หลุยส์ การ์เซีย ระบุ หนึ่งในสิ่งที่เสียดายมากที่สุดกับการเล่นให้ ลิเวอร์พูล คือการชวดลงเล่นนัดชิงดำของ เอฟเอ คัพ ซีซั่น 2005-06 พร้อมบอกว่ายังรู้สึกดีอยู่เสมอกับการที่ครั้งหนึ่งเคยเล่นให้ "หงส์แดง"
หลุยส์ การ์เซีย อดีตดาวเตะชาวสแปนิช เปิดเผยว่าหนึ่งในสิ่งที่ตนรู้สึกเสียดายมากที่สุดกับการเล่นให้ ลิเวอร์พูล คือการที่ตนพลาดนัดชิงชนะเลิศของ เอฟเอ คัพ ฤดูกาล 2005-06 จากการที่ติดโทษแบนเพราะการคุมอารมณ์ไม่อยู่
การ์เซีย เป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของรายการดังกล่าวได้ เพาะเขาทำประตูในรอบรองชนะเลิศที่ทำให้ "หงส์แดง" ชนะ เชลซี 2-1 อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนถึงนัดชิงชนะเลิศเขาไปโดนไล่ออกในเกมลีกที่เจอกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด จากจังหวะที่มีปัญหากับ เฮย์เดน มุลลินส์ ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาติดโทษแบนจนอดเจอกับ "ขุนค้อน" ในนัดชิงชนะเลิศของ เอฟเอ คัพ ยังดีที่สุดท้ายทีมของกุนซือ ราฟาเอล เบนิเตซ เอาชนะในช่วงดวลจุดโทษจนได้แชมป์ไปเชยชม
อดีตแข้งวัย 45 ปีเผยว่า "ผมได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก กับทีม ตามด้วยแชมป์ เอฟเอ คัพ แต่โชคร้ายที่ผมไม่ได้ลงเล่นนัดชิงชนะเลิศในครั้งนั้น ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผมยังรู้สึกเสียดายมาจนถึงทุกวันนี้ นั่นเป็นประสบการณ์ที่ทำใจยอมรับได้ยากสำหรับผม แต่ถ้าคุณฉลาดพอแล้วน่ะคุณก็จะเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเองได้ และผมเองก็ทำพลาดมหันต์ที่ทำให้ตัวเองโดนไล่ออกก่อนหน้าที่จะถึงเกมนั้น"
"ยังไงก็ตาม ผมก็ทำประตูในรอบรองชนะเลิศได้ แถมยังเป็นในการเจอกับ เชลซี อีกครั้งด้วย ดังนั้นมันเลยเป็นความทรงจำที่ผมพอจะย้อนนึกถึงด้วยความภาคภูมิใจได้ ทุกวันนี้เวลาที่ผมพูดกับเด็กๆ ในคลีนิกสอนฟุตบอลน่ะผมก็มักจะเล่าให้พวกเขาฟังถึงประสบการณ์ในครั้งนั้น คุณไม่ควรจะสติแตก มันไม่สมกับเป็นตัวผมเลยที่ทำแบบนั้นลงไป"
การ์เซีย เสริมว่าทุกวันนี้ตนยังรู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติที่เคยได้เล่นให้ ลิเวอร์พูล "เวลาพูดถึงตอนอยู่กับ ลิเวอร์พูล น่ะผมมักจะใช้คำว่า ภูมิใจ กับ เป็นเกียรติ อยู่เสมอ วันก่อนผมคุยกับเพื่อนบางคนเกี่ยวกับเรื่องนั้น เกี่ยวกับเรื่องที่ได้ยินเพลง You’ll Never Walk Alone ตอนเดินลงสู่สนามในฐานะนักเตะ เกี่ยวกับการได้ยินเสียงร้อง, การตะโกน และการกู่ร้องของแฟนๆ มันเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดจนถึงขนาดที่แฟนบอล ลิเวอร์พูล ทุกคนควรจะได้สัมผัสกับตัวเป็นอย่างน้อยสักครั้งหนึ่งในชีวิตของตัวเอง ซึ่งการได้สัมผัสกับสิ่งนั้นในฐานะนักเตะน่ะถือเป็นเกียรติมากๆ"