อย่างน้อยต้องท็อปโฟร์! 4 ปัญหาที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องแก้ให้ได้ก่อน ลิเวอร์พูล เปิดฉากพรีเมียร์ลีก

อย่างน้อยต้องท็อปโฟร์! 4  ปัญหาที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องแก้ให้ได้ก่อน ลิเวอร์พูล เปิดฉากพรีเมียร์ลีก
ลิเวอร์พูล ถือเป็นทีมที่คาดเดาได้อยากมากเพราะพวกเขาเคยมีลุ้น 4 แชมป์แต่คว้ามาได้ 2 แชมป์ได้แก่เอฟเอ คัพ และ คาราบาว คัพ ในฤดูกาล 2021/2022 แต่เมื่อซีซั่นที่ผ่านฟอร์มกับร่วงกราวรูดถึงขนาดหลุดอันดับท็อปโฟร์ ฉะนั้นในฤดูกาลนี้พวกเขาต้องตั้งเป้าอย่างน้อยต้องได้โควตากลับไปลุยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง

เจอร์เก้น คล็อปป์ เริ่มดำเนินการสร้างทีมแบบยกเครื่องในช่วงซัมเมอร์นี้ ด้วยการซื้อแข้งใหม่มาร่วมทัพได้แก่ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ โดมินิค โซโบซไล แต่ดูเหมือนว่ายังไม่เพียงพอ เนื่องจากทีมขายแข้งหลักทั้ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ฟาบินโญ่ ไปให้ทีมในประเทศซาอุดิอาระเบียแล้ว 

สำหรับแมตช์เปิดฤดูกาลที่จะพบกับ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ในวันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคมนี้ นายใหญ่ชาวเยอรมัน ยังคงมีปัญหาหลายอย่างที่ต้องดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ "หงส์แดง" สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ให้สำเร็จ

1. ใครจะเป็นคู่หูแนวรับ ฟาน ไดค์ 


ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่เล่นเกมรุกได้น่าตื่นตาตื่นใจ และเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือเกมรับเพราะดูเหมือนมันจะเป็นปัญหาเรื้อรังจนถึงปัจจุบันนี้

แนวรับของ "หงส์แดง" เล่นได้อย่างหละหลวมและทำให้ทีมเสียประตูเยอะมากเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แม้แต่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นกองหลังที่แข็งแกร่งของทีมยังฟอร์มออกทะเล ทำให้ตอนนี้เกมรับของพวกเขาถือว่าเปราะบางมากๆ

ในช่วงปรีซีซั่นนี้ ฟาน ไดค์ ซึ่งเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นกัปตันทีมคนใหม่ ยังไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้เลย และโดนวิจารณ์เรื่องผลงานพอสมควร แต่กระนั้น คล็อปป์ ก็ยังคงไว้วางใจให้เขาทำหน้าที่เป็นตัวหลักในเกมรับ อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือคู่หูของดาวเตะชาวดัตช์ควรจะเป็นใคร 

ตอนนี้ อิบราฮิม่า โกนาเต้ คือเบอร์ 1 ที่จะได้ยืนคู่กับ ฟาน ไดค์ แต่การที่นักเตะบาดเจ็บง่ายทำให้ คล็อปป์ ต้องเผื่อแผนสำรองเอาไว้ด้วย กระนั้นผู้เล่นที่เหลืออยู่อย่าง โฌแอล มาติป และ โจ โกเมซ ก็ยังไว้วางใจไม่ได้ นี่คือปัญหาที่กุนซือชาวด๊อยท์ชต้องรีบหาคำตอบให้เร็วที่สุด ไม่งั้นทีมอาจไปไม่ถึงฝันที่ตั้งเอาไว้ 

2. บทบาทของ "หนุ่มเทรนต์"


เป็นที่ทราบกันดีว่า เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ โดนวิจารณ์อย่างหนักเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา จากการเล่นเกมรับที่ย่ำแย่ จนกระทั่งนักเตะถูกจับมาเล่นในตำแหน่ง "อินเวิร์ต ฟูลแบ็ก" ผลงานของเขาก็พุ่งกระฉูดติดลมบน

"หนุ่มเทรนต์" กลายเป็นบ่อน้ำมันชั้นดีให้คู่แข่งเจาะเล่นอย่างเมามัน โดยฟอร์มของเขาร่วงกราวรูดจนแทบจะหลุดจากทีมชาติอังกฤษ แต่เมื่อถูกจับมาเล่นตรงกลาง ผลงานของเขาก็โดดเด่นขึ้นมาทันตาเห็น แถมเจ้าตัวยังเล่นในตำแหน่งนี้ตอนที่รับใช้ทัพ "สิงโตคำราม" ด้วย

ในช่วงซัมเมอร์นี้ นายใหญ่ชาวเยอรมัน พยายามที่จะจับ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ลงเล่นในตำแหน่งโฮลดิ้ง มิดฟิลด์ แต่ดูเหมือนฟอร์มของเขาไม่ค่อยโดดเด่น กระนั้นการเล่นในแดนกลางน่าจะเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดในการงัดศักยภาพชั้นยอดของเขาออกมา

จากฟอร์มที่สุดยอดของ รองกัปตันทีมวัย 24 ปี ในแดนกลาง มีความเป็นได้สูงที่ คล็อปป์ คงไม่ให้เขากลับไปเล่นตำแหน่งแบ็กขวาอีกครั้ง แต่กระนั้นนักเตะคงไม่สามารถลงสนามได้ทุกเกม ด้วยเหตุนี้ทีมจึงจำเป็นต้องหายางอะไหล่ที่สามารถเล่นในสไตล์เดียวกับเขามาร่วมทัพให้ได้ 

3. จะเซ็น โรเมโอ ลาเวีย ได้ไหม 


หลังจากที่คว้าตัว  อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ โดมินิค โซโบซไล มาร่วมทัพได้สำเร็จ ดูเหมือนว่า คล็อปป์ ยังไม่พอใจเพราะเขาต้องการซื้อมิดฟิลด์ตัวรับอีกรายเพื่อสร้างสมดุล และเกิดการแข่งขันภายในทีม

"เดอะ เร้ดส์" โดนพลังดูดจากทีมในศึกซาอุดิ โปร ลีก กระชากตัว จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ฟาบินโญ่ ในช่วงซัมเมอร์นี้ ทีมยังต้องปล่อยตัว นาบี เกอิต้า และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ออกไปด้วยเนื่องจากหมดสัญญา ขณะที่ ติอาโก้ อัลกันทาร่า ยังมีปัญหาบาดเจ็บต่อเนื่อง

ด้วยเหตุนี้ คล็อปป์ จึงจำเป็นต้องหาออปชั่นเสริม การใช้ผู้เล่นดาวรุ่งอาจจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือก แต่กระนั้น คล็อปป์ ต้องการนักเตะที่มีศักยภาพสูง และมีประสบการณ์ในเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดีมาแล้ว ฉะนั้นชื่อของ โรเมโอ ลาเวีย ถือว่าตรงสเปกทุกอย่าง 

อย่างไรก็ตามปัญหาอยู่ที่ เซาธ์แฮมป์ตัน เพราะเคยปัดข้อเสนอของ ลิเวอร์พูล มาแล้ว 3 ครั้ง เนื่องจากพวกเขาต้องการค่าตัวนักเตะวัย 19 ปีไม่ต่ำกว่า 50 ล้านปอนด์ (ราว 2,100 ล้านบาท) งานนี้ถือเป็นปัญหาที่ คล็อปป์ กับ "เอฟเอสจี" เจ้าของทีมต้องจัดการให้เร็วที่สุด 

4. คล็อปป์จะอดทนกับ นูนเญซ นานแค่ไหน ?


คล็อปป์ แทบไม่ต้องกังวลใจในเรื่องเกมรุกเลยสมัยที่เขามีสามประสาน "หินเหล็กไฟ" (เอสเอ็มเอฟ) ได้แก่ ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ คอยช่วยกันไล่ล่าประตูให้กับทีม

อย่างไรก็ตามตอนนี้ มาเน่ กับ "บ็อบบี้" ไม่อยู่กับสโมสรอีกแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่ "หงส์แดง" ต้องกระชากตัว ดาร์วิน นูนเญซ มาร่วมทัพเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนหลายสิ่งหลายอย่างยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางสำหรับนักเตะ

ไม่มีอะไรต้องสงสัยเรื่องคุณภาพของ นูนเญซ แต่สิ่งที่เป็นปัญหาก็คือเรื่องสภาพจิตใจ เนื่องจากนักเตะค่อนข้างขาดความเชื่อมั่นในการเล่น และนั่นทำให้เขายิงได้แค่ 9 ประตูในเกมพรีเมียร์ลีกเท่านั้น 

ตอนนี้แนวรุกของ ลิเวอร์พูล ต้องบอกว่ากลับมาสมบูรณ์แบบแล้ว ทั้ง หลุยส์ ดิอาซ, โคดี้ กัคโป, ดิโอโก้ โชต้า, นูนเญซ และ "บังโม" พร้อมที่จะลงสนามทุกคน แต่ด้วยโควตาในเกมรุกมีแค่ 3 คนเท่านั้น และ ซาลาห์ ก็จองสัมปทานเอาไว้แล้ว 1 ตำแหน่ง ฉะนั้นเหลืออีก 2 ที่เท่านั้นที่จะได้เล่นเคียงข้าง "คิง ออฟ อียิปต์"

แน่นอนว่า กุนซือชาวเยอรมัน พร้อมที่จะอดทนกับ นูนเญซ และหากนักเตะสามารถรักษามาตรฐานการเล่นเหมือนที่ทำได้ในช่วงปรีซีซั่น สภาพจิตใจแข็งแกร่งรวมทั้งพัฒนาเรื่องภาษาอังกฤษ เชื่อว่าเขายังคงมีอนาคตอยู่กับ "หงส์แดง" แน่นอน 

ทอมเม้ง


ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport