นานแค่ไหนแล้วไม่รู้ที่ไม่เห็น ลิเวอร์พูล ลงเล่นด้วยสิ่งเหล่านี้พร้อม ๆ กัน
ความมั่นใจ, ความใจสู้, ความขยัน, ความอดทน และความพยายาม
ความต่าง ๆ มันมัดรวมเกิดขึ้นในเกมเกมเดียวที่รังเหย้า นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
ไม่ง่ายหรอกที่ต้องรับมือกับบรรยากาศเหล่าทูน อาร์มี่ ราวครึ่งแสนส่งกระแสเสียงกดดัน
ไม่ง่ายเลยเมื่อต้องแข่งกับหนึ่งในทีมที่ดีที่สุด 4 อันดับแรก พรีเมียร์ลีก ปีก่อน
และไม่ง่ายเลยเมื่อเจอสถานการณ์ตกเป็นรองทั้งสกอร์กับตัวผู้เล่น
"เรื่องจริงเลยนะ ในฐานะโค้ชจากที่ผมผ่านเกมมามากกว่า 1,000 นัด ผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย"
ไม่ใช่แค่เราที่รู้สึก เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็คิดแบบนั้นเช่นกัน
"จริงอยู่ว่ายังมีเกมอื่น ๆ อีก แต่การเล่น 10 คนในบรรยากาศแบบนี้เจอกับคู่แบบนี้..." เขาว่าต่อ
"ไม่ใช่ว่าผมจำไม่ได้นะ ผมค่อนข้างมั่นใจเลยล่ะว่าไม่เคยเกิดขึ้น เพราะโมเมนต์เหล่านี้มันเกิดขึ้นได้ยากและต้องพิเศษสุด ๆ "
.
.
.
สองสิ่งสำคัญจากครึ่งแรกที่ส่งผลต่อแนวทางการเล่น 45 นาทีหลังคือ
หนึ่ง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ไม่โดนไล่ออก และสอง อลีซง เบ็คเกอร์ ป้องกันลูกยิง มิเกล อัลมิร่อน
"ตอนพักครึ่งผมพูดว่า -นี่อาจเป็นเกมที่เราจะเอาไปเล่าให้หลานของเราฟังได้เลย- ผมเองจะได้เจอหน้าหลานของผมในอีก 10 วันหลังจากนี้ และผมก็จะพูดถึงเกมนี้ให้พวกเขาฟังแน่ ๆ"
"ตอนนั้น(ช่วงพักครึ่ง) มันมีอยู่ 2 เรื่องที่ชัดเจน นั่นคือเราไม่สามารถเสียลูกที่สองได้ รวมถึง เทรนท์ ก็ต้องห้ามได้รับใบเหลืองอีกใบด้วยถ้ามันเป็นอย่างนั้นแล้วน่ะเราก็มีโอกาส"
"มันเป็นเกมที่ยากลำบากยิ่งกว่าเกมกับ บาร์เซโลน่า เสียอีก" กุนซือเลือดด๊อยช์ท กล่าว
.
.
.
ความจริง ลิเวอร์พูล เริ่มกระเตื้องขึ้นตั้งแต่ช่วงท้ายครึ่งแรกแล้วล่ะ
พวกเขาเล่นเหมือนราวกับซ้อมการเล่น 10 คนกันมา
การต่อบอล การรับบอล การยืนตำแหน่ง ดูไม่เสียเปรียบมากกว่าที่คิด
มีบ้างที่สบโอกาสหาช่องเจาะแนวรับเจ้าถิ่นอย่างที่ เทรนท์ ตักบอลไปพื้นที่ว่างให้ โคดี้ กัคโป เกือบได้ยิงลุ้น แต่สุดท้ายไม่มีอะไร
อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่มีผู้เล่นน้อยกว่านี่แหละที่ทำให้ครึ่งหลัง ให้ความรู้สึกว่า ลิเวอร์พูล หัวไม่พ้นน้ำ
ถูกบีบตั้งแต่แดนบน ตั้งหลักเซตเกมจากแดนหลังไม่ได้ หากเป็นมวยก็คงถอยหลังพิงเชือก
แต่นั่นทำให้เห็นสิ่งที่ ลิเวอร์พูล งัดออกมาใช้คือความอดทน รอสบโอกาส
พวกเขาต้องอดทนแค่ไหนที่ต้องมาเล่นในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ต้องอึดอัดแค่ไหนกับการไม่ได้อยู่พื้นที่ที่ตัวเองถนัด
เทรนท์ ต้องทำใจให้นิ่งแค่ไหนเมื่อต้องพะวงไม่ให้โดนใบเหลือง และดึงสติกลับคืนมา
โฌแอล มาติป กับ โจ โกเมซ ต้องกดดันแค่ไหนเมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็มีชายชุดดำ-ขาวตามไล่ล่า
โดมินิค โซโบซไล ต้องระงับอารมณ์แค่ไหนเมื่อเจอเข้าหนักแทบทุกครั้งที่จับบอล
ดาร์วิน นูนเญซ ต้องผละจากความเสียดายแค่ไหนเมื่อสัมผัสก่อนหน้า ที่รับบอลต่อจาก ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ แล้วแต่งต่อให้ได้เปรียบไม่ได้
"เราเริ่มต้นได้ไม่ค่อยดีนัก เราเสียประตู โดนใบแดง และจากนั้นเราก็ค่อย ๆ เล่นดีขึ้น เราเล่นเหนียวแน่นมากขึ้น และนิวคาสเซิ่ล ต้องพบกับความยากลำบากในการสร้างโอกาส"
"ดังนั้นในช่วงพักครึ่ง ผมรู้สึกได้ว่าอาจจะมีบางสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้"
"เราทำให้เกมนิ่งลงแล้วก็ส่ง ดาร์วิน (นูนเญซ) ลงสนาม เขาโชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงทันที และพยายามใช้พลังทั้งหมดที่มียิง 2 ประตูที่สุดยอดมาก ๆ"
การคัมแบ็กอันน่าเหลือเชื่อสื่อให้เห็นถึงจิตวิญญาณของนักเตะ ลิเวอร์พูล อีกครั้ง
ปฏิกิริยาหลังประตูตีเสมอจาก คล็อปป์ ที่ทำทีชี้นิ้วมาที่ขมับสองข้าง
ไม่รู้หรอกนะครับว่าจริง ๆ แล้วเขาสื่อว่าอย่างไร แต่จากภายนอกมันก็ให้ความรู้สึกว่า ลูกยิงของ ดาร์วิน ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
กว่าร้อยนาทีของการต่อสู้บนผืนหญ้าที่ เซนต์ เจมส์ พาร์ค น่าจะเข้าไปแทรกอยู่ในกล่องความทรงจำน่าประทับใจของหมู่เหล่า เดอะ ค็อป ไม่มากก็น้อย
อาจไม่ใช่ดีที่สุด แต่ก็เป็นหนึ่งในนั้นแน่ ๆ
HOSSALONSO