แนวทางเฟ้นหาดาวรุ่งของ ลิเวอร์พูล ในยุคปัจจุบัน เมื่อต้องเจอการแข่งขันที่สูงขึ้น

แนวทางเฟ้นหาดาวรุ่งของ ลิเวอร์พูล ในยุคปัจจุบัน เมื่อต้องเจอการแข่งขันที่สูงขึ้น
ตอนซัมเมอร์ที่ผ่านมาอาจไม่ได้เป็นข่าวฮือฮามากนักที่ ลิเวอร์พูล จัดการคว้าตัวดาวรุ่งอย่าง ฮาร์วี่ย์ โอเว่น, เทรย์ เอ็นโยนี่ และ อมาร่า นาลโล่ เข้าสู่ทีม

แต่การเซ็นสัญญาทั้งสามคนนี้ก็เผยให้เห็นถึงกลยุทธ์ระยะยาวของสโมสร เช่นเดียวกับการเข้ามาของผู้เล่นดัง ๆ คนอื่น ๆ บนทีมชุดใหญ่

โอเว่น (14 ปี), เอ็นโยนี่ (16 ปี) และ นาลโล่ (16 ปี) ถูกดึงจากสโมสรระดับพรีเมียร์ลีก วูล์ฟส์, เลสเตอร์ ซิตี้, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ตามลำดับ

โปรไฟล์ของพวกเขาทั้งหมดเหมาะสมกับสิ่งที่ ลิเวอร์พูล ต้องการ

ถึงตอนนี้ นาลโล่ ถูกโปรโมตเข้าทีมยู-21 ไปแล้ว และผลงานของชุดยู-18 ภายใต้การดูแลของ มาร์ค บริดจ์-วิลกินสัน รั้งอยู่รองจ่าฝูง

โดยเกมล่าสุด พวกเขาเอาชนะ ซันเดอร์แลนด์ ไปได้ 7-1 เอ็นโยนี่ เบิกสกอร์แรกก่อนที่จะยิงอีกลูกในอีก 2 นาทีต่อมา

จากการที่สหราชอาณาจักร ถอนตัวจากสหภาพยุโรป หรือ อียู เมื่อปี 2020 

ตามกฎเกณฑ์ที่ระบุไว้คือไม่อนุญาตให้แต่ละสโมสรดึงตัวผู้เล่นต่างชาติที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้ามา

สเตฟาน บายเซติช ที่ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ ลิเวอร์พูล ไปแล้ว 21 นัด คือนักเตะนอกประเทศที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะคนสุดท้ายที่ย้ายมาอยู่สโมสรก่อนที่จะเกิด Brexit 

แล้วนับแต่นั้นมาการให้ความสำคัญต่อการสรรหาผู้เล่นในเกาะอังกฤษ ก็มีมากขึ้นกว่าเดิม

แมตต์ นิวเบอร์รี่ หัวหน้าฝ่ายสรรหาทีมอะคาเดมี่เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับมาก ๆ 

อเล็กซ์ อิงเกิลธอร์ป ผู้จัดการทีมอะคาเดมี่ ไม่เพียงแค่สนใจการเฟ้นหาผู้เล่นท้องถิ่นแถบตะวันตกเฉียงเหนือ อังกฤษ มากขึ้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงใน สกอตแลนด์ และ ไอร์แลนด์เหนือ อีกด้วย

นอกจากนี้ แผนงานของพวกเขายังเน้นเป็นพิเศษเจาะจงว่าเป็นเด็ก ๆ ที่อายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปที่เคยเล่นในระดับรุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี, 14 ปี และ 16 ปี 

โดยนักเตะเหล่านั้นจะต้องมีสิทธิ์ย้ายออกจากต้นสังกัดของพวกเขาได้ด้วย

หลังจากทำการวิเคราะห์คลิปวิดีโอ, ไปดูเกมด้วยตัวเอง และทำการวิเคราะห์ข้อมูลแล้วนั้น ทีมแมวมองจะเอาชื่อแข้งที่เป็นเป้าหมายมารวมกัน รวมถึงจะพิจารณาบุคลิกของนักเตะเหล่านั้นด้วย เพื่อจะระบุว่านักเตะคนไหนที่สามารถรับมือกับความกดดันของการเล่นให้สโมสรที่ดังระดับโลกได้ และสามารถเล่นเกมระดับเยาวชนหลายต่อหลายนัดได้

เมื่อถึงเวลาที่ต้องคุยกับนักเตะ, ผู้ปกครองของพวกเขา และเหล่าเอเยนต์เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะเล่นให้ ลิเวอร์พูล 

ทีมงานของ นิวเบอร์รี่ สามารถเอานักเตะที่ก้าวจากอะคาเดมี่ขึ้นไปเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ ลิเวอร์พูล ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้มาเป็นตัวอย่างเพื่อโน้มน้าวใจคนเหล่านั้นได้

คนที่อยู่กับอะคาเดมี่มาตั้งแต่แรก ๆ อย่างพวก เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เคอร์ติส โจนส์, จาเรลล์ ควอนซาห์ และ เบน โด๊ค เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จ 

ส่วนนักเตะดาวรุ่งหลายคนที่ถูกดึงมาจากที่อื่นและถูกปลุกปั้นเลี้ยงดูจนขึ้นไปอยู่ในทีมชุดใหญ่ในตอนนี้อย่าง บายเซติช กับ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ก็เป็นกรณีตัวอย่างที่ดีเหมือนกัน

การชิงตัวนักเตะดาวรุ่งในย่านตะวันตกเฉียงเหนือมันเต็มไปด้วยความดุเดือดเพราะทีมในย่านนั้นมีทีมระดับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่ด้วย 

ขณะที่ เอฟเวอร์ตัน กับสโมสรท้องถิ่นในลีกระดับที่ต่ำกว่า พรีเมียร์ลีก ก็พยายามอย่างหนักเพื่อจะเอาดาวรุ่งเก่ง ๆ ในย่านท้องถิ่นมาอยู่กับทีมของพวกเขา 

ถึงอย่างไร ลิเวอร์พูล มองว่าตัวเองเป็นสถานที่ในฝันของบรรดานักเตะดาวรุ่ง

แรงผลักดันในการดึงเด็ก ๆ มาร่วมทีมของ ลิเวอร์พูล ไม่เคยลดลง

พวกเขาดึงตัว บ็อบบี้ คล้าร์ก จาก นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 1.5 ล้านปอนด์ 

ส่วน เคด กอร์ดอน มาจาก ดาร์บี้ เคาร์ตี้ ด้วยราคาที่ใกล้เคียงกัน ขณะที่ คาลั่ม สแกนลอน ก็ถูกดึงจาก เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ในเงินจำนวน 500,000 ปอนด์ รวมถึง เทรนท์ โคเน่-โดเฮอร์ตี้ ที่มาจาก เดอร์รี่ ซิตี้ ใน ไอร์แลนด์

โคเน่-โดเฮอร์ตี้ เป็นผู้เล่นริมเส้นที่ฝีเท้าดี เขาเป็นตัวแทนชุดเยาวชนทีมชาติไอร์แลนด์ และได้ลงเล่นเกมระดับ พรีเมียร์ลีก 2 ให้ ลิเวอร์พูล ยู-21 ไปแล้วเมื่อเดือนสิงหาคม แถมยิงได้ในนัดเปิดตัวอีกต่างหาก

มีความหวังอย่างมากว่า เทรนท์น้อย จะพัฒนาตัวเองขึ้นมาติดทีมชุดใหญให้ได้เหมือนที่ โด้ค ทำสำเร็จในวัยแค่ 17 ปี

อีกคนหนึ่งที่โดดเด่นในรุ่นคือ เจย์เดน แดนน์ส กองหน้าซึ่งเป็นสเกาเซอร์โดยกำเนิด และอยู่กับทีมมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ

ฤดูกาลนี้ แดนน์ส ยิงไปแล้ว 7 ประตูจาก 6 เกมในทีมลิเวอร์พูล ยู-18 และล่าสุดยังได้รับการขัดเกลาจาก เอมิล เฮสกี้ย์ อดีตกองหน้าของ ลิเวอร์พูล เมื่อตอนที่ แดนน์ส เข้าไปติดทีมชาติอังกฤษ ยู-18

.

