บอกโลกว่าปืนตายยาก! 5 ข้อ อาร์เซน่อล แรงปลายบุกแบ่งแต้ม เชลซี

บอกโลกว่าปืนตายยาก! 5 ข้อ อาร์เซน่อล แรงปลายบุกแบ่งแต้ม เชลซี
อาร์เซน่อล ยังรักษาสถิติไร้พ่ายในเกม พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ได้ต่อไปเมื่ออาศัยการพลิกสถานการณ์ในครึ่งหลังตะบันสองประตูบุกตีเสมอ เชลซี ได้ 2-2 ในเกมดาร์บี้แมตช์ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อวันเสาร์ที่ 21 ต.ค.

อันที่จริง สิงห์บลูส์ สมควรมีชัยในเกมนี้ไม่น้อยเนื่องจากโชว์ฟอร์มได้เหนือกว่าเห็นๆ และนำหน้าไปก่อนถึงสองประตู แต่สุดท้ายทีม ปืนใหญ่ แสดงให้เห็นว่าพวกเขาพร้อมท้าทายตำแหน่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในซีซั่นนี้อย่างแท้จริง และคว้าหนึ่งแต้มอันล้ำค่ากลับรังได้อย่างน่ายกย่อง

1. สิงห์บลูส์ ปรับทัพสองราย

เชลซี เปลี่ยนโผตัวจริงสองรายจากเกมบุกสยบ เบิร์นลีย์ เมื่อสองสัปดาห์ก่อนโดย อาร์มานโด้ โบรย่า ลงเล่นไม่ได้เนื่องจากบาดเจ็บ ขณะที่ อักเซล ดิซาซี่ ถูกดร็อปไปเป็นตัวสำรองให้ มิไคโล มูดริก ลงสนามเช่นเดียวกับ มาโล่ กุสโต้ ที่พ้นโทษแบน

พร้อมกันนี้ เจ้าบ้านได้ รีซ เจมส์ กัปตันทีมหายเดี้ยงกลับมานั่งข้างสนามนับตั้งแต่ล้มเจ็บในเกมเปิดซีซั่น ขณะที่ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ กับ มอยเซส ไกเซโด้ สตาร์ทีมชาติ อาร์เจนติน่า และ เอกวาดอร์ ซึ่งรับใช้ชาติเมื่อกลางสัปดาห์มีชื่อในโผ 11 คนแรกทั้งคู่

2. ปืนได้ ซาก้า ฟิตลงบู๊

อาร์เซน่อล สลับโผตัวจริงสองรายเช่นกัน แต่ได้รับข่าวดี บูคาโย่ ซาก้า ปีกตัวกลั่นที่เดี้ยงจนพลาดการรับใช้ทีมชาติ อังกฤษ หายเจ็บกลับมาลงเล่นได้โดยที่ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ถูกเบียดตกขอบ

นอกจากนี้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ฮีโร่จากนัดก่อนได้กลับมาเล่นเป็นตัวจริงแทนที่ เลอันโดร ทรอสซาร์ ซึ่งหลุดไปนั่งข้างสนามเช่นกัน ขณะที่ วิลเลี่ยม ซาลิบา , กาเบรียล มากัลเญส และ กาเบรียล เชซุส ที่ผละไปรับใช้ชาติได้ลงบู๊พร้อมเพรียงแม้รายแรกจะเจ็บเท้าจนชวดลงเล่นให้กับ ฝรั่งเศส

กระนั้นก็ดี เกมนี้ อารอน แรมสเดล ไม่มีชื่อเป็นนายทวารตัวสำรองเนื่องจากผละไปเฝ้าภรรยาที่ให้กำเนิดทารกเพศชายจึงทำให้ คาร์ล ไฮน์ ได้นั่งข้างสนามแทน

สำหรับ จอร์จินโญ่ อดีตกองกลาง เชลซี ลงเล่นเป็นตัวจริงบู๊กับทีมเก่า ขณะที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่ย้ายมาจาก สิงห์บลูส์ เช่นกันนั่งอยู่ในซุ้ม

3. พาลเมอร์ ตัวทีเด็ดเจ้าถิ่น

นับตั้งแต่คว้า โคล พาลเมอร์ เด็กปั้นของ แมนฯ ซิตี้ มาร่วมทีม เชลซี สามารถสร้างผลงานได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนน่าจะเป็นการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดของพวกเขาในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

ก่อนหน้าเปิดบ้านปะทะกับ อาร์เซน่อล สิงห์บลูส์ ซึ่งออกสตาร์ตซีซั่นได้อย่างเลวร้ายสามารถกำชัยได้สามนัดรวดในทุกรายการ และในที่สุด พาลเมอร์ สอยตาข่ายให้เศรษฐีลอนดอนได้สองเม็ดแล้วจากสองเกมหลังจากการสังหารลูกโทษพาทีมออกนำ เดอะ กันเนอร์ส 1-0 ในครึ่งแรกโดยก่อนหน้านี้แมตช์บุกขยี้ เบิร์นลีย์ 4-1 ดาวเตะวัย 21 ก็ยิงลูกโทษไม่พลาดเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ พาลเมอร์ จึงตะบันประตูในเกมลีกได้สองนัดซ้อน และในวัย 21 ปี 168 วันทำให้เขาเป็นพ่อค้าแข้งอายุน้อยที่สุดเป็นอันดับสามที่สังหารลูกโทษในเกม พรีเมียร์ลีก ได้สองนัดติดต่อกันรองจาก บูคาโย่ ซาก้า (20 ปี 230 วัน) และ ปีเตอร์ เอ็นเลิฟ (21 ปี 50 วัน)

ขณะเดียวกัน นับเป็นครั้งแรกในซีซั่นนี้ด้วยที่ทีม ปืนใหญ่ สามารถส่ง ซาก้า ,มาร์ติเนลลี่ และ เชซุส ลงเล่นพร้อมกันได้ แต่กลายเป็นว่าทั้งสามไม่สามารถสร้างปัญหาให้กับทีมร่วมเมืองได้เลยโดยก่อนเสียลูกโทษให้ พาลเมอร์ ทีมจาก เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ไม่มีโอกาสคลำเป้าเลย ขณะที่ เชลซี ได้ลองยิง 4 ครั้ง และเข้ากรอบ 1 ครั้งโดยเจ้าบ้านครองบอลได้มากกว่า 51:49% ด้วย

อย่างไรก็ดี หลังครบ 45 นาทีแรก อาร์เซน่อล พลิกมาครองบอลได้มากกว่า 62:38% แต่เป็น เชลซี ที่ได้ยิงมากกว่า 7 ครั้ง และเข้ากรอบ 2 ครั้ง ขณะที่อาคันตุกะได้เข่น 2 ครั้งแต่ไม่เข้ากรอบ

4. ปืนใหญ่ยื้อตายไร้พ่ายต่อ

จะมีโชคช่วยหรือไม่ก็แล้วแต่จะคิด แต่ที่แน่ๆ มูดริค สอยตาข่าย อาร์เซน่อล ได้ตั้งแต่ต้นครึ่งหลังจากลูกโยนทางกราบซ้ายที่ลอยข้าม ราย่า ตุงตาข่าย และมันส่งผลกระทบอย่างแรงต่อเกมที่ทำให้รองแชมป์เก่าประสบกับปัญหาหนักขึ้นต่อการพยายามพลิกสถานการณ์แซงหน้าเข้าเส้นชัย

อย่างไรก็ดี แม้จะไม่อาจคว้าสามแต้มเพื่อกระโดดขึ้นเป็นจ่าฝูงแบบเต็มตัวได้ แต่อย่างน้อย อาร์เซน่อล ก็แสดงให้เห็นว่าซีซั่นนี้พวกเขามีโอกาสลุ้นคว้าแชมป์อีกปีอย่างไม่ต้องสงสัยเมื่อ เดแคลน ไรซ์ ฉวยความผิดพลาดในการออกบอลของ ดาบิด ซานเชซ ซัดไกลตีไข่แตกให้ทีมเยือนได้ในนาทีที่ 77 ก่อนที่ ทรอสซาร์ ตัวสำรองจะเข้าฮอสลูกโยนข้ามฟากของ ซาก้า ที่เกมนี้ออกจะเงียบฉี่เข้าประตูตีเสมอให้ เดอะ กันเนอร์ ได้สำเร็จในนาทีที่ 84

ฉะนั้นแล้ว การแชร์แต้มกันไปในเกมนี้จึงเป็นเรื่องน่าผิดหวังของ เชลซี ที่นำหน้าสองประตู แต่ไม่อาจกำชัยเหนือทีมร่วมเมืองได้ ขณะที่ อาร์เซน่อล แม้จะได้แค่แต้มเดียว แต่การบุกมาตีเสมอได้จึงเปรียบเหมือนผลเสมอคูณสองที่ไม่ต่างอะไรกับชัยชนะ

พร้อมกันนี้ ต้องยอมรับว่าทีมของ อาร์เตต้า ไม่สมควรแพ้ในเกมนี้ด้วยหากจะมองกันที่ผลงานของพวกเขาในครึ่งหลังซึ่งเล่นได้ดีขึ้นเป็นลำดับกระทั่งได้รับผลตอบแทนจากความพยายามโดยสถิติหลังจบเกมระบุว่าทีมเยือนเหนือกว่าทั้งการครองบอล 57:43% และโอกาสยิงที่มากกว่า 13:11 ครั้ง แม้จะเข้ากรอบน้อยกว่า 5:3 ครั้ง

5. ฟอร์มไม่สวยแต่ได้ผลลัพธ์

แม้จะไล่ยิงสองประตูในครึ่งหลังตีเสมอ เชลซี ได้ แต่คงไม่ผิดหากจะบอกว่าเกมนี้ทีมของ อาร์เตต้า เล่นกันได้อย่างขี้เหร่ที่สุดเกมหนึ่งเลยทีเดียวจากหลายๆเกมหลัง

โดยเฉพาะในครึ่งแรกซึ่งพวกเขาเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน และถูก เชลซี ที่เริ่มมีผลงานกระเตื้องขึ้นสร้างปัญหาให้หลายครั้งกระทั่งเจ้าบ้านได้สองประตูนำหน้าจนคล้ายกับว่า เดอะ กันเนอร์ส สมควรแพ้เป็นเกมแรกในซีซั่นเข้าให้ซะแล้ว

และจะว่าไปแม้อาคันตุกะจะได้หนึ่งแต้มสำคัญ แต่บอกได้เลยว่าไม่ใช่ฟอร์มที่น่าประทับใจโดยเฉพาะลูกตีไข่แตกซึ่งเกิดจากความผิดพลาดของ ซานเชซ มากกว่าที่จะเป็นผลงานการทำเกมของ อาร์เซน่อล แต่ยังไงซะก็ต้องยกย่อง ไรซ์ ที่มีความเด็ดขาดมากพอต่อการฉวยโอกาสยิงไกลตีไข่แตกให้ทีมมีลูกฮึด

ฉะนั้นแล้ว ในเมื่อช่องว่างถูกลดลงจากสองประตูเหลือหนึ่งประตู โอกาสได้หนึ่งแต้มสำหรับรองแชมป์เก่าจึงมีความเป็นไปได้มากขึ้นเนื่องจากพวกเขาครองบอลได้เหนือกว่า เชลซี แล้วจนในที่สุด ทรอสซาร์ ก็สวมวิญญาณยอดซูเปอร์ซับได้อีกครั้งซึ่งสะท้อนได้เป็นอย่างดีว่าทีมที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆมักคว้าผลลัพธ์ได้เสมอ ประกอบกับเท่าที่ผ่านมาทีมที่ได้ครองแชมป์มักเอาตัวรอดได้ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากซึ่ง อาร์เซน่อล กำลังแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีสิ่งนี้อยู่ในทีมเพราะแม้จะเล่นได้ไม่เอาอ่าวสักเท่าไหร่ดังจะเห็นว่าพ่อค้าแข้งหลายรายได้คะแนนความสามารถต่ำ แต่ลงเอยแล้วพวกเขาสามารถคว้าผลลัพธ์ได้ซึ่งถือเป็นคุณสมบัติที่ดีของทีมที่ต้องการท้าทายความสำเร็จ




ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport