แม้จะไม่ใช่ลีกที่มีนักเตะได้รับค่าแรงสูงปรี๊ดอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ , ลิโอเนล เมสซี่ หรือว่า เนย์มาร์ ร่วมฟาดเกือก แต่ยังไงซะ พรีเมียร์ลีก ก็ได้ชื่อว่าเป็นลีกที่จ่ายค่าจ้างให้กับพ่อค้าแข้งอย่างงาม
วัดจากค่าเฉลี่ย พรีเมียร์ลีก นับเป็นลีกที่ประเคนค่าเหนื่อยให้กับนักเตะสูงติดระดับท็อป และในวันนี้เราจะมาดูกันว่าหากวัดกันตามตำแหน่งของนักเตะในซีซั่น 2023/24 ใครคือ 11 พ่อค้าแข้งที่ได้ค่าแรงต่อปีสูงที่สุดในลีกเมืองผู้ดี
ผู้รักษาประตู : อลิสซง - 9.1 ล้านยูโร
นอกจากจะเป็นประตูมือดีที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ลีก แล้ว มือกาวทีมชาติ บราซิล ก็ได้ค่าแรงสูงที่สุดในลีกนี้เช่นกัน อีกทั้งปฏิเสธไม่ได้ว่าหากไม่มี อลิสซง เฝ้าตาข่ายเหมือนในทุกวันนี้ บางที ลิเวอร์พูล อาจไม่สามารถกลับมาผงาดอย่างที่เห็นกันอยู่ก็เป็นได้
แบ็คขวา : รีซ เจมส์ - 15.2 ล้านยูโร
แม้ เชลซี จะขายเด็กปั้นออกไปมากในหลายปีหลัง และได้เงินตอบแทนกลับมาเกือบ 200 ล้านปอนด์เพื่อหลีกเลี่ยงการทำผิดกฏการใช้จ่าย แต่ เจมส์ ได้รับความเชื่อมั่นจาก ท็อดด์ โบลีห์ เจ้าของสโมสรซึ่งต่อสัญญาให้เขายาวหกปีเมื่อเดือนก.ย.ปีที่แล้วกระทั่งล่าสุดเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมในซีซั่นนี้หลังการย้ายออกไปของ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า
เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ : จอห์น สโตนส์ - 15.2 ล้านยูโร
ถูก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แมนฯ ซิตี้ ปรับให้หันมาเล่นเป็นมิดฟิลด์บ่อยขึ้นในระยะหลังซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นเรื่องสมควรแล้วที่กองหลังทีมชาติ อังกฤษ จะได้รับค่าแรงสูงที่สุดคนหนึ่งในทีม เรือใบสีฟ้า จากความสามารถที่หลากหลาย
เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ : ราฟาแอล วาราน - 20.6 ล้านยูโร
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าดาวเตะเฟรนช์แมนของ แมนฯ ยูไนเต็ด คือกองหลังที่ได้ค่าแรงสูงที่สุดใน พรีเมียร์ลีก และรั้งอันดับสองของโลกรองจาก ดาบิด อลาบา สตาร์ทีม เรอัล มาดริด อดีตต้นสังกัดของเขาเอง
แบ็คซ้าย : ยอสโก้ กวาร์ดิโอล - 12.1 ล้านยูโร
เป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟขนานแท้ แต่หลังย้ายมาจาก แอร์เบ ไลป์ซิก กวาร์ดิโอล่า ก็จับเขาลงเล่นเป็นแบ็คซ้ายให้กับ แมนฯ ซิตี้ และแน่นอนว่าดาวเตะวัย 21 ปีเจ้าของค่าตัว 78 ล้านปอนด์ได้ค่าแรงจากสังเวียนแข้ง เอติฮัด สเตเดี้ยม สูงไม่แพ้ใคร
มิดฟิลด์ตัวรับ : กาเซมีโร่ - 21.3 ล้านยูโร
กลายเป็นคีย์แมนของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทันทีหลังย้ายมาจาก เรอัล มาดริด แม้ฟอร์มในระยะแรกของซีซั่นนี้จะตกลงไป แต่ แดนนี่ เมอร์ฟีย์ ยังเชื่อมั่นในตัวดาวเตะทีมชาติ บราซิล "ผมคิดว่าเขาจะเรียกฟอร์มจากซีซั่นก่อนกลับมาได้ ผมไม่กังวล แต่ผมคิดว่าเขาต้องการความช่วยเหลือโดยเฉพาะตอนนี้ เมสัน เมาท์ เจ็บไปแล้ว ผมคิดว่าคุณจะได้เห็น สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ เล่นเคียงข้างเขา"
มิดฟิลด์ : เควิน เดอ บรอยน์ - 24.3 ล้านยูโร
เดอ บรอยน์ รั้งตำแหน่งนักเตะที่ได้ค่าแรงสูงที่สุดใน พรีเมียร์ลีก และแม้ตอนนี้สตาร์ทีมชาติ เบลเยี่ยม จะบาดเจ็บ แต่เชื่อแน่ว่าเขาจะกลับมาเป็นกำลังสำคัญให้ แมนฯ ซิตี้ ได้เช่นเดิมทันทีที่ฟิตสมบูรณ์
มิดฟิลด์ : แบร์นาร์โด้ ซิลวา - 18.3 ล้านยูโร
หวังอำลา แมนฯ ซิตี้ แต่สุดท้ายถูกกล่อมให้ต่อสัญญาออกไปอีกหนึ่งปีโดยปีกทีมชาติ โปรตุเกส เผยว่า "ผมมีหกปีที่เหลือเชื่อกับ แมนฯ ซิตี้ และผมดีใจที่ต่อสัญญา การได้ทริปเปิ้ลแชมป์ซีซั่นก่อนเป็นเรื่องที่พิเศษ ความสำเร็จทำให้คุณกระหายมากขึ้น ผมรักผู้จัดการทีม เพื่อนร่วมทีม และแฟนบอล"
ปีกขวา : โมฮาเหม็ด ซาลาห์ - 21.3 ล้านยูโร
แม้จะตกเป็นเป้าหมายของ อัล อิตติฮัด ทีมลูกหนังของ ซาอุดิ อาระเบีย แต่สตาร์ทีมชาติ อียิปต์ ปฏิเสธที่จะอำลา ลิเวอร์พูล ซึ่งจ่ายค่าแรงให้กับเขาสมกับผลงานที่เขามอบให้กับสโมสร
ปีกซ้าย : เจดอน ซานโช่ - 21.3 ล้านยูโร
แม้จะโชว์ฟอร์มกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อย่างน่าผิดหวัง แต่ในแง่ของค่าแรง ซานโช่ สามารถติดโผนี้ได้อย่างสบายท่ามกลางการถูกวิจารณ์โดย แกรม ซูเนสส์ เปิดปากออกมาหลังเกมที่ ผีแดง ชนะ ฟอเรสต์ ว่า "ในตำแหน่งปีกที่มีทั้ง เจดอน ซานโช่ , อันโตนี่ และ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ผมไม่คิดว่าพวกเขาดีพอที่จะเป็นนักเตะของ ยูไนเต็ด ในระยะยาวเพื่อพาทีมก้าวไปเป็นยักษ์ใหญ่ พวกเขามีฝีเท้าเกรดปานกลาง"
กองหน้า : เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ - 22.8 ล้านยูโร
จากจำนวนประตูที่นำมามอบให้กับ แมนฯ ซิตี้ จึงสมควรแล้วที่ศูนย์หน้าทีมชาติ นอรเวย์ จะได้ค่าตอบแทนจากต้นสังกัดสูงลิบซึ่งถือเป็นเรื่องที่เกินคุ้มเนื่องจากแค่ปีแรกที่ย้ายมาจาก ดอร์ทมุนด์ เขาก็พา เรือใบสีฟ้า สร้างประวัติศาสตร์คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้อย่างระบือลือลั่น