ข่าวร้าย .. สักวัน โม ซาล่าห์ ก็ต้องเดินออกจากรั้วแอนฟิลด์ ไม่ว่าจนหมดสัญญา หรือเหตุผลด้านธุรกิจของสโมสร
ข่าวดี ตลาดนักเตะเดินทางมาถึง DEADLINE DAY, ไม่มีเหตุผลเพียงพอ ที่จะจากลากันในช่วงนี้
ใครคนนี้ส่ายหัวเล็กน้อย ตอนอ่านข่าวในเว็บสยามสปอร์ตนี่แหล่ะ ข่าวที่ว่า โม โดนจีบจากแขกซาอุดีอาระเบีย ซึ่งก็มีเหตุผลให้น่าหนักใจอยู่ เนื่องจากเงินเศรษฐีน้ำมันทำวงการปั่นป่วน และก็รู้กันดีว่า โม นั้นเป็นมุสลิม เวลายิงประตูก็มักจะแสดง sujud การสวดหรือขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเขาทำแบบนี้มาตั้งแต่เป็นหนุ่มน้อย
ส่ายหัวให้กับคอมเมนต์อย่าง “ขายไปเหอะ ซาล่าห์หมดแล้ว”
คือตอนนั้นก็ไม่มั่นใจเหมือนกันนะครับว่า สโมสรลิเวอร์พูลจะเลือกทิศทางไหนแน่ บางที ถ้าทางซาอุฯ ขยับเข้ามาจริงจังตั้งแต่ตลาดซัมเมอร์เปิด อาจมีอะไรให้น่าหนักใจมากกว่านี้
หากถ้าใครเป็นเด็กหงส์ เป็นแฟนลิเวอร์พูลเข้มข้น ถ้าคิดขับไล่ไสส่ง โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ ต่อให้นาทีนี้จะ 31 ปีเศษแล้ว มันดูจะแปลกแปลกนะครับ ไม่เห็นคุณค่าที่เขาให้กับทีมสม่ำเสมอเลยหรือ ?
ไม่ว่าฟอร์มของทีมจะเจ๋ง หรือจะแผ่ว โม ที่ทำงานหนัก, โม ที่ผลิตประตูมากมายในแต่ละซีซั่น ผู้เล่นแบบนี้หาได้ยากมากในโลกลูกหนังปัจจุบัน
สิ่งที่ผมคิดมาตลอดในช่วงซัมเมอร์ก็คือ ลิเวอร์พูลจะช่วย เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้มากขนาดไหน จะเสริมแดนกลางอย่างที่กุนซือเยอรมัน ต้องการหรือเปล่า
ส่วนในแดนหน้า หลุยซ์ ดิอ๊าซ, ดาร์วิน นูนเญซ, โคดี กัคโป รวมทั้ง ดีโอโก้ โชต้า (นอกเหนือจากโม ที่เหนือกว่าใคร) ต่างมีของทั้งนั้น
เมื่อคุณมีกองกลางที่ลงตัวเมื่อไหร่ เดี๋ยวคุณก็เห็นประสิทธิภาพสูงสุดในแดนหน้าได้เอง
ผมว่าหลัง ลิเวอร์พูล ตกลงค่าตัว 34.2 ล้านปอนด์ (ข้อมูลจากช่องทีวี สกาย สปอร์ต นิวส์ ของอังกฤษ) กับทางบาเยิร์น มิวนิค แลกกับการใช้บริการมิดฟิลด์ดัตช์ ไรอัน กราเฟนแบร์ก ซึ่งสูงใหญ่ถึง 1.90 เมตร น่าจะเรียกรอยยิ้มให้กับ มร. คล็อปป์ ได้มากพอดูเลยหล่ะ
ลืมระดับนักเตะที่เคยฝันอย่าง จู๊ด เบลลิ่งแฮม ไปครับ
ผมก็เคยฝันเหมือนกัน แต่ก็เข้าใจโลกแห่งความเป็นจริงว่า ทุกวันนี้ ลิเวอร์พูลไม่ได้อยู่ในลีก ที่จะทุ่มเงินแย่งชิงของดี เนื้อหอมที่สุดในตลาดได้
และไม่รู้สึกเคือง จู๊ด เลยสักนิด ถ้าจะเลือกเรอัล มาดริด หรืออย่างตัวที่ค่าตัวเว่อๆ มอยเซส ไซเซโด้ ที่เลือก เชลซี
อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ตัวจริงชุดแชมป์โลกของอาร์เจนติน่า นำความนิ่ง การให้บอลที่เฉียบคมมาสู่ทีม, สุดหล่อ โดมินิค โซโบสไล (สูง 1.86 เซนติเมตร) เข้าไปอยู่ในใจแฟนเด็กหงส์ตั้งแต่แรก จากลีลาการสร้างสรรค์ของเค้า
เราอาจจะยังไม่แน่ใจมากนักกับ กัปตันทีมชาติญี่ปุ่น วาตารุ เอ็นโด แต่ผมก็มองในแง่บวกไว้ก่อนว่า ระดับกัปตันสโมสรสตุ๊ตการ์ทในบุนเดสลีกา คุณเป็นต่างชาติแล้วมีคนยอมรับมากขนาดนั้น ต้องไม่ธรรมดา
ยอมรับเลยว่า การมาของ กราเฟนแบร์ก ผู้เล่นใหม่รายที่สี่ในซัมเมอร์นี้ของลิเวอร์พูล และก็ล้วนเป็นผู้เล่นแดนกลาง ซึ่งที่ทีมขาดมาหลายซีซั่น (ต้องยอมรับความจริง เพราะตัวที่ปล่อยออกไปหลายคนนั้น หมดสภาพ เจ็บบ่อย เล่นไม่ได้อย่างที่ทีมคาดหวังกัน) ทำให้ใครคนนี้รู้สึกคึกคักมากทีเดียว ก่อนที่เราจะรับมือแอสตัน วิลล่า โดยที่คล็อปป์ แถลงข่าวยืนยันว่า ติอาโก้ เจ็บอีก หลังเบรกทีมชาติค่อยกลับมา รวมทั้งเซ็นเตอร์แบ๊คตัวเก่งแต่เปราะบาง อิบราฮิม่า โกนาเต้
แม็ค อัลลิสเตอร์ กับ โซโบสไล สบายใจได้ว่า เป็นตัวหลักลิเวอร์พูลได้แล้ว
ตอนนี้ก็ลุ้นแต่ว่า เอ็นโด จะเข้าไปครองใจแฟนอย่างไร ซึ่งโพซิซั่นอย่างเขานี่ ก็อยากให้เพื่อนๆ เผื่อใจไว้นิด ไม่ต้องทำอะไรหวือหวา ขอให้เล่นง่าย ตัดเกมคู่แข่งได้เยอะหน่อย
ในการเติมตัวช่วงหลัง มีจุดหนึ่งที่ผมสังเกต ก็คือ เรื่องความสูง นำมาเลยก็พวกนักเตะดัตช์ โคดี้ กัคโป 1.93 เมตร และ กราเฟนแบร์ก 1.90
ส่วน ดาร์วิน นูนเญซ นั้น 1.87 เมตร และโซโบซไล ก็ใกล้เคียงกัน
มันทำให้ผมย้อนไปนึกถึงคำพูดของ คล็อปป์ ตอนซีซั่นแรกของเค้า ที่บอกว่า เขาต้องการเพิ่มความสูงให้กับทีม และทิศทางที่เห็นในตลาดนี้ หรือก่อนหน้า ก็ชัดเจนว่า เรื่องรูปร่าง-ความสูง ก็มีส่วนในการชี้นำอีกเช่นกันฮะ ..
ลิตเติ้ลโจ