.

.

ปัจจุบัน ความสนใจไปอยู่ที่นักเตะดาวรุ่ง 3 รายข้างต้นที่ ลิเวอร์พูล คว้ามาตอนตลาดหน้าร้อน

โดย โอเว่น วัย 14 ปีเป็นกรณีศึกษาที่ดีที่ว่า ลิเวอร์พูล เดินหน้าแผนงานนี้อย่างไรในการเสาะหานักเตะระดับอะคาเดมี่

โอเว่น โดดเด่นมากกับ วูล์ฟส์ ซึ่งเป็นสิ่งที่แมวมองหลายทีมทราบกันดี

เขาแบกอายุเล่นกับคู่แข่งที่อายุมากกว่า 2 ปี แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น โอเว่น ก็แสดงให้เห็นถึงจุดเด่น และความเก่งกาจเกินอายุ

คนที่ทำงานร่วมกับ โอเว่น เผยว่าตำแหน่งที่ดีที่สุดของดาวรุ่งรายนี้คือการเป็นหัวใจบนแผงแนวรับ

และถึงแม้จะโดดเด่นกับการยืนตรงกลาง แต่เขายังสามารถล่างไปเล่นฟูลแบ็กหรือขยับขึ้นไปเป็นกองกลางก็ได้หากถึงคราวจำเป็น

ฌอน มัลคอล์ม ที่ตอนนี้อยู่ อัล จาซิร่า ใน อาบูดาบี ซึ่งเป็นผู้ที่เคยดูแล โอเว่น ระหว่างที่เด็กคนนี้อยู่ วูล์ฟส์ เผยกับ ดิ แอธเลติก ว่า

"ตั้งแต่ช่วงอายุ 7-14 ปี เขาพัฒนาขึ้นได้ดีเอามาก ๆ"

"เขามีความสามารถในเรื่องการแข่งขันสูง มีจิตใจที่แข็งแกร่ง และทุ่มเทเต็มร้อยไม่ว่าจะเป็นเรื่องตัวเอง หรือการรวมกันเป็นทีม"

"บางครั้งคุณก็ต้องเข้มงวดกับเขาจนถึงขั้นสวมปลอกคอไปเลย เพราะความต้องการที่จะเก่งขึ้นมันแรงกล้ามากๆ"

ตัวอย่างที่ชัดเจนคือความมุ่งมั่นของ โอเว่น ที่ต้องการจะเล่นในแบบที่ตัวเองขึ้นเกมจากแดนหลังทั้งด้วยเท้าซ้ายและเท้าขวา

เขาทำงานหนักเพื่อพัฒนาการเล่นเท้าที่ไม่ถนัดเพื่อให้ตัวเองเล่นได้ทุกบทบาทบนแนวรับ และถึงตอนนี้ โอเว่น ก็ทำได้แบบนั้น

ลิเวอร์พูล เห็นด้วยกับเรื่องนั้น มันมีการเจรจาค่าตัวให้อยู่ที่ 800,000 ปอนด์ และข้อเสนอถูกตอบรับในช่วงซัมเมอร์ 

ซึ่งนี่เป็นจำนวนเงินที่สูงกว่าค่าชดเชยใด ๆ ที่พวกเขาจะได้รับหากการเจรจามันลากยาวไปจนถึงขั้นที่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลกัน

วูล์ฟส์ ไม่ค่อยเสียนักเตะดาวรุ่งชั้นนำมากนัก และพวกเขาเองก็มีระบบเยาวชนที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง 

อย่างไรก็ตาม ต่อให้พวกเขาจะเป็นสโมสรใน พรีเมียร์ลีก ที่มีอะคาเดมี่คุณภาพสูงจนเข้าขั้นระดับ 1 แต่เมื่อมีทีมที่ใหญ่กว่ามาทาบทามนักเตะ พวกเขาก็เจอปัญหาในการพยายามรั้งดาวรุ่งเหล่านั้น

โอเว่น ได้รับการคาดหมายว่าจะสามารถเดินตามรอยรุ่นพี่อย่าง เบน ไวท์ และ จอห์น สโตนส์ ในเรื่องของการเป็นกองหลังที่เล่นได้หลากหลายตำแหน่ง

ทางด้าน นาลโล่ ก็มีลักษณะที่คล้ายกัน เขาเป็นปราการหลังตัวกลางที่ทำได้ดีกับการขึ้นเกมจากแดนหลัง

ช่วงเวลาตอนอยู่ เวสต์แฮม นาลโล่ ได้รับการขนานนามจาก คาร์ลตัน โคล อดีตกองหน้าระดับ พรีเมียร์ลีก ที่ทำงานโค้ชเยาวชน "เดอะ แฮมเมอร์ส" ว่าเป็น -รถโรลส์ รอยซ์ แห่งตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก- 

ขณะเดียวกัน เอ็นโยนี่ ก็ถูกตามติดโดยแมวมองจากสโมสรชั้นนำใน อังกฤษ ซึ่งเขาลงเล่นทีมยู-18 ตั้งแต่อายุเพียง 15 ปี

โดยผลงานปีก่อนบน พรีเมียร์ลีก ยู-18 นั้น เอ็นโยนี่ ลงเล่นไป 13 นัดและยิงได้ 2 ประตู

ในช่วงอายุเดียวกัน หลายคนยกย่องว่า เอ็นโยนี่ เป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวกลางที่ดีที่สุด และตอนนี้เขาก็ตัวแทนของทีมชาติอังกฤษ ยู-16

กับ ลิเวอร์พูล ยู-18 เอ็นโยนี่ ทำแฮตทริกในเกมกระชับมิตรเมื่อเดือนกันยายน และตามด้วยอีก 3 ประตูจาก 3 เกมหลังสุด อนาคตของเขาเต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้น

ในช่วงที่ผ่านมาอะคาเดมี่ของ ลิเวอร์พูล เจอปัญหาอยู่บ้างเหมือนกัน อย่างเมื่อเดือนก่อน ดิ แอธเลติก เปิดเผยว่ามีการสอบสวนเป็นการภายใน หลังจากผู้ปกครองของเด็กแสดงความไม่พอใจที่เด็กคนนั้นโดนปล่อยออกจากทีม จนเป็นการแสดงให้เห็นว่าภายในสโมสรมันไม่มีกระบวนการที่ดีพอ 

แม่ของเด็กที่ถูกปล่อยออกจากทีมยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่าง อิงเกิลธอร์ป กับหนึ่งในนักจิตวิทยาของอะคาเดมี่ด้วย

อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงอันโด่งดังของอะคาเดมี่ของ ลิเวอร์พูล หรือความแข็งแกร่งในระบบพัฒนาเยาวชนของพวกเขานั้นถือว่าไร้ข้อกังขา 

มีการฝึกสอนในระดับสูง และการแนะแนวที่ดีจากอดีตนักเตะในทีมชุดใหญ่หลายคน ระบบพัฒนาเยาวชนของพวกเขาถูกออกแบบมาเพื่อที่จะทำให้เยาวชนเหล่านั้นก้าวไปอีกระดับได้ 

โดยที่ อิงเกิลธอร์ป มักจะพูดถึงความสำคัญของการสร้างหนทางให้กับนักเตะที่ไม่สามารถก้าวไปติดทีมชุดใหญ่ของทีมได้อยู่บ่อย ๆ

ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล สร้างรายได้มหาศาลจากผู้เล่นที่สโมสรปั้นขึ้นมาจากอะคาเดมี่ 

อาทิ เนโก วิลเลี่ยมส์, ริอาน บรูวสเตอร์, แฮร์รี่ วิลสัน และ โดมินิค โซลันกี้ 

ซึ่งตอนนี้ทั้งหมดก็อยู่ในทีมระดับลีกสูงสุด ประเทศอังกฤษ

ตอนนี้่การหานักเตะรุ่นต่อไปที่เก่ง ๆ ถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่ในแต่ละปีมันก็ทำเรื่องเหล่านั้นได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะการแข่งขันที่สูงขึ้น

เรียบเรียงจาก The Athletic

HOSSALONSO


ที่มาของภาพ : GETTY IMAGE
BY : Hossalonso
ธีรศานต์ คงทอง
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport
X