เมื่อถึงเวลาก็ต้องไป! แมนซิตี้ เตรียมพร้อมล็อปเป้า 4 กุนซือทายาท เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

กุนซือวัย 52 ปี เหลือสัญญาอยู่ไม่ถึง 2 ปีกับทัพ "เรือใบสีฟ้า" หลังจากเพิ่งขยายสัญญาใหม่เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา โดยเขาเข้ามาสร้างทีมตั้งแต่ปี 2016 จนสามารถนำสโมสรครองแชมป์มากมายรวมทั้งพรีเมียร์ลีก 5 สมัย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย ที่สำคัญยังสร้างประวัติศาสตร์คว้าทริปเบิ้ลแชมป์เมื่อซีซั่นที่ผ่านมาด้วย

แน่นอนว่าความสำเร็จมากมายมหาศาลทำให้บอร์ดบริหารของ แมนฯ ซิตี้ ต้องการที่จะรัง "เป๊ป" อยู่กับสโมสรต่อไป แต่พวกเขาย่อมรู้อยู่แก่ใจว่า กุนซือชาวสแปนิช มีความทะเยอทะยานในการหาความท้าทายใหม่ และคงไม่คิดที่จะลงหลักปักฐานอยู่กับทีมจนกระทั่งเกษียณอายุ

ด้วยเหตุนี้บอร์ดบริหารจึงมีการวางแผนที่จะหาทายาทสืบทอดตำแหน่งของ กวาร์ดิโอล่า โดยตอนแรกพวกเขาล็อกเป้าเอาไว้ 2 รายนั่นก็คือ มิเกล อาร์เตต้า และ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ แต่ตอนนี้พวกเขายังมีอีก 2 ทางเลือกนั่นก็คือ อังเก้ ปอสเตโคกลู กับ มิเชล

1. อังเก้ ปอสเตโคกลู

สำหรับ ปอสเตโคกลู ต้องบอกเลยว่าเป็นที่หมายปองของบอร์ดบริหารแมนฯ ซิตี้ มาตั้งแต่ก่อนที่เขาจะย้ายไปรับงานคุมกลาสโกว์ เซลติก ด้วยซ้ำ เพราะประทับใจในแนวทางการกุมบังเหียนของนายใหญ่ชาวออสซี่จริงๆ

ปอสเตโคกลู สร้างผลงานดีมีคุณภาพกับ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในเครือธุรกิจของ ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป (ซีเอฟจี) กลุ่มทุนเจ้าของ "เรือใบสีฟ้า" จากนั้นก็เข้ามากุมบังเหียน เซลติก พร้อมกับนำสโมสรคืนสู่ความยิ่งใหญ่ด้วยการคว้าแชมป์สกอตติชพรีเมียร์ลีก 2 สมัยติดต่อกัน

ต่อจากนั้นเจ้าตัวก็เพิ่มความท้าทายให้กับอาชีพโค้ชด้วยการกระโดดไปรับงานสุดหินกับ สเปอร์ส ช่วงซัมเมอร์นี้ โดยเขาใช้เวลาเพียงไม่นานก็ทำให้ "ไก่เดือยทอง" เป็นทีมที่แข็งแกร่ง พร้อมกับเก็บชัย 5 และเสมอ 2 จากการเล่น 7 แมตช์ในเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดีฤดูกาลนี้

ที่สำคัญ ปอสเตโคกลู ยังทำให้ สเปอร์ส กลายเป็นทีมที่เล่นสนุกเร้าใจ เน้นเกมรุกเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าแฟนบอล "พี่ไก่" ชื่นชอบสุดๆ และที่สำคัญเขาทำให้ทีมกลายเป็นสโมสรที่ไม่มีใครกล้าประมาท ขนาด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ยังโดนปราบมาแล้ว 

2. มิเชล

หลายคนแทบไม่รู้จักว่า มิเชล เป็นใครและเคยมีผลงานเก่งแค่ไหน แต่ตอนนี้ทุกคนต้องทึ่งกับการสร้าง คิโรน่า ให้กลายเป็นทีมที่แข็งแกร่ง จนสามารถก้าวขึ้นมาอยู่บนหัวตารางศึกลา ลีกา สเปน เลยทีเดียว

คิโรน่า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสโมสรในเครือของ ซีเอฟจี เริ่มต้นฤดูกาลด้วยผลงานเริ่ดหรูอลังการโดยเก็บชัยชนะ 6 เกมเสมอ 1 และแพ้ 1 ซึ่งพ่ายให้กับ เรอัล มาดริด ทำให้ตอนนี้พวกเขารั้งอันดับ 3 มี19 คะแนน เป็นรองเพียง "ราชันชุดขาว" กับ บาร์เซโลน่า จ่าฝูงเท่านั้น

สำหรับความยอดเยี่ยมของ คิโรน่า ต้องยกเครดิตให้กับ มิเชล เพราะนับตั้งแต่ที่เข้ามารับงานกุมบังเหียนเมื่อเดือนกรกฎาคม 2021 หลังโดนปลดจาก ฮูเอสก้า เขาค่อยๆ สร้างสโมสรจนกลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งอย่างที่เห็นในเวลานี้

ผลงานของ มิเชล ถือว่าได้มาตรฐานพอสมควรเมื่อเทียบกับทรัพยากรในทีม โดยอัตราการคว้าชัยชนะในช่วงระหว่างคุม คิโรน่า อยู่ที่ 45 เปอร์เซนต์ หลังจากที่กุมบังเหียนทีม 98 แมตช์ 

3. มิเกล อาร์เตต้า

สำหรับ มิเกล อาร์เตต้า ถือเป็นตัวเลือกอันดับแรกของ แมนฯ ซิตี้ ที่อยากได้มาทำงานแทน กวาร์ดิโอล่า เพราะเขาถือเป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิของ "เป๊ป" และแนวทางการสร้างทีมก็แทบจะเหมือนกับกุนซือรุ่นพี่แดนกระทิงดุ

อาร์เซน่อล ภายใต้การคุมทัพของ อาร์เตต้า ถือว่าทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ที่สามารถเบียดแย่งแชมป์ลีกกับ แมนฯ ซิตี้ ได้อย่างสนุกสูสี แม้ท้ายที่สุดจะเป็นเพียงแค่พระรองก็ตาม

"ดิ แอธเลติก" รายงานว่า อาร์เตต้า เป็นคนที่เหมาะสมที่จะมาสืบทอดตำแหน่งของ กวาร์ดิโอล่า มากๆ หลังจากที่เขาพิสูจน์ฝีมือให้เห็นแล้วในการสร้าง "ปืนใหญ่" ให้กลายเป็นทีมที่สามารถต่อกรกับสโมสรยักษ์ใหญ่ในลีกทั้ง แมนฯ ซิตี้, แมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี และ ลิเวอร์พูล 

ด้วยปรัชญาการเล่นที่แทบจะถอดแบบของ "เป๊ป" มาเลย แต่สิ่งหนึ่งที่เขาต้องพิสูจน์ตัวเองก็คือการนำ อาร์เซน่อล ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ได้ เพราะหากทำสำเร็จ อาร์เตต้า จะมีคุณสมบัติทุกประการที่ทำให้เหล่าสตาร์ในทัพ "สำเภาทอง" ยอมซูฮกว่าเขาคือทายาทที่เหมาะสมของ "เป๊ป"

4. โรแบร์โต้ เด แซร์บี้

ตอนนี้ชื่อของ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ หอมกรุ่นเหลือเกิน หลังจากที่เขาสร้าง ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ได้อย่างสุดยอด โดยสามารถคว้าตั๋วไปเล่นฟุตบอลถ้วยยุโรปครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์สโมสร

ผลงานของกุนซือชาวอิตาเลียนโดดเด่นเป็นสง่าเหลือเกินนับตั้งแต่เข้ามารับช่วงต่อจาก แกรม พ็อตเตอร์ แถมหลายคนยังลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าเขาปั้น ไบรท์ตัน ได้สุดยอดยิ่งกล่าว พ็อตเตอร์ ด้วยซ้ำ

ยิ่งไปกว่านั้น กวาร์ดิโอล่า ยังเคยยอมรับแบบลูกผู้ชายว่ามีบางครั้งที่ยืมแนวคิดของ เด แซร์บี้ มาใช้กับแมนฯ ซิตี้ เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ที่สำคัญเจ้าตัวยังยกย่อง เฮดโค้ชแดนมะกะโรนี ว่าเป็นคนที่สร้างทีมให้มีสไตล์การเล่นที่กุนซือหลายคนคาดไม่ถึง

ที่สำคัญผลงานของ เด แซร์บี้ ไม่ใช่เรื่องฟลุ้คแน่นอน เพราะในฤดูกาลนี้ "เดอะ ซีกัลส์" แสดงให้เห็นถึงฟอร์มที่สุดอันตราย โดยเฉพาะในแมตช์ถลุง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบสบายเกือก แต่กระนั้นสิ่งเดียวที่ทำให้เขาอาจเสียเครดิตไปบ้างนั่นก็คือการทำทีมที่ขาดความคงเส้นคงวา และหากแก้จุดนี้ได้ บอกเลยว่า ไบรท์ตัน โคตรอันตราย !!!

ทอมเม้ง