ปรับแทกติก...ช่วงทดเวลา

ซีซั่นนี้พรีเมียร์ลีกเดินตามฟีฟา ด้วยการทดเวลาในแบบตรงกับเวลาที่หายไป เพื่อชดเชยจำนวนนาทีในสนามที่ควรจะเป็น ไม่ใช่การทดเวลาแบบ "คร่าว" 3-5 นาทีเหมือนก่อน

อ้อ "ทดเวลา" มันคือ additional time  

หมายถึงทดรวมทุกอย่างหมดแล้ว ทั้งนอนเจ็บ, ดูวีเออาร์, การดีใจของนักเตะ และเวลาที่หายไปในเกม ไม่ใช่ "ทดเวลาเจ็บ" เหมือนอย่างที่ผู้บรรยายพูดๆกัน ว่า "เข้าสู่ช่วงทดเวลาเจ็บ"

ไม่มีอีกแล้วนะครับ ทดเวลาเจ็บ...

อีกอย่าง...การทดเวลานั้นต้องเติมคำว่า "อย่างน้อย" 7 นาที ไม่ใช่ 7 นาทีเป๊ะๆ ด้วยเพราะระหว่างเล่นในช่วงทดเวลานั้น อาจทดเพิ่มได้อีก หากมีอะไรมาทำให้เวลาของเกมการเล่นนั้นหายไป

ช่วงทดเวลาในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ตื่นเต้นที่สุด เครียดที่สุดยิ่งกว่าที่เคยเป็น เหมือนวลีอมตะของวงการบอลที่บอกว่า 5 นาทีแรกและ 5 นาทีสุดท้ายสำคัญ อย่าได้เลินเล่อและย่ามใจเป็นอันขาด สมาธิและสติต้องมีพร้อม

ถ้าพลาดห้านาทีแรกคือไปต่อให้คู่แข่ง และแผนที่เตรียมมาอาจต้องปรับ

ถ้าพลาดห้านาทีท้ายมีโอกาสโดนแบ่งคะแนนหรือว่าแพ้ในเกมได้เลย

ถึงยุคนี้การทดเวลานั้นนานกว่า 5 นาทีในหลายเกม ความสำคัญยิ่งมีมากขึ้นกว่าเดิม ในมุมมองเชิงแทกติกการเล่นช่วงนี้ จะมาอุด ตั้งรับลึก บางทีก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก หรือจะบุกแบบเป็นบ้าเป็นหลังก็ต้องระวังหลังบ้านในแบบ ไฮ ดีเฟ้นส์ หรือ "หลังลอย" ให้ดี พื้นที่มันเปิดกว้าง

เชื่อว่า....ผ.จ.ก. ทุกคนย่อมมีแนวทางในการปรับแทกติกช่วงทดเวลากันอยู่แล้ว ครับ รอดูการประเมินในอีกสามสี่เดือนข้างหน้า

เพียงแต่...ช่วงทดเวลาในห้าเกมแรกนั้นมีนัยสำคัญที่ตัดสินแพ้ชนะในเกมได้เลย

ถ้าย้อนยุคพรีเมียร์ลีกมีการยิงช่วงทดเวลาของเดิมสูงสุดนั้นอยู่ที่ 11 ลูก นั่นคือซีซั่น 2020-21 ตัวเลขนี่คิดเฉพาะการเล่น 5 แมตช์แรกเท่านั้นครับ

ซีซั่น 2005-06 ยิง 5 ลูกช่วงทดเวลา

ซีซั่น 2010-11  ยิง9 ลูกช่วงทดเวลา

ซีซั่น 2014-15 ยิง 3 ลูกช่วงทดเวลา

ซีซั่น 2018-19 ยิง 10 ลูกช่วงทดเวลา

จนซีซั่นนี้ล่าสุด 2023-24 พอมีการปรับกติกาใหม่เรื่องทดเวลายาวๆ ......

ตัวเลขทะลุไป 18 ลูกแล้ว....

แน่นอนครับ....18 ลูกที่มีการยิงช่วงทดเวลาใหม่ของพรีเมียร์ลีกเป็นตัวตัดสินคะแนนให้หลายทีมอย่างไม่ต้องสงสัย

ประตูแรกในการฉลองช่วงทดเวลาใหม่นั้นคือเกม ไบรท์ตัน ถล่ม ลูตัน 4-1

ประตูที่สี่นั้นเกิดขึ้นนาทีที่ 90+5 จากเอแวน เฟอร์กูสัน ถือว่าลูตัน หมดสมาธิและความอยากสู้ โดนไป 3-1 แล้ว ลูกที่สี่มันคือโบนัสของ ไบรท์ตัน 

คิดเฉพาะประตูตัดสินชัยชนะช่วงทดเวลายาวๆนี้ที่เห็นชัดเลยคือเกมล่าสุด

เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่ยิงขึ้นนำเจ้าบ้านสเปอร์สในนาทีที่ 86 ดูตามรูปการณ์แล้วอย่างแย่ๆคือเสมอ แต่โอกาสชนะนั้นมีอยู่มาก ทว่า...ผู้ตัดสินได้ทดเวลาออกไปถึง 12 นาที จากทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกใช้ไปกับวีเออาร์ การนอนปฐมพยาบาล และนั่นเองที่ทีมของ อันเก ปอสเตโคกลู ยิงประตูนาทีที่ 90+8 (7.33) และ 90+ 10 (9.53) 

สเปอร์สรอดพ้นความพ่ายแพ้แต่กลับพลิกสถานการณ์มาชนะจากสองตัวสำรอง ริชาร์ลิซอน และ คูลูเซฟสกี้ ในช่วงทดเวลาแบบใหม่.....

3 แต้มอย่างสุดตื่นเต้น 

เจอร์เก้น คล็อปป์ พูดเอาไว้เมื่อก่อนเปิดซีซั่นเรื่อง ทดเวลาใหม่ ว่า "ถ้าทีมผมนำ 1-0 ผมไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซนต์หรอกว่าจะชนะ ถ้ามีป้ายขึ้นกว่าทด12 นาที ทางตรงกันข้าม ผมต้องกำชับลูกทีมว่า ใกล้พักครึ่งแล้ว ระวังหน่อย"

คำถามเวลานี้คือ....ช่วงทดเวลาใหม่นั้นโค้ชจะต้องปรับแทกติกอย่างไร

ไม่ใช่แค่...ได้และเสียประตูนะครับ ต้องไม่ลืมว่า ใบเหลืองที่สอง หรือจะโดนแดงโดยตรงช่วงนี้มันย่อมมีโอกาสทำให้ทีมเสียนักเตะได้เลย

หนักไม่แพ้การเสียประตู

เช่นเดียวกันครับ.....ไม่มีใครอยากตั้งรับในช่วงนี้ตามลำพังแล้วปล่อยให้คู่แข่งโขยกใส่ หรือนั่นอาจเป็นการขุดบ่อล่อปลา สำหรับทีมที่พยายามเดินเกมรุกเพื่อยิงคืนให้ได้ เท่ากับหลังบ้านเปิด

เกมสวนกลับอาจเป็นหนึ่งในแทกติกช่วงทดเวลาใหม่ที่สำคัญ

ไม่มีอะไรตายตัวนะครับ....คุณอาจตั้งรับเหนียวแน่นเพื่อรอสวนกลับ แต่ถ้ามันไม่รัดกุมมากพอละ คุณอาจโดนยิงในช่วงทดเวลาและมันตัดสินเกมได้ อย่างเช่น "ดาบคู่" ที่โดนสเปอร์ส กดดันจนได้สองประตูในช่วงทด 12 นาที....

ถ้าจะมีอะไรให้พิสูจน์ในมุมมองของแทกติกที่จะได้ประโยชน์สูงสุดจากการทดเวลาที่ยาวนานกว่าปกติ

1 สปิริตของทีมต้องมา

2 หัวจิตหัวใจต้องพร้อม

เมื่อก่อนเรามักพูดกันอยู่เสมอว่า  "Fergie Time" ที่แมนฯยูฯ ยุคแชมป์พรีเมียร์ลีก 13 สมัย มักทำได้ดีในช่วงทดเวลา(เจ็บเดิม) เพราะพวกเขามีคุณสมบัติสองข้อนี้ ใครเล่นกับแมนฯยูฯ ยุคเฟอร์กี้ แล้วสู้ช่วงทดเวลา บอกเลยว่า "เสียววาบ" มีโอกาสโดนลงโทษได้ง่ายๆ 

แต่ถ้าลองมาใช้กับทีมชุด เอริก เทน ฮาก ในห้าเกมแรกที่เราเห็นกันอยู่นี้ น่าจะกลายเป็นฝั่งแมนฯยูไนเต็ด ที่โดนสอยประตูช่วงทดเวลาใหม่ ด้วยเพราะนักเตะชุดนี้นั้นขาดคุณสมบัติสองข้อในยุคเฟอร์กี้ ไทม์ ชัดเจน

JACKIE