คล็อปป์รู้..ทุกคนรู้

คล็อปป์รู้..ทุกคนรู้
หลังจากพักจิตพักใจตัวเองนาน 26 วัน ลิเวอร์พูล ยังคงไม่สามารถสละเรื่องร้าย ๆ ของตัวเองได้เลย

เรื่องร้ายแรกคือพวกเขาห่างไกลจากฟอร์มการเล่นดีที่ และเรื่องร้ายที่สองคือเกมลีกอีกสองเกมต่อไป ต้องเจอกับสองทีมร้อนแรงที่สุดในเวลานี้อย่าง อาร์เซน่อล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ช่วงพักเบรกทีมชาติถือเป็นการเปิดโอกาสให้ได้ผ่อนคลาย พักผ่อน รีเซ็ตความคิดใหม่ และฟื้นฟูหัวจิตหัวใจ ทว่าพลันสิ้นเสียงนกหวีดที่ แอนฟิลด์ เมื่อคืนวันเสาร์ ดูเหมือนว่าความรู้สึกจมดิ่งยังไม่จางหายไป

ลิเวอร์พูล ได้แต่ก้มดูเงาของตัวเองในอดีตที่เคยพร้อมสรรพทั้งกลยุทธ์ และจิตใจ แล้วในระหว่างการให้สัมภาษณ์หลังจบการแข่งขันกับ ไบรท์ตัน เจอร์เก้น คล็อปป์ ใช้เวลาพูดถึงสองสิ่งดังกล่าว อธิบายว่าทำไมช่วงต้นเกม "เดอะ ซีกัลส์" ถึงสามารถทะลวงแนวรับ ลิเวอร์พูล ได้อย่างง่ายดาย

พร้อมกับพูดถึงการที่ทีมของเขาเล่นแบบขาดความมั่นใจ

- ปัญหาด้านแทคติค


ปัญหาจากสภาพทีมถูกพูดถึงมาตลอดนับตั้งแต่เปิดฤดูกาล ไล่ตั้งแต่แนวรับ, โครงสร้างตรงแผงกองกลาง ลามไปจนถึงการไล่กดดัน

ซึ่งคำถามถูกถาโถมเข้าใส่ทุก ๆ เกม

ตอน คล็อปป์ เข้ามาคุมเมื่อปี 2015 เขาได้พยายาม และทดลองใช้ระบบ 4-3-3 จนได้มาซึ่งความสำเร็จ 

อย่างไรก็ตาม "หงส์แดง" เวอร์ชั่นปัจจุบันดูไม่ปะติดปะต่อกันเหมือนที่เคยเป็น

หากเกมกับ นาโปลี เป็นจุดต่ำสุดของซีซั่นนี้แล้ว เกมกับ ไบรท์ตัน ช่วง 20 นาทีแรกก็คงไม่ต่างกัน

คล็อปป์ ยอมรับว่า ลิเวอร์พูล แปลกใจกับการจัดทีมของ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ 

เป็นเรื่องธรรมดาที่จะคาดเดาแผนคู่แข่งที่เพิ่งเปลี่ยนผู้จัดการทีมได้ยาก แต่สิ่งที่ทีมเจ้าบ้านแสดงออกมาดูไม่มีความพร้อมเท่าที่ควรจะเป็น

20 นาทีแห่งหายนะ นักเตะ "หงส์แดง" รับมือเกมบุก ไบรท์ตัน ไม่ได้เลยสักนิด แล้วหากมองจากโอกาสเข้าทำนั้น อะคันตุกะน่าจะพาตัวเองนำห่าง 4 ประตู

นอกเหนือสองประตูจาก เลอันโดร ทรอสซาร์ แล้ว ลูกโขกของ แดนนี่ เวลเบ็ค กับลูกยิงดาวเตะเบลเจี้ยน ก็ควรค่าเป็นสกอร์ แต่ อลีสซง เบ็คเกอร์ ปราการด่านสุดท้ายปฏิเสธไม่ให้ระยะห่างมันไปไกลกว่านี้

หลังเสียประตูที่สอง เกิดภาพที่เราไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อย ๆ คือการที่ คล็อปป์ เรียก เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ มาคุยบริเวณข้างสนามเพื่อแนะนำในสิ่งที่ดูไม่เข้าที

ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการพูดกันว่าปัญาหาอาการบาดเจ็บในแผงมิดฟิลด์ เป็นสาเหตุที่ทำให้รูปแบบการเล่นหรือระบบดูไม่ดีเท่าที่ควร

แต่เกมนี้ทั้ง ฟาบินโญ่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ต่างลงพร้อมหน้า ซึ่งว่ากันตามตรงนี่คือ 3 ประสานกองกลางที่ดีที่สุดของ คล็อปป์ และเป็นชุดที่เขาเชื่อใจมากที่สุด

อย่างไรก็ดี ทั้งสามคนไม่ใช่ปัญหาที่จะถูกชี้หน้าว่าทำให้ทีมเสียประตู

หลายต่อหลายครั้ง ปาสกาล กรอสส์ กับ ทรอสซาร์ เข้าไปอยู่ตรงฮาล์ฟสเปซระหว่างกองหลังกับกองกลาง อีกทั้งยังมีอิสระที่จะเล่นกับบอล และโจมตีเข้าใส่ ซึ่งตรงจุดนี้ คล็อปป์ ยอมรับว่ามันแย่มาก ๆ

ไม่ใช่แค่เรื่องปล่อยให้คู่แข่งมีพื้นที่เท่านั้น ความผิดพลาดของการตั้งรับทำให้ทีมเสียสองประตู หนำซ้ำโอกาสเข้าทำของ ลิเวอร์พูล ก็มีเพียงน้อยนิด

ลองนึกภาพในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้าว่า หากพื้นที่ฮาล์ฟสเปซตรงนั้นเปลี่ยนจาก กรอสส์ กับ ทรอสซาร์ เป็น เควิน เดอ บรอยน์ กับ แบร์นาร์โด้ ซิลวา อะไรจะเกิดขึ้น?

แล้วเปลี่ยนจาก แดนนี่ เวลเบ็ค เป็น เออร์ลิง ฮาลันด์ หรือ กาเบรียล เชซุส (นัดเจอ อาร์เซน่อล) คงน่าปวดหัวมากไปกันใหญ่

ความผิดพลาดส่วนบุคคลยังคงเกิดขึ้นต่อไป และเป็นค่ำคืนที่อยากจะลืมของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ก่อนที่เขาจะต้องรับมือกับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ในวันอาทิตย์หน้า

- ด้านจิตใจ

"Mentality Monsters" คือคำที่ คล็อปป์ ขนานนามให้แก่ลูกทีม มันมาจากการที่พวกเขาฮึดสู้จนพลิกผลการแข่งขันเกมแล้วเกมเล่าไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายแค่ไหน

แต่ ณ ปัจจุบัน อย่างที่เราเห็นอยู่ตอนนี้ ทุกอย่างดูไม่แน่นอน ความเชื่อที่เคยมีขาดหายไป และทุกคนรู้สึกดดันมากกว่าปกติ

อารมณ์ร่วมคือลักษณะเด่นของ คล็อปป์ ประตูช่วงท้ายจาก โฌแอล มาติป ในเกมกับ อาแจ็กซ์ ถูกคาดว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเพื่อพาให้ทีมกลับมา

อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่โปรแกรมแข่งถูกเลื่อนออกไป กอปรช่วงหยุดพัก ฟีฟ่า เดย์ นั่นหมายถึงกระทบต่อโมเมนตัม และความเชื่อมั่นที่ค่อย ๆ ลดลงไป

หลังเกมที่ผ่านมา คล็อปป์ รำพันให้ลูกทีมตอบสนองต่อผลงานอันเลวร้ายให้ได้ 

สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่เพราะแทคติคที่ผิดพลาด แต่เป็นเรื่องของการพยายามสร้างแรงกระตุ้น

คล็อปป์ เน้นเรื่องการขาดความมั่นใจ 2 ครั้งแล้วยอมรับว่าขนาดตอนที่ทีมพลิกนำ 3-2 เขาก็ยังไม่มั่นใจเลยว่าทีมของเขาจะรักษาสกอร์ที่นำอยู่ไว้ได้

"ผมไม่สามารถพูดได้ว่าผมมั่นใจแบบ 100 เปอร์เซ็นต์เต็มว่าเราจะไม่เสียประตูในตอนที่เราขึ้นนำ 3-2" นายใหญ่วัย 55 ปีกล่าว

ในช่วงท็อปฟอร์มของ ลิเวอร์พูล ยุค คล็อปป์ พวกเขาเป็นทีมที่ทำได้ยอดเยี่ยมในเรื่องการรักษาสกอร์ตอนที่นำอยู่ โดยเฉพาะปีที่ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก 

แต่กลับกัน เกมกับ ไบรท์ตัน ให้ความรู้สึกเหมือนว่ารอเวลาที่จะเสียลูกสามเมื่อไหร่

ความไม่มั่นใจที่ปรากฏออกมาในแง่ลบหลายอย่างทั้ง ความน่าผิดหวัง, ความประหม่า และสถานการณ์ ถึงตอนนี้ ไม่ใช่แค่ คล็อปป์ ที่สัมผัสได้ "เดอะ ค็อป" เองก็มองเห็นถึงเรื่องดังกล่าวเช่นกัน

คล็อปป์ เปรียบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเหมือนย้อนไปหลายปีก่อนที่พวกเขามักเจอเรื่องแบบนี้จนทำให้ทุกคนหายใจไม่ทั่วท้อง

จริงอยู่ว่าทีมชุดนี้มีหัวจิตหัวใจเต็มเปี่ยม อย่างที่พวกเขาแสดงให้เห็นถึงการตามหลัง 2 ลูกแล้วพลิกกลับมานำได้ 

แต่นั่นคือเรื่องดี ๆ ไม่กี่นาทีที่เกิดขึ้นจากเกมนี้ 

ความศรัทธายังคงอยู่ ใจนักสู้ยังไม่สลาย และ คล็อปป์ ย้ำว่าทีมของเขาจะยังทำงานหนักต่อไป

เกม แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ เรนเจอร์ส คือโอกาสสำหรับการแก้ไขความผิดพลาดต่าง ๆ 

ทีมชุดนี้มีศักยภาพมากพอที่จะทำเรื่องดีกว่านี้ได้อีกเยอะ 

แต่ว่า...

ไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่าปัญหาของตัวเองจะถูกแก้ไขได้ในเร็ววัน...

HOSSALONSO


ที่มาของภาพ : GETTY IMAGE
BY : Hossalonso
ธีรศานต์ คงทอง
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport