เกมรุกดุดัน, แม็ค อัลลิสเตอร์ เฉียบ! เจาะ 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล ทุบ ดาร์มสตัดท์ ส่งท้ายปรีซีซั่น

เกมรุกดุดัน, แม็ค อัลลิสเตอร์ เฉียบ! เจาะ 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล ทุบ ดาร์มสตัดท์ ส่งท้ายปรีซีซั่น
ลิเวอร์พูล จบช่วงอุ่นเครื่องปรีซีซั่นซัมเมอร์นี้ได้อย่างสวยหรูด้วยการไล่ต้อน ดาร์มสตัดท์ 3-1 สโมสรในเยอรมนี ที่สนามดีพเดล เมื่อวันจันทร์ที่ 7 สิงหาคมที่ผ่าน โดยถือเป็นการเตรียมความพร้อมที่ดีก่อนที่จะดวล เชลซี ในแมตช์เปิดซีซั่นศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ช่วงสุดสัปดาห์นี้

"หงส์แดง" มีโอกาสได้ทดสอบนักเตะในเกมที่ต้องปะทะกับทีมน้องใหม่ศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี โดยพวกเขาได้สองประตูอย่างรวดเร็วจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ ดีโอโก้ โชต้า แต่ก็โดนตีไข่แตกจากการเล่นเกมรับที่ผิดพลาดอีกครั้ง อย่างไรก็ตามในครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล ได้ประตูตอกย้ำชัยชนะจาก หลุยส์ ดิอาซ 

สำหรับแมตช์นี้ดูเหมือน เจอร์เก้น คล็อปป์ น่าจะจัด 11 ตัวจริงที่คาดว่าจะนำมาใช้ในเกมพบกับ "สิงโตน้ำเงินคราม" และผลงานในเกมนี้ถือว่ายอดเยี่ยมอย่างมาก โดยเฉพาะเกมรุกที่มีความดุดัน ส่วนเกมรับยังคงมีปัญหาอยู่บ้าง แต่น่าจะปรับจูนได้ในเร็วๆ นี้ 

1. ได้เร็วก็เสียเร็ว

จุดเด่นที่สาวก "หงส์แดง" ประทับที่สุดก็คือผลงานการเล่นเกมรุกของทีม โดยในแมตช์นี้พวกเขาแสดงให้เห็นถึงการเล่นที่ดุดัน และสามารถยิงประตูได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับทีมเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดฤดูกาล 2023/2024

การประสานงานของสามแนวรุกอย่าง ดิอาซ, โคดี้ กัคโป และ ซาลาห์ ถือว่าเข้าขากันอย่างมาก และสามารถจัดการฉีกแนวรับของ ดาร์มสตัดท์ ขาดกระจุ ที่สำคัญการได้ โดมินิค โซโบซไล มาเล่นลูกเตะมุมทำให้ทีมยิ่งได้ประโยชน์ในการโจมตีคู่แข่งมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ โชต้า กับ "บังโม" ก็เล่นได้อย่างเข้าขาในจังหวะที่ยิงประตูที่สอง ขณะที่ประตูแรกกับประตูปิดท้าย ต้องขอบคุณการมีส่วนร่วมของ โซโบซไล ที่เปิดเตะมุมได้อย่างยอดเยี่ยม 

อย่างไรก็ตามข้อเสียของ "เดอะ เร้ดส์" ยังคงเป็นเรื่องเดิมนั่นก็คือเกมรับที่เล่นอย่างหละหลวม โดยเฉพาะในจังหวะที่โดนยิงประตูตีไข่แตก ถือเป็นการเล่นที่เสียสมาธิของแนวรับอย่างแท้จริง โดยปล่อยให้ ดาร์มสตัดท์ มีโอกาสแทงบอลทะลุ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ส่วน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ดันเช็คล้ำหน้าผิดพลาด และนำไปสู่การโดนเจาะตาข่าย 

ความผิดพลาดในเกมรับถือเป็นจุดด้อยที่แย่มากๆ ของ ลิเวอร์พูล ในช่วงซัมเมอร์นี้ และ คล็อปป์ ต้องรีบปรับแก้ให้เร็วที่สุด เพราะหากขืนปล่อยแบบนี้ต่อไป มันจะกลายเป็นแผลเรื้อรังจนยากจะเกินเยียวยา 

2. แม็ค อัลลิสเตอร์ ฟอร์มหรู


แน่นอนว่า ลิเวอร์พูล จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเซ็นสัญญากองกลางตัวรับมาร่วมทัพให้ได้ก่อนที่ตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์จะปิดตัว แต่อย่างน้อย "หงส์แดง" ยังพอมีสัญญาณที่ดีอยู่บ้าง เพราะ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ สามารถเล่นตำแหน่งนี้ได้ และโชว์ผลงานให้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าทำไม คล็อปป์ ถึงต้องคว้าตัวเขามาร่วมทัพ

สตาร์ลูกหนังทีมชาติอาร์เจนตินา ชุดคว้าแชมป์เวิลด์ คัพ2023 วิ่งหาตำแหน่งได้ดี คอยทำหน้าที่เชื่อมเกม และยังครองบอลได้อย่างเหนียวแน่น รวมทั้งตัดบอลได้อย่างแม่นยำทำให้คู่แข่งไม่สามารถเล่นสวนกลับได้ และยังมีจังหวะยิงไกลด้วย

ศักยภาพที่โดดเด่นของ แม็ค อัลลิสเตอร์ ก็คือสามารถเล่นเกมรับ และเกมรุกได้ดีเยี่ยม สิ่งนี้ถือว่าขาดหายไปสำหรับ ลิเวอร์พูล เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ดังนั้นการได้ ดาวเตะแชมป์โลก มาเสริมทัพถือเป็นการอุดช่องโหว่จุดนี้ได้สนิท

งานนี้แฟนบอล "เดอะ เร้ดส์" สามารถคาดหวังกับฟอร์มที่ยอดเยี่ยมของ แม็ค อัลลิสเตอร์ ได้เลยไม่ว่าจะรับบทบาทเพลย์เมกเกอร์คอยสร้างสรรค์เกม หรือจะสวมเป็นผู้เล่นที่คอยเชื่อมเกมจากหลังไปหน้าก็ได้เช่นกัน 

3. กองกลางตัวรับต้องมาแล้ว


คล็อปป์ ทำถูกต้องในการเสริมทัพแดนกลางเนื่องจากตำแหน่งนี้ทีมกำลังประสบปัญหาเพราะมีผู้เล่นย้ายออกไปมากมาย ทั้ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, เจมส์ มิลเนอร์, นาบี เกอิต้า และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอรเลน 

อย่างไรก็ตามตำแหน่งที่นายใหญ่ชาวเยอรมันต้องการมากที่สุดก่อนตลาดพ่อค้าแข้งจะปิดตัววันที่ 1 กันยายนนี้ ก็คือผู้เล่นหมายเลข 6 หรือมิดฟิลด์ตัวรับ เนื่องจากเป็นหนึ่งในจุดบอดตรงแดนกลางของ "เดอะ เร้ดส์"

สำหรับผู้เล่นเกมรุกในแดนกลางตอนนี้ต้องบอกว่าทีมมีอยู่ครบครันทั้ง แม็ค อัลลิสเตอร์, โซโบซไล  และ โคดี้ กัคโป ก็ขยับลงมาเล่นได้ แต่มิดฟิลด์ตัวรับยังคงไม่สามารถหาแข้งที่เหมาะสมได้เลย แม้ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จะขยับไปเล่นตรงกลางเวลาที่ "หงส์แดง" ได้ครองเกม เหมือนที่เขาเล่นช่วงท้ายซีซั่นที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่ใช่คนที่เหมาะสมจะมารับบทแข้งหมายเลข 6

ดังนั้น คล็อปป์ ต้องยอมทุ่มสุดตัวเพื่อกระชาก โรเมโอ ลาเวีย มิดฟิลด์ดาวโรจน์ มาจาก "นักบุญ" เซาธ์แฮมป์ตั ให้ได้ ซึ่งนี่คือจิ๊กซอว์สำคัญที่จะทำให้แผงกองกลาง ลิเวอร์พูล แข็งแกร่งพร้อมดวลกับทุกทีมในฤดูกาลใหม่ 

4. ดิอาซ กลับมาสู่ฟอร์มเก่ง


ตอนที่ หลุยส์ ดิอาซ ต้องรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บเข่าถือว่าเป็นความเสียหายสำหรับลิเวอร์พูลอย่างมาก ดังนั้นการได้เห็นเขากลับมาฟิตสมบูรณ์ในเกมอุ่นเครื่องครั้งสุดท้ายของช่วงปรีซีซั่นถือเป็นข่าวดีสำหรับสาวก "เดอะ ค็อป" ทั่วโลก

สำหรับตอนนี้ต้องบอกว่าแนวรุกของ "หงส์แดง" สมบูรณ์แบบสุดๆ เพราะทั้ง ดิอาซ, ดีโอโก้ โชต้า, ดาร์วิน นูนเญซ, โคดี้ กัคโป และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ อยู่ในสภาพที่แข็งแกร่ง และฟิตเต็มร้อยพร้อมที่จะลงสนามทุกคน 

ในกรณีของ ดิอาซ ตอนนี้นักเตะไม่มีอาการบาดเจ็บอีกต่อไปแล้ว ที่สำคัญนักเตะยังเล่นได้อย่างเข้าขากับ แม็ค อัลลิสเตอร์ และ โซโบซไล ขณะที่ความสามารถเฉพาะตัวก็โดดเด่นสุดๆ โดยเฉพาะการเล่นที่มุ่งมั่น และการจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยม 

ตลอดเวลาที่ สตาร์ชาวโคลอมเบีย อยู่ในสนามเขาสามารถวิ่งหาช่องว่าง คอยชิงบอลกับเพื่อนร่วมทีม บางครั้งหากมีพื้นที่ก็จะใช้ความเร็วและความคล่องตัวกระชากหนีแนวรับคู่แข่ง แถมยังยิงประตูได้เฉียบคมด้วย ผลงานของนักเตะในแมตช์นี้เป็นการยืนยันว่าเขากลับมาสมบูรณ์แบบแล้ว

5. พร้อมรบ เชลซี


การปิดฉากช่วงปรีซีซั่นด้วยชัยชนะถือเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยที่ดีเยี่ยมสำหรับ ลิเวอร์พูล ก่อนที่พวกเขาจะต้องยกพลบุกถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ปะทะ เชลซี ในเกมเปิดซีซั่นศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคมนี้

แน่นอนว่า "หงส์แดง" ยังไม่ใช่ทีมที่มีระบบการเล่นที่ลงตัวในเวลานี้ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องเกมรับที่ยังแก้ไม่ตก แต่สำหรับเกมรุกต้องบอกว่าดุเดือดสุดๆ และพร้อมที่จะยิงประตูคู่แข่งเสมอ

ดังนั้นในการที่ต้องเผชิญหน้ากับทีมของกุนซือเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ซึ่งตอนนี้ฟอร์มกำลังเข้าที่เข้าทาง สิ่งที่ "เดอะ เร้ดส์" ต้องทำก็คือการเดินเครื่องเล่นเกมรุกที่เป็นจุดเด่นของพวกเขา ส่วนเกมรับพยายามที่จะมีสมาธิ และทำผิดพลาดให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ !

ทอมเม้ง


ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport