ความพ่ายแพ้ต่อทีมชาติญี่ปุ่น แบบยับเยินคือฟางเส้นสุดท้ายของ ฮันซี่ ฟลิค
มันเลวร้ายพอ ๆ กับเมื่อ 22 ปีก่อนที่โดน อังกฤษ บุกเผาเครื่องที่ มิวนิค 5-1
แฟนบอลที่ โฟล์คสวาเก้น อารีน่า ต่างส่งเสียงโห่ใส่ทีมเจ้าบ้านหนักหน่วงในช่วงพักครึ่ง
ขณะที่ตอนจบเกม บางรายตะโกนว่า "ฮันซี่ ออกไปซะ"
ตอนแรก เดเอฟเบ ลังเลที่จะตัดไฟแต่ต้นลม เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครโดนไล่ออกมาก่อน
นับตั้งแต่ เดเอฟเบ ก่อตั้ง 1900 และมีทีมเชฟคนแรกคือ อ๊อตโต้ เนิร์ซ ตอนปี 1926
เวลาผ่านเกือบร้อยปีกับเทรนเนอร์ 10 คนก่อนหน้านี้ ไม่มีใครเลยที่โดนปลดพ้นจากตำแหน่ง
ชีวิต ฟลิค พลิกผันจากตอนเริ่มต้นกับทีมชาติด้วยการคว้าชัย 8 เกมรวด
แต่จากนั้น เยอรมนี ชนะแค่ 4 จาก 17 นัด แถมยังตกรอบแบ่งกลุ่มของศึก ฟุตบอลโลก 2022 อีก
หลังเกมพ่าย ญี่ปุ่น ฟลิค ยังคงมีความมั่นใจในตัวเอง ด้วยการบอกกับนักข่าวว่ายังเชื่อมั่นในสิ่งที่กำลังทำรวมถึงอยากคุมทีมต่อไป
ในการซ้อมของเช้าวันอาทิตย์ หรือวันต่อมาหลังจากแพ้ ญี่ปุ่น
ฟลิค บอกกับแฟนๆ ว่า -ผมจะยังสู้ต่อไป-
แต่เขายอมรับกับ ซิด สำนักข่าวลูกของ เอเอฟพี เหมือนกันว่า -ในวงการฟุตบอลนั้นหลายอย่างมันคาดเดาได้ยาก-
หลังจบเกมนั้น รูดี้ โฟลเลอร์ ผู้อำนวยการด้านเทคนิคบอกว่าเขากำลังช็อกกับผลการแข่งขันจนยังไม่สามารถตัดสินอนาคตของ ฟลิค ได้ทันที
"ผมขอแนะนำให้เรารวบรวมสติและกลับไปนอนก่อน" โฟลเลอร์ เผย
"เรายังช็อกนิด ๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้น ความพ่ายแพ้แบบนี้เป็นสิ่งที่น่าเจ็บปวดสุด ๆ "
จนกระทั่ง แบร์นด์ นอยน์ดอร์ฟ หัวเรือใหญ่แห่ง เดเอฟเบ ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลามไปถึง ยูโร 2024 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพ
"เมื่อพิจารณาถึงศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปที่จะเล่นกันในบ้านของเราเองนั้น"
"ตอนนี้ถือว่าเราต้องการแนวคิดแบบการมองโลกในแง่ดีและความมั่นใจในตัวเอง" เขาว่าไว้ในแถลงการณ์ พร้อมกับเสริมว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นหนึ่งใน -สิ่งที่ยากที่สุดในชีวิต-
นับตั้งแต่สิ้นสุด เวิลด์ คัพ ฉบับเอเชีย.. "อินทรีเหล็ก" แพ้คู่แข่งถึง 4 จาก 6 นัด
ผลงานชนะ 12 จาก 25 นัดนับตั้งแต่เข้ามาแทน โยอาคิม เลิฟ มันไม่ดีพอจริง ๆ
โฟลเลอร์ อดีต "เชฟเป็ด" จะเข้ามารับหน้าที่ชั่วคราวในเกมวันอังคารนี้รอต้อนรับ ฝรั่งเศส ที่ ดอร์ทมุนด์
ย้อนไปช่วงก่อนที่เขาเคยพา เยอรมนี เข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2002
โฟลเลอร์ ก็เคยเป็นกุนซือชั่วคราวมาก่อนแล้ว สมัยรับช่วงต่อจาก เอริค ริบเบ็ค ตอนปี 2000
ซึ่งเดิมทีเขาจะนั่งเก้าอี้นี้แค่ 1 ปี แต่สุดท้ายมีการขยายสัญญาออกไป
อย่างไรก็ตาม โอกาสน้อยมากที่เขาจะย้อนรอยตำแหน่งได้เหมือนตอนนั้น
โฟลเลอร์ ไม่น่าได้คุม เยอรมนี ไปจนถึงลุยศึกยูโร 2024
แล้วถามว่าใครจะเป็นบุนเดสเทรนเนอร์คนต่อไป?
ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ กำลังว่างงานอยู่ตอนนี้คือตัวเต็ง เช่นเดียวกับ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ อดีตเทรนเนอร์ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต
รายของ นาเกลส์มันน์ เขายังอยู่ภายใต้สัญญากับ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งหากทีมใดอยากดึงไปคุมทีมจำเป็นต้องจ่ายเงินราว ๆ 10-15 ล้านยูโรให้แก่ "เสือใต้"
แนวโน้มคาดว่า เดเอฟเบ คงไม่อยากจ่ายมากถึงขนาดนั้น และต้องหาทางประนีประนอมกับ บาเยิร์น อีกที
ขณะเดียวกัน แยน อาร์เก้ ฟอร์ทอฟต์ อดีตตัวทีมชาตินอร์เวย์ ที่ปัจจุบันรับหน้าที่เป็นกูรูลูกหนัง เผยว่า เดเอฟเบ วาง เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็นตัวเลือกในฝัน และหวังว่าจะดึงเข้ามารับตำแหน่งควบคู่กับการคุมทีมลิเวอร์พูล
"ความฝันของ เยอรมนี คือ คล็อปป์ อาจเป็นไปได้ที่จะบอกเขาว่าสามารถคุมได้ทั้ง ลิเวอร์พูล และ เยอรมนี แต่เดาว่าเขาคงปฏิเสธ"
สัญญาของ คล็อปป์ กับ ลิเวอร์พูล มีถึงปี 2026 ดูแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเอื้อมไปจับงานนั้น
แม้ว่านี่เป็นเหมือนการเตือนให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับ ลิเวอร์พูล เตรียมตัวให้พร้อมที่จะต้องเจอกับข่าวลือระหว่าง คล็อปป์ กับตำแหน่งกุนซือทีมชาติเยอรมนี อีกครั้ง
แต่เชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วมันจะเป็นข่าวที่ลือออกมา เพราะ ลิเวอร์พูล ก็เคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้มาแล้วอย่างนับไม่ถ้วน
คล็อปป์ เคยปฏิเสธการทาบทามจากทีมชาติมาหลายครั้ง และตอนเดือนมิถุนายน มาร์ค โคซิคเก้ ที่ปรึกษาส่วนตัวก็ยืนยันว่า "ไม่ใช่ประเด็นสำหรับพวกเรา"
"คำตอบง่ายมาก" คล็อปป์ เคยพูดแบบนั้นตอนปี 2021 หลังโดนถามเกี่ยวกับงานกุนซือทีมชาติเยอรมนี
"เมื่อคุณเซ็นสัญญาแล้วคุณก็ต้องยึดมั่นต่อสัญญาที่ว่า ผมเคยทำงานตามสัญญาทั้งที่ ไมน์ซ และ ดอร์ทมุนด์ มาก่อน"
จุดยืนนี้จะยังไม่เปลี่ยนไป คล็อปป์ จะไม่บอกลา แอนฟิลด์
ต่อให้ใครจะพยายามทำให้มันดูมีโอกาสเกิดขึ้นได้ก็ตาม
HOSSALONSO