บอลแพ้ทางเตะให้ตายก็ไม่ชนะ!5ประเด็น ลิเวอร์พูล 10ตัวบุกอัด นิวคาสเซิ่ล

บอลแพ้ทางเตะให้ตายก็ไม่ชนะ!5ประเด็น ลิเวอร์พูล 10ตัวบุกอัด นิวคาสเซิ่ล
ลิเวอร์พูล ยังแสดงให้เห็นว่า นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เป็นทีมจอมแจกแต้มสำหรับพวกเขาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแม้เกมพรีเมียร์ลีก ที่สนาม เซนต์ เจมส์ พาร์ค เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ส.ค. หงส์แดง จะเหลือกำลังพลแค่สิบชีวิตตั้งแต่นาทีที่ 28 เนื่องจาก เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ โดนไล่ออกหลังจากพวกเขาตกเป็นรองก่อน 1-0 ด้วยซ้ำ แต่ ดาร์วิน นูนเญซ สุดยอดตัวสำรองสวมบทซูเปอร์ซับลงมากดสองเม็ดในช่วงท้ายเกมพาทีมแซงชนะ 2-1 ได้อย่างยิ่งใหญ่

จากผลงานที่ยอดเยี่ยมดังกล่าว ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล สร้างสถิติบุกมาคว่ำ นิวคาสเซิ่ล ในเกมลีกได้เป็นนัดที่สามติดต่อกันเป็นหนแรกของพวกเขาอีกด้วย

1. สาลิกาส่งชุดเดิมออกศึก

เอ็ดดี้ ฮาว ผู้จัดการทีม นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ยังใช้งานทีมตัวจริงชุดเดิมทุกตำแหน่งจากเกมบุกไปแพ้ แมนฯ ซิตี้ 1-0 ต้อนรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล ทีมที่เขามีสถิติที่เลวร้ายในการเผชิญหน้ากัน

โดยเฉพาะในแผงรุก อเล็กซานเดอร์ อิซัก กับ แอนโธนีย์ กอร์ดอน ยังได้รับความไว้วางใจให้ลงบู๊ก่อนหน้า คัลลั่ม วิลสัน กับ ฮาร์วีย์ บาร์นส์ ที่ยังนั่งอยู่ในซุ้มข้างสนาม

ด้าน ลูอิส ฮอลล์ กองหลังวัย 18 ปีที่เพิ่งย้ายมาจาก เชลซี แบบยืมตัวยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเกมนี้ แต่ โชลินตอน กองกลางแซมบ้าที่เจ็บจนโดนเปลี่ยนออกในเกมบู๊กับ เรือใบสีฟ้า ยังลงเล่นเป็นตัวจริงได้

2.หงส์ ใช้งาน เอ็นโด ตัวจริง

เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ปรับโผสองจุดจากเกมคว่ำ บอร์นมัธ 3-1 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อิบราฮิมา โกนาเต้ กองหลังทีมชาติ ฝรั่งเศส บาดเจ็บลงเล่นไม่ได้

ด้วยเหตุนี้ นายใหญ่ชาวเมืองเบียร์จึงส่ง โฌแอล มาติ๊ป ลงบู๊แทน ขณะที่อีกตำแหน่ง วาตารุ เอ็นโด กองกลางทีมชาติ ญี่ปุ่น ได้ออกสตาร์ตตามคาดแทนที่ ดีโอโก้ โชต้า ที่หลุดไปเป็นตัวสำรอง

3. เทรนด์ พลาดก่อน ฟาน ไดค์ ตามรอย 

ผ่านมาจนถึงวันนี้การเล่นเกมรับยังคงเป็นจุดอ่อนของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ แบ็คขวาจอมบุกไม่เปลี่ยนเนื่องจากเขาก่อความผิดพลาดในการรับบอลส่งคืนหลังจาก โม ซาลาห์ หลุดเท้า และเปิดโอกาสให้ปีกซ้ายฝีเท้าจัดอย่าง กอร์ดอน ได้กระชากหลุดเดี่ยวเข้าส่องให้ นิวคาสเซิ่ล นำก่อนในนาทีที่ 25

เท่านั้นไม่พอ อีกสามนาทีต่อมา หงส์แดง เผชิญกับหายนะครั้งใหญ่ตามมาติดๆเมื่อ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ปรี่เข้าสกัด อิซัก ล้มหน้าเขตโทษโดยที่ตัวเองเป็นนักเตะคนสุดท้ายของ ลิเวอร์พูล จึงเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องโดนไล่ออกสถานเดียว และจังหวะนี้ไม่น่าจะอุทธรณ์โทษแบนสำเร็จเหมือนในรายของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ จากเกมชนะ บอร์นมัธ

ยิ่งไปกว่านั้น คล็อปป์ เลือกเปลี่ยน หลุยส์ ดิอาซ ออกให้ โจ โกเมซ ลงไปแทน ฟาน ไดค์ ด้วยซึ่งถือเป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับทีมเยือนไม่น้อยเนื่องจากก่อนที่ทีมจะเสียหายสองเด้งปีกขวาทีมชาติ โคลอมเบีย กระชากลากเลื้อยกดดัน คีแรน ทริปเปียร์ ได้อย่างอันตรายไม่เบา

สำหรับใบแดงของเซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติ ฮอลแลนด์ ทำให้ เร้ด แมชีน มีนักเตะโดนไล่ออกในเกม พรีเมียร์ลีก สองนัดติดกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค.-เม.ย.2015 ในเกมบู๊กับ  แมนฯ ยูไนเต็ด และ อาร์เซน่อล ซึ่งกินเวลานาน 139 นัด

จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ยังต้านทานเกมรุกของเจ้าบ้านได้ดีโดยเป็นรองแค่เม็ดเดียว และได้ อลิสซง ช่วยเซฟลูกยากเอาไว้โดยทีมเยือนมีสถิติเป็นรอง เดอะ แม็กพายส์ ตามระเบียบ แต่ไม่ถึงกับเลวร้ายซะเลยทีเดียวจากการครองบอลซึ่ง นิวคาสเซิ่ล เหนือกว่า 54:46%  และการส่องยิงที่ทีมอีสานทำได้ทั้งหมด 8 ครั้งและเข้ากรอบ 4 ครั้ง ขณะที่ ลิเวอร์พูล ได้ง้าง 4 ครั้ง และเข้ากรอบ 2 ครั้ง

4. นูนเญซ ลงโทษเจ้าบ้านใช้โอกาสเปลือง

แล้วในที่สุด ลิเวอร์พูล ก็ทำแสบให้กับ นิวคาสเซิ่ล อีกจนได้แม้พวกเขาจะเหลือนักเตะแค่สิบคน แต่เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่ สาลิกาดง ไร้ความเด็ดขาด ประกอบกับใช้โอกาสเปลืองไม่สามารถสอยตาข่ายเม็ดสองที่อาจปิดเกมได้จากหลายจังหวะที่ทั้ง กอร์ดอน และโดยเฉพาะ มิเกล อัลมิรอน ที่ยิงทิ้งยิงขว้างเหมือนรอเวลาให้ เครื่องจักรสีแดง ปะทุความร้อนแรงในเวลาที่เหมาะสม

ด้วยเหตุนี้ ลิเวอร์พูล ซึ่งเหลือกันแค่สิบคนยิ่งเล่นก็ยิ่งมั่นใจในเมื่อตั้งรับเกมรุกของเจ้าบ้านได้ไม่ยาก ประกอบกับพวกเขามีแผงรุกที่จัดจ้านพร้อมทำลายคู่แข่งด้วยโอกาสโต้กลับทุกเมื่อ มันจึงเหมือนมีลางบอกเหตุว่ายิ่งเกมยืดเยื้อ สาลิกาดง ก็มีโอกาสโดนตีเสมอเหมือนกัน

แต่แน่นอน ไม่มีใครอยากจะเชื่อว่า หงส์แดง จะทำได้ดีเกินคาดถึงขนาดแซงชนะ นิวคาสเซิ่ล ได้สำเร็จ มันจึงถือเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ของทีมอีสาน แต่ขณะเดียวกันมันฟ้องให้เห็นทนโท่ว่าทำไมทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์จึงมีผลงานที่ดีเสมอในการบู๊กับคู่ต่อกรรายนี้

และจากสองประตูทองของ นูนเญซ ตัวสำรองที่พลิกสถานการณ์ให้ ลิเวอร์พูล ซิวสามแต้มเข้ากระเป๋าอย่างน่าฮือฮาส่งผลให้เขาเป็นนักเตะ เร้ด แมชีน รายที่สองที่ลุกจากข้างสนามลงไปเข่นสองเม็ดพาทีมตีเสมอ และแซงชนะได้ในเกม พรีเมียร์ลีก ต่อจาก มาร์ค วอลเตอร์ ที่ทำได้ในเกมเฝ้าบ้านสยบ แบล็คเบิร์น 2-1 เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 1992

ยิ่งไปกว่านั้น มันตอกย้ำด้วยว่า ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่ตายยากตายเย็น ฆ่าไม่ตายง่ายๆเนื่องจากประตูชัยในช่วงทดเวลาของสตาร์ละตินนับเป็นประตูที่ 42 แล้วที่ทีมจากแอนฟิลด์ซิวชัยได้ในเกม พรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นสถิติที่ดีที่สุดเหนือเพื่อนร่วมลีกทุกสโมสร

ขณะเดียวกัน ทีมของ คล็อปป์ ไม่แพ้ให้กับคู่แข่งตลอดหกนัดหลังในเกม พรีเมียร์ลีก ด้วยแม้พวกเขาจะเป็นฝ่ายเสียประตูก่อนจากผลงานชนะสาม เสมอสามโดยเกมชนะประกอบไปด้วยแมตช์ที่พวกเขาพิชิต เวสต์แฮม 2-1 , สอย บอร์นมัธ 3-1 ก่อนบุกโค่น นิวคาสเซิ่ล 2-1

ครบ 90 นาที ลิเวอร์พูล ซึ่งเล่นได้อย่างน่าประทับใจตลอดครึ่งหลังทั้งๆที่เหลือนักเตะน้อยกว่าสามารถคว้าสามแต้มได้แม้สถิติหลังเกมจบลงจะเป็นรองทั้งการครองบอล 60:40% โอกาสยิง 23:9 ครั้ง และการส่งบอลเข้ากรอบ 8:4 ครั้ง

5. คล็อปป์ ยังข่ม ฮาว ไม่เลิก

ปฏิเสธไม่ได้ว่า นิวคาสเซิ่ล สร้างความผิดหวังอย่างแรงให้กับแฟนบอลที่พ่าย ลิเวอร์พูล คาบ้าน แต่ถือเป็นเกมแรกใน พรีเมียร์ลีก ที่ ฮาว คุมทีม เดอะ แม็กพายส์ ปราชัยคาถิ่นหากพวกเขาออกนำก่อน

อย่างไรก็ดี นิวคาสเซิ่ล ไม่ชนะ ลิเวอร์พูล ในเกม พรีเมียร์ลีก เป็นนัดที่ 14 ติดต่อกันแล้ว (เสมอ 4 แพ้ 10) นับตั้งแต่เกมเฝ้าบ้านกำชัย 2-0 เมื่อเดือนธ.ค. 2015

และที่แน่ๆ คล็อปป์ ยังสร้างผลงานข่ม ฮาว ได้ต่อไปเนื่องจากเกมนี้เป็นการดวลกันนัดที่ 15 ของสองกุนซือจากทุกสโมสรที่พวกเขากุมบังเหียนโดยนายใหญ่ชาวเมืองไส้กรอกซิวชัยได้มากถึง 13 นัด


ที่มาของภาพ : gettyimages
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport