พรีเมียร์ลีก เปลี่ยนและปรับกฎบางเรื่อง จะสนุกขึ้นมากน้อยแค่ไหน?

พรีเมียร์ลีก เปลี่ยนและปรับกฎบางเรื่อง จะสนุกขึ้นมากน้อยแค่ไหน?
นอกเหนือจากการใช้กติกาทดเวลาแบบฟุตบอลโลก 2022 แล้ว พรีเมียร์ลีกยังเปลี่ยนและปรับกฎบางเรื่องสำหรับฤดูกาล 2023/24 นี้ด้วย

พอจะแยกได้เป็น 2 หมวดหมู่ใหญ่ๆ นะครับ คือเรื่องเกี่ยวกับพฤติกรรมของนักฟุตบอลและสตาฟฟ์โค้ช กับเรื่องเกี่ยวกับการใช้ดุลพินิจของผู้ตัดสินในเหตุการณ์เฉพาะบางกรณี

หมวดหมู่แรกที่เกี่ยวกับพฤติกรรมนั้นพูดรวมๆ ก็คือความประพฤติใดที่ไม่เหมาะสมจะถูกลงโทษได้ทันที อย่างการยั่วยุทำลายสมาธิคู่ต่อสู้และการถ่วงเวลาของผู้รักษาประตู การแสดงออกถึงความไม่ยอมรับคำตัดสิน การคุกคามผู้ตัดสินไม่ว่าจะในสนามหรือข้างสนาม

ผู้รักษาประตูที่แสดงอาการล่อหลอกยั่วประสาทอีกฝ่ายที่กำลังจะยิงจุดโทษหรือยิงจุดโทษไม่เข้า ข้ามบอลหลอกหรือลังเลไม่ยอมเตะจากเส้นประตูเพื่อถ่วงเวลาอย่างนี้โดนใบเหลืองได้เลยโดยไม่ต้องรอช่วงท้ายเกมที่เวลาใกล้จะหมด

หน้าตาและลีลายักไหล่ย้ายเอวโชว์สเต็ปของ เอมี่ มาร์ติเนซ และจังหวะรีรอไม่ยอมเตะบอลจากเส้นประตูสักทีของนายทวารหลายๆ คนลอยมาแต่ไกล

การกรูเข้ารุมล้อมผู้ตัดสิน การทำสัญญาณมือวีเออาร์คล้ายสั่งให้เชิ้ตดำไปดู การปรี่เข้าตะคอกผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ข้างสนาม หรือบรรดาสตาฟฟ์โค้ชรวมไปถึงมือขวาที่ไม่ใช่ผู้จัดการทีมพุ่งออกจากม้านั่งสำรองไปในเขตเทคนิคจะถูกนับว่าเป็นการทำเกินหน้าที่ การแสดงออกใดๆ ที่ไม่ยอมรับคำตัดสินหรือไม่เคารพผู้ตัดสิน จะถูกลงโทษทั้งสิ้น

ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจและยอมรับได้นะครับ คำตัดสินของผู้ตัดสินจะได้รับความคุ้มครองและมอบดาบอาญาสิทธิ์ให้มากขึ้น การยั่วยุฝ่ายตรงข้ามด้วยพฤติกรรมต่างๆ ก็จะถูกลงโทษง่ายขึ้น ซึ่งโดยหลักการมันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว

ส่วนอีกหมวดหมู่หนึ่งคือการใช้ดุลพินิจในเหตุการณ์เฉพาะบางกรณีนั้น มีอยู่ 2 กรณีครับ

  • การล้ำหน้าเมื่อบอลถูกผู้เล่นฝ่ายรับก่อนมาถึงฝ่ายรุกทำประตู และ
  • การให้ใบแดงกรณีที่ตัดโอกาสทำประตูของฝ่ายตรงข้าม

กับประเด็นแรก ตั้งแต่ฤดูกาลนี้เราจะไม่ได้เห็นปัญหาที่ว่าฝ่ายรับ "ตั้งใจสกัดบอล" หรือ "ไม่ตั้งใจสกัดบอล" อันส่งผลให้เกิดการถกเถียงกันต่อว่าคนที่ยิงเข้าล้ำหน้าหรือไม่ล้ำหน้าอีกแล้ว เพราะตามกฎใหม่หากบอลสัมผัสนักเตะฝ่ายรับก่อนจะหลุดมาเข้าทางฝ่ายรุกยิงเข้าไป ถ้าฝ่ายรุกคนนั้นอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าตั้งแต่แรกก็ให้ถือว่าล้ำหน้า

คงพอจะนึกถึงการตีความเหตุการณ์ลักษณะนี้กันออกนะครับ ถ้าฝ่ายรับคนที่สัมผัสบอลอยู่ในสถานะที่ผู้ตัดสินมองว่ามีการจัดระเบียบร่างกายเพื่อให้ตัวเองได้สกัดบอลให้ถือว่าบอลอยู่ในอำนาจของฝ่ายรับคนนั้น มันจะส่งผลต่อเนื่องทำให้ฝ่ายรุกคนที่ล้ำหน้าในตอนแรกไม่ล้ำหน้าทันทีเพราะบอลที่หลุดมาถึงเขาจะกลายเป็นการส่งพลาดของฝ่ายรับ

ตรงนี้แหละที่เป็นปัญหาในหลายๆ ครั้งเพราะบางจังหวะมันดูยากมากจริงๆ จะมองว่าบอลอยู่ในการจัดการของฝ่ายรับแล้วก็ได้ หรือมองว่าบอลยังไม่ได้อยู่ในอำนาจจัดการของฝ่ายรับก็ได้เช่นกัน

พรีเมียร์ลีกเลยตัดปัญหาด้วยการบอกว่าจากนี้ไปถ้าบอลโดนฝ่ายรับในจังหวะสุดท้ายแล้วหลุดมาเข้าทางฝ่ายรุกยิงเข้า มันจะเป็นการล้ำหน้าทุกกรณีถ้าหากว่าฝ่ายรุกคนนั้นอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า ประมาณว่าให้จินตนาการไปเลยว่าฝ่ายรับคนนั้นสกัดไม่โดนบอล มันก็จะเหมือนรับบอลจากการส่งของเพื่อนโดยตรงนั่นแหละ

ไม่ต้องมาเถียงกันหน้าดำคร่ำเครียดอีกแล้วว่าฝ่ายรับตั้งใจเล่นบอล (ซึ่งจะทำให้ฝ่ายรุกไม่ล้ำหน้า) หรือแค่แฉลบไปเข้าทาง (ซึ่งจะทำให้ฝ่ายรุกล้ำหน้า) ถ้าตัวรุกอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าก็ล้ำเลย ง่ายๆ แค่นั้น

จังหวะที่เป็นปัญหาในเรื่องนี้จึงน่าจะถูกสะสางไปได้ด้วยกฎใหม่นี้ แต่ก็ไม่แน่เหมือนกันนะครับ พอถึงเวลาบังคับใช้จริงๆ อาจมีข้อถกเถียงอื่นที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นก็ได้ คงต้องรอดูกันไป

แต่กับอีกเรื่องหนึ่งต่างหากครับที่เราคงต้องจับตาดูกันหน่อย เพราะมันน่าจะเป็นกฎใหม่ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเผ็ดร้อนแน่นอนเมื่อมีกรณีเกิดขึ้นจริงๆ นั่นคือเรื่องใบแดงจากการตัดโอกาสทำประตูของคู่ต่อสู้

เพราะกฎใหม่บอกว่าการตัดโอกาสได้ประตูของฝ่ายตรงข้ามนั้น ผู้ตัดสินจะพิจารณาจากเจตนาของฝ่ายรับเป็นอันดับแรก ถ้าไม่ได้มีเจตนาเล่นนอกเกมเพื่อตัดโอกาสได้ประตู เช่นตั้งใจสกัดบอลไม่ได้จงใจสกัดคน หรือบอลมาโดนแขนก่อนข้ามเส้นประตูโดยไม่ตั้งใจไม่ใช่การจงใจใช้มือปัด ผู้เล่นคนนั้นจะไม่ถูกไล่ออก

ถ้าจะยกตัวอย่างง่ายๆ กองหน้าคู่ต่อสู้หลุดกับดักล้ำหน้าไปแล้ว กองหลังตัวสุดท้ายวิ่งตามไป หากจงใจเตะตัดขาให้ล้มก็จะโดนใบแดงแน่นอนไม่มีข้อสงสัย แต่ถ้าวิ่งไล่กันไปแล้วสะดุดขากันล้มหรือกองหลังพลาดหกล้มเองแล้วตัวไถลไปชนกองหน้าล้มไปด้วยกัน อย่างนี้จะโดนแค่ใบเหลือง

หรือกรณีเดียวกันนี้ถ้าตีความจากกฎใหม่ หากกองหลังคนนั้นตั้งใจสไลด์บอลทิ้งแต่ช้ากว่ากลายเป็นสไลด์ขาคู่แข่งแทนก็จะรับแค่ใบเหลือง ไม่ใช่โดนใบแดงในทุกกรณีอย่างที่ใช้กันอยู่

การถกเถียงในเรื่องนี้จะเปลี่ยนจากประเด็นที่ว่า "เป็นการทำลายโอกาสทำประตูไหม" มาเป็น "เจตนาทำลายโอกาสได้ประตูไหม" แทน ของเดิมคือถ้าเป็นการทำลายโอกาสทำประตูก็จะถูกใบแดงทุกกรณีโดยไม่ต้องสนใจเจตนา แต่ของใหม่ดูเจตนาเป็นหลัก

พูดง่ายๆ คือกฎใหม่ให้พื้นที่หายใจกับฝ่ายรับมากขึ้น

ผมคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อยแน่ๆ ล่ะครับ เข้าใจในประเด็นเรื่องเจตนาหรือไม่เจตนา ถ้าไม่ถึงขนาดตั้งใจตัดโอกาสเป็นประตูของคู่แข่งจริงๆ อย่างการพุ่งเสียบขาตัดเกมใส่คนที่กำลังหลุดเดี่ยวหรือเจตนาใช้มือปัดบอลที่กำลังจะเข้าประตู ฝ่ายรับก็ไม่ควรถูกลงโทษหนักขนาดไล่ออก แต่ปัญหาก็คือเราคุ้นเคยกันแล้วกับรางวัลปลอบใจที่กฎมอบให้กับทีมบุก ประตูที่ควรจะได้กลับไม่ได้อาจจะน่าเสียดายทว่าก็แลกมาด้วยใบแดงของคู่แข่ง ก็ถือว่ายุติธรรมในระดับหนึ่ง

มันคล้ายเป็นบรรทัดฐานทางความรู้สึกไปแล้วว่าถ้าโอกาสทำประตูที่ชัดเจนของเราถูกทำลายไป คู่ต่อสู้จะต้องถูกใบแดงเป็นการแลกเปลี่ยน ไม่ว่าการทำลายโอกาสนั้นจะเกิดขึ้นจากความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม

เพราะฉะนั้นตามกฎใหม่นี้ความรู้สึกขุ่นมัวจะเกิดขึ้นแน่นอนถ้านักเตะของเราหลุดเดี่ยวกำลังจะได้ยิงอยู่แล้วแต่กองหลังวิ่งมาสไลด์บอลช้าไปโดนขากองหน้าเราล้มคว่ำแทนแล้วผู้ตัดสินไม่ให้ใบแดง ถ้าเกิดขึ้นในเขตโทษก็ยังโชคดีว่าได้จุดโทษ แต่หากเกิดขึ้นนอกเขตโทษเราจะไม่ได้อะไรเลยนอกจากแค่ลูกฟรีคิกนอกเขต โอกาสได้ประตูหายวับไปกับตาแถมกองหลังคนนั้นยังไม่ถูกไล่ออก

ตรงนี้อาจเป็นแฟนบอลอย่างเราๆ เองที่ต้องพยายามทำความคุ้นเคยกับกฎนี้กันใหม่ ด้วยความที่มันจะขัดกับความรู้สึกอยู่สักหน่อยในทีแรก

ทั้งสองเรื่องนี้พรีเมียร์ลีกน่าจะมีเจตนาเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดให้กับฝ่ายรับ เป็นเรื่องที่ต้องรอดูกระแสตอบรับว่าออกมาเป็นอย่างไร ผมคิดว่าเรื่องล้ำหน้าคงราบรื่นดี แต่เรื่องการตัดโอกาสทำประตูของฝ่ายรุกนั้นตอนนี้ผู้ตัดสินทั้งหลายคงแอบบ่นในใจว่าหางานให้พวกกรูอีกแล้ว

ถ้าหลุดเดี่ยวแล้วโดนกองหลังตัวสุดท้ายทำฟาวล์แบบตั้งใจสกัดบอล กรูวิ่งไปแจกแค่ใบเหลืองนี่คงได้โดนแฟนบอลรุมสรรเสริญบุฟการีอีกแหงๆ

แต่ก็เอาครับ The show must go on.. พรีเมียร์ลีกคงไม่ได้คิดปรับเปลี่ยนกฎใดๆ โดยไม่มีเหตุผลหรอก คงต้องลองให้โอกาสกันดูก่อน ถ้าไม่ค่อยดีก็เปลี่ยนได้ปรับได้

ถ้าเราสังเกตดูก็จะเห็นว่าตลอดเวลาที่ผ่านมามีความพยายามปรับปรุงกฎต่างๆ ให้สมดุลที่สุดอยู่ตลอด อย่างกรณีฝ่ายรับคนสุดท้ายทำฟาวล์คู่แข่งในเขตโทษ ถ้าไม่ได้เป็นการจงใจเล่นนอกเกมก็จะรับแค่ใบเหลืองเท่านั้นเพราะทีมเสียจุดโทษอยู่แล้ว จะไม่ใช่โดนทั้งจุดโทษและถูกไล่ออกอย่างที่เคยเป็นมาก่อนหน้า

ลองดูกันครับว่ากฎใหม่ต่างๆ นี้รวมถึงเรื่องการทดเวลาตามจริงอย่างที่ใช้ในฟุตบอลโลก 2022 จะทำให้พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2023/24 นี้สนุกขึ้นมากน้อยแค่ไหน ที่แน่ๆ เผลอแผล็บเดียวเหลืออีกแค่ 4 วันเท่านั้นเองนะครับ เกมเปิดฤดูกาลก็จะมาถึงกันแล้ว

ตังกุย


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport