จุดเริ่มต้นสู่การเปลี่ยนแปลง เจอร์เก้น คล็อปป์ 2.0

จุดเริ่มต้นสู่การเปลี่ยนแปลง เจอร์เก้น คล็อปป์ 2.0
ถามว่าความพ่ายแพ้ต่อ นาโปลี 1-4 เมื่อหนึ่งปีก่อนเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ตามมาหรือเปล่า ?!

มันก็อาจจะใช่...

แต่เกมนั้น ไม่ใช่เกมเดียวที่ ลิเวอร์พูล มีฟอร์มการเล่นแบบเลวร้ายในฤดูกาล 2022/23 

เกมแพ้ ไบรท์ตัน กับ วูล์ฟส์ รวมถึง เรอัล มาดริด บนเวทียุโรปคือตัวอย่างที่เห็นได้ชัด

การแก้ไขผลงานซีซั่นก่อน คือการทดลองการเล่นหลายรูปแบบ เหมือนที่ คล็อปป์ แย้มเกี่ยวกับการสร้างระบบเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2022

มีการลองใช้ระบบ 4-2-4 ไปบ้าง ซึ่งได้ผลลัพธ์หลายแบบ ก่อนจะลงล็อกเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ด้วยการให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ขยับมาเล่นเป็นกองกลางในระบบ 3-4-3

เปปิน ไลจ์นเดอร์ส พูดผ่าน พ็อดแคสท์ Training Ground Guru ไว้ตั้งแต่ 17 สิงหาคม

หนึ่งในหลาย ๆ เรื่องที่เขาว่า คือการเปลี่ยนแทกติกตอนปลายฤดูกาลที่แล้ว

มือขวา เจอร์เก้น คล็อปป์ บอกว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อปีก่อนคือช่วงเวลาที่ ลิเวอร์พูล เจอกับความสมดุลในทีมอีกครั้ง 

"เมื่อเราหุบ เทรนท์ ไปยืนข้างใน และโคดี้ ซึ่งเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมมาเล่นเป็นหมายเลข 9"

"เราต้องการนักเตะที่พิเศษ แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่พวกเราต้องการ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มาอยู่ตรงกลาง เพราะเราทราบดีว่าจากพื้นที่ตรงกลาง เขาสามารถผ่านบอลไปได้ทุกที่"

"แม้แต่เรื่องยิงไกลก็ด้วย เขาสามารถมองหาตัวรุกได้ ซึ่งกองหน้าชอบบอลที่มาจากเขา"

ความคิดนี้ ไลจ์นเดอร์ส เป็นคนที่เข้าไปบอก คล็อปป์ และบอกว่า หากไม่ได้ผลตัวเองยอมไม่รับค่าเหนื่อยตลอดทั้งปีเลย

"ผมจำการพูดคุยกันก่อนหน้านี้ได้เลย และผมบอกกับ เจอร์เก้น ไปว่า -ได้โปรด ผมยอมไม่รับค่าเหนื่อยตลอดทั้งปีหน้าเลยก็ได้ถ้ามันไม่ได้ผล แต่เราต้องลองดูสักหน่อย เพราะเด็กหนุ่มคนนี้จะได้ดีจากพื้นที่ตรงกลาง-"

โค้ชชาวดัตช์ เล่าต่อเป็นฉาก ๆ พร้อมย้ำว่า ลิเวอร์พูล กลับมาเล่นกับบอลได้ดีอีกครั้ง มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียว และเล่นกันได้อย่างสมดุล 

" เราไม่เจอปัญหาจากจังหวะสวนกลับเร็วเหมือนที่เคยโดน มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีและมากพอที่จะทำให้นักเตะรู้สึกเป็นอิสระอีกครั้ง รวมถึงรู้สึกเล่นได้แบบราบรื่น"

"เราหาสมดุลเจอและเจอกับความสำเร็จอีกครั้ง ทุกคนมีอารมณ์ประมาณว่า "ฟู่ การเล่นแบบ เคาท์เตอร์ เพรส มันได้ผล อิบู ไม่จำเป็นต้องวิ่งถึง 60 เมตรแล้ว- แน่นอนว่ามันยังเกิดจังหวะแบบนั้นอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่ในทุกครั้งที่เราเสียบอล"

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เลวร้ายที่สุดของความต่างระหว่างระบบ 4-3-3 กับระบบนี้คือ เมื่อเสียบอล และคู่แข่งสามารถโต้กลับเร็วได้ 

"ฤดูกาลก่อนเราขยับเขา (เทรนท์) เข้าไปเล่นด้านในแบบนักเตะหมายเลข 10 มากกว่าปกติอยู่แล้ว แต่เรารู้สึกว่าเราจำเป็นต้องทำบางอย่าง ผมชอบผลลัพธ์ที่ออกมาเมื่อหลายอย่างมันได้ผล และผมก็ไม่ต้องเสียค่าเหนื่อยด้วย นั่นคือสิ่งที่สำคัญมากกว่าซะอีก!

"ตอนเรายังมี บ็อบบี้ ฟีร์มีโน่ นั้น เขาเป็นคนที่เชื่อมต่อทุก ๆ อย่าง เขาเป็นฟอลส์ ไนน์ที่สร้างเราขึ้นมา เป็นเหมือนจิตวิญญาของทีม เป็นเหมือนแม่เหล็ก เป็นทุกอย่างที่ไม่ว่าคุณจะเรียกอะไรก็ตาม"

"เขาไม่ได้มีส่วนร่วมกับแดนหน้าเพราะเวลาขึ้นเกมบุกน่ะเขาต้องถอยไปเชื่อมกับแผงมิดฟิลด์ นั่นทำให้ ซาดิโอ กับ โม เล่นแบบ ซาดิโอ กับ โม ได้"

"เมื่อคุณเริ่มคิดถึงการเล่นแบบนั้นแล้วน่ะ คุณก็ต้องหาทางแก้แบบใหม่ให้ได้โดยที่ต้องรักษารูปแบบเดิมๆ เอาไว้ด้วย คุณอยากจะขึ้นเกมในแบบที่สร้างความกังขาให้คู่แข่งได้, อยากคุมแดนกลางได้ ครัฟฟ์ เคยพูดเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า -ถ้าคุณครองแดนกลางได้ มันก็ถือว่าคุณคุมเกมได้-"

โมเดลที่คล้ายกันกับที่ ลิเวอร์พูล ทำ คือการที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ปรับแต่ง จอห์น สโตนส์ จากกองหลังมายืนกองกลาง ซึ่งนั่นก็เกิดจากการแก้ปัญหาบางอย่างในตอนที่เจอความยากลำบาก

"กวาร์ดิโอล่า จับ สโตนส์ ไปเล่นตรงกลาง เพราะเขาไม่มีฟูลแบ็กที่สามารถหุบมากลางได้"

"สโตนส์ ปรับตัวได้ดีมาก ๆ เขาขึ้นสู่ระดับสูงได้อย่างรวดเร็ว เขามีพัฒนาการที่น่าทึ่งสุดๆ เขาพัฒนาขึ้นมาได้อย่างน่าทึ่ง"

แน่นอน แต่ละทีมมีความแตกต่างกันไป แต่ละคนก็มีบุคลิกต่างกัน 

"เทรนท์ ก็คือ เทรนท์ เขามีวิสัยทัศน์การผ่านบอลที่คนทั้งสนามคาดไม่ถึง ผมเชื่อในความเป็นอิสระแบบนี้, การเล่นแบบตามท้องถนนอย่างนี้, ทักษะส่วนตัวแบบนี้ ผมชอบให้มีเรื่องแบบนี้ในเกมฟุตบอล ไม่อย่างนั้นปฏิกิริยาตามธรรมชาติก็คงจะไม่เกิดขึ้นหรอก"

"คู่แข่งแต่ละสโมสรใน พรีเมียร์ลีก จะมีการวิเคราะห์ที่จริงจังกันมากๆ ดังนั้นแต่ละทีมเลยรู้ว่าไอเดียของคุณคืออะไร รวมถึงจะสร้างความแตกต่างได้ในแบบไหน คนเป็นโค้ชมีผลกระทบอย่างมากก็จริง แต่ตัวนักเตะคือคนที่จะสร้างความแตกต่างได้"

"ความต่างระหว่าง ทีมที่ดี กับ ทีมชั้นนำ ก็คือคุณภาพของแดนหน้าทั้ง 3 คน พวกเขาเป็นเหมือนนักเล่นเปียโนที่สร้างดนตรีขึ้นมา"

.

.

.

ตลอดช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา คล็อปป์ ให้คำนิยามถึงทีมโฉมใหม่ของเขาว่าเป็น "ลิเวอร์พูล เอฟซี ชุดโหลดเครื่องใหม่" และเขาพูดแบบนั้นตั้งแต่ก่อนหน้าที่จะได้ เอ็นโด กับ ไรอัน กราเฟนแบร์ก ด้วยซ้ำ

ตอนนี้ ลิเวอร์พูล ต้องเริ่มกลับไปเล็งทำผลงานให้สวยหรู หลังจากพวกเขาเคยทำได้ไม่ดีพอในตอนที่ได้รับคำเตือนจากฝีมือของ นาโปลี เมื่อ 12 เดือนก่อน

HOSSALONSO


ที่มาของภาพ : GETTY IMAGE
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport