายไม่มีอะไรในกอไผ่ เพราะ "เร้ด เดวิลส์" เลือกที่จะคว้าตัว เทน ฮาก ซึ่งทำผลงานได้อย่างสุดยอดกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม มาทำหน้าที่นายใหญ่
สำหรับตอนนี้ด้วยผลงานของ เทน ฮาก ที่ต้องบอกว่ามีแต่สาละวันเตี้ยลงอย่างต่อเนื่อง นั่นำทำให้ชื่อของ ซีดาน กลับมาเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะได้รับงานกุมบังเหียน แมนฯ ยูฯ อีกครั้ง
3. โรแบร์โต้ เด แซร์บี้
ต้องยอมรับว่า โรแบร์ดต้ เด แซร์บี้ ทำผลงานได้อย่างน่าเหลือเชื่อนับตั้งแต่เข้ามากุมบังเหียน ไบรท์ตัน ต่อจาก พอตเตอร์ เพราะเขาสามารถสร้างทีมได้อย่างยอดเยี่ยมจนหลายคนต้องทึ่งกันเลยทีเดียว
กุนซือชาวอิตาเลียน สามารถนำ "เดอะ ซีกัลส์" คว้าตั๋วไปเล่นยูโรปา ลีก เป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์สโมสร และปัจจุบันก็ยังนำทีมสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่น ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชื่อของเขาพัวพันกับหลายสโมสรชั้นนำในยุโรป
แน่นอนว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ก็จับตามอง เด แซร์บี้ เช่นกัน อย่างไรก็ตามการจะดึงตัวกุนซือรายนี้มาทำงานในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะทีมต้องจ่ายค่าชดเชยก้อนโตให้กับ ไบรท์ตัน เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า เด แซร์บี้ จะไม่สนใจอยากทำงานกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ขณะเดียวกันแฟนบอล "ผีแดง" ก็รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในศักยภาพ เพราะถ้าหากต้องเข้ามาทำงานกับทีมที่มีความคาดหวังสูง ผลงานอาจจะไม่ดีเหมือนตอนคุม ไบรท์ตัน ก็ได้
4. ดีเอโก้ ซิเมโอเน่
สำหรับ ซิเมโอเน่ ต้องบอกว่าสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ แอตเลติโก มาดริด และตอนนี้เขาก็อยู่กุมบังเหียนทัพ "ตราหมี" นานถึง 12 ปี แถมมีรายงานว่าเจ้าตัวก็ไม่ค่อยอยากออกไปหาความท้าทายใหม่ซะด้วย
อย่างไรก็ตามสัญญาปัจจุบันของ ซิเมโอเน่ จะหมดลงหลังจบฤดูกาลนี้ และสโมสรต้องการเขาซึ่งเป็นกุนซือที่ได้รับค่าจ้างแพงที่สุดในโลกยอมลดค่าแรงลงมา 20 เปอร์เซนต์เพื่อต่อสัญญาฉบับใหม่
ด้วยเหตุนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด อาจจะใช้โอกาสนี้ในการยื่นข้อเสนอเพื่อโน้มน้าให้ เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์ ตัดสินใจอำลา แอต. มาดริด เพื่อมาทำงานในถิ่น "เธียเตอร์ ออฟ ดรีม"
ต้องยอมรับว่า ซิเมโอเน่ มีความสามารถอย่างยิ่งในการจัดระบบแผงแบ็กโฟร์ที่อ่อนยวบของ แมนฯ ยูฯ ให้กลับมาแข็งแกร่ง เพราะในปัจจุบันเกมรับ "ผีแดง" เปราะบางและเจาะเข้าไปทำประตูได้อย่างง่ายดายเหลือเกิน
5. ยูเลียน นาเกลส์มันน์
นาเกลส์มันน์ ต้องเจอกับเรื่องสุดช็อกเมื่อถูก บาเยิร์น มิวนิค เฉดหัวในเดือนมีนาคม แม้ว่าเขาจะมีลุ้นคว้าแชมป์บุนเดสลีกา เยอรมนี และอยู่ในเส้นทางไล่ล่าความสำเร็จในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ก็ตาม
ผลงานของ นาเกลส์มันน์ ถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียว เพราะเขาสร้างชื่อมาจากการทำทีมเล็กๆ อย่าง ฮอฟเฟ่นไฮม์ และ แอร์เบ ไลป์ซิก ก้าวขึ้นมาฟาดฟันกับ บาเยิร์น และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ได้อย่างสนุกสูสี ด้วยเหตุนี้ทำให้เจ้าตัวได้รับโอกาสทองให้เข้าไปทำงานกับ "เสือใต้ ในปี 2021
อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ บาเยิร์น มีความคาดหวังสูงมาก แค่การคว้าแชมป์ลีกเมืองเบียร์ยังไม่เพียงพอ เพราะทีมต้องการคว้าสำเร็จในถ้วยใบโตยุโรป ซึ่ง นาเกิลส์มันน์ ไม่สามารถทำได้ ทำให้สโมสรตัดสินใจสั่งปลดฟ้าผ่า
กุนซือคนหนุ่มไฟแรง เพิ่งจะได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่กุมบังเหียนทีมชาติเยอรมนี กระนั้นเจ้าตัวชื่นชอบการทำงานโค้ชในระดับสโมสรมากกว่า ด้วยเหตุนี้หากจบศึกยูโร 2024 เขาคงจะออกเดินตามฝันอีกครั้ง
6. โอเล่ กุนนาร์ โซลชา
"ปลุกปีศาจต้องใช้ปีศาจ" วลีเด็ดตอนที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เข้ามารับหน้าที่คุมแมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมกับสร้างผลงานได้อย่างน่าเหลือเชื่อ จนสาวก "เร้ด อาร์มี่" ดีใจเนื้อเต้นว่าตำนานสโมสรสามารถกู้วิกฤติทีมได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตามยิ่งคุมทีมไปเรื่อยๆ "น้าลูกอม" ยิ่งแสดงศักยภาพที่แท้จริง นั่นก็คือการสร้างทีมแบบสะเปะสะปะ และสุดท้ายก็โดนไล่ออกในเดือนพฤศจิกายน 2021 ซึ่งจนถึงตอนนี้เขาก็ยังว่างงาน ทั้งๆ ที่มีหลายทีมอยากเสี่ยงใช้บริการก็ตาม
สำหรับตอนนี้ชื่อของ โซลชา กลับมาพัวพันกับ แมนฯ ยูฯ อีกครั้ง แต่งานนี้พวกเขาคงไม่รีบร้อนที่จะแต่งตั้ง ตำนานดาวยิงซูเปอร์ซับ และจะรอจนกระทั่งช่วงซัมเมอร์ หลัง "เซอร์จิม" เข้ามาบริหารทีม
จริงๆ แล้วผลงานของ โซลชา ก็ไม่ได้เลวร้ายหากเทียบสถิติของเขากับ เทน ฮาก ในเวลานี้ แต่ภาพจำที่เจ้าตัวไม่ค่อยออกมายืนสั่งการอยู่ข้างสนาม อาจทำให้สาวก "เร้ด อาร์มี่" ไม่ค่อยอยากเห็นเขากลับมากุมบังเหียน
7. ไมเคิ่ล คาร์ริค
ตำนานอีกคนของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีลุ้นนั่งเก้าอี้ผู้จัดการทีม "ผีแดง" นั่นก็คือ ไมเคิ่ล คาร์ริค โดยเขามีโอกาสได้ทำงานร่วมกับ โชเซ่ มูรินโญ่ และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ในช่วงระหว่างที่ทั้งคู่คุมแมนฯ ยูฯ
คาร์ริค เคยมีโอกาสทำหน้าที่กุนซือชั่วคราว แมนฯ ยูฯ มาแล้ว และก็สร้างผลงานได้น่าประทับใจด้วย แต่หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับ มิดเดิลสโบรช์ และสร้างทัพ "เดอะ โบโร่" ได้ดีเยี่ยมในการทำงานซีซั่นแรก
ตอนนั้น กุนซือวัย 42 ปีสามารถนำ มิดเดิลสโบรช์ ลุ้นเพลย์ออฟเลื่อนชั้นเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แต่น่าเสียดายที่ทำไม่สำเร็จ แต่นั่นก็ถือเป็นการสร้างโปรไฟล์ให้กับการทำงานด้านผู้จัดการทีมของเขาเลยทีเดียว
แม้ว่า คาร์ริค จะไม่ได้มีประสบการณ์ในการกุมบังเหียนมากนัก แต่เขารู้ตื้นลึกหนาบางของ แมนฯ ยูฯ เหมือนกับ โซลชา และนั่นอาจจะเป็นโอกาสที่เขาจะสานฝันให้เป็นจริงในการคุม "ผีแดง"
ลุงต้อม