สิ่งที่ได้เรียนรู้จาก ลิเวอร์พูล อุ่นเครื่องปรีซีซั่น

สิ่งที่ได้เรียนรู้จาก ลิเวอร์พูล อุ่นเครื่องปรีซีซั่น
เจอร์เก้น คล็อปป์ ใช้ผู้เล่น 25 คนในเกมอุ่นเครื่องนัดที่สองของปรี-ซีซั่น และจบลงด้วยผลเสมอกับ กรอยเธอร์ เฟือร์ธ 4-4

เสร็จสิ้นแคมป์ที่ เยอรมนี ลูกทีมบอสเจเค เดินทางกลับประเทศอังกฤษ ทันที และจะมีคิวออกทริปไปยัง สิงคโปร์ วันพฤหัสบดีเพื่อลงเตะเจอ เลสเตอร์ ซิตี้ กับ บาเยิร์น มิวนิค

คนที่อดพูดถึงไม่ได้เลยคือ ดาร์วิน นูนเญซ หัวหอกอุรุกวัยที่ใช้เวลา 45 นาทีทำสองประตูกับหนึ่งแอสซิสต์

ฤดูกาลที่สองของ ดาร์วิน คือฤดูกาลที่เขาต้องพิสูจน์ตัวเองให้ดีมากขึ้น เพื่อตอบแทนเม็ดเงินที่สโมสรยอมทุ่มไปให้แก่ เบนฟิก้า

คำถามมันเกิดขึ้นว่า ดาร์วิน จะปรับตัวให้ตรงตามแบบที่ คล็อปป์ ต้องการได้หรือไม่ แล้วเขาจะโยนทิ้งความกดดันที่แบกไว้ตลอดเมื่อปีก่อนได้หรือยัง

บททดสอบมีเข้ามาเรื่อย ๆ แต่มันก็เริ่มมีสัญญาณที่ดีที่เขาเล่นได้โดดเด่น เห็นถึงความเข้าใจในการเล่นร่วมกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์

การเคลื่อนที่ของ ดาร์วิน ก่อให้เกิดประตูที่ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 2-1 เมื่อเขาวิ่งโฉบไปรับบอลจาก ซาลาห์ ก่อนจะแตะหลบผู้รักษาประตูแล้วยิงเข้าไปแบบหล่อ ๆ 


ขณะเดียวกัน ประตู 3-1 ดาร์วิน ก็จบสกอร์ได้แบบมีสไตล์ หักหลบแนวรับหนึ่งทีแล้วสอยตาข่ายด้วยเท้าซ้าย

นอกจากนี้ ดาร์วิน ยังแอสซิสต์เปิดบอลไปเสาสองให้รุ่นพี่อียิปต์ พังประตูตีเสมอ และเกือบจะทำแฮตทริกได้ด้วยซ้ำหากลูกโขกท้ายเกมลูกนั้นมันไม่ตรงตัวนายด่าน เฟือร์ธ

นี่เป็นสัญญาณที่ดีมากเลยนะครับ เป็นก้าวที่ดีมาก ๆ สำหรับหมายเลขเก้าคนใหม่ของลิเวอร์พูล

ผู้เล่นเกมรุก นอกจาก ดาร์วิน แล้วนั้น หลุยส์ ดิอาซ เป็นอีกคนหนึ่งที่ทำผลงานได้น่าตื่นตาตื่นใจ

ปีกทีมชาติโคลอมเบีย ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง และลงเล่นช่วง 45 นาทีแรก


ปฏิเสธได้ยากว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลงาน ลิเวอร์พูล เมื่อปีก่อนดร็อปลงไปคือการปราศจาก ดิอาซ ที่หายหน้าจากทีมไป 6 เดือน

กว่า ดิอาซ กลับมาลงสนามได้ เวลาก็ล่วงเข้าสู่ช่วงปลายซีซั่นตอนเดือนเมษายน และเมื่อคืนผืนหญ้าผลงานยังไม่ลงล็อกเหมือนเก่า เขาทำได้เพียงประตูเดียวจาก 9 เกมส่งท้ายฤดูกาล

และประโยชน์ของ ปรี-ซั่น คือการทำให้ ดิอาซ ได้กลับมาชีวิตชีวาอีกครั้ง 

ดิอาซ ได้รับความสนใจจาก อัล ฮิลาล จากลีกซาอุดีอาระเบีย แต่มันไม่มีทางเลยที่ ลิเวอร์พูล จะยินดีปล่อยตัวไป เหมือนกรณี จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ฟาบินโญ่

จอมเลื้อยริมเส้นจากแดนละตินสร้างโอกาสได้อย่างเฉิดฉายที่ เทคโนโลยี อารีน่า และช็อตสัมผัสบอลจากการผ่านของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในกรอบเขตโทษ ก่อนจะยิงด้วยขวาเข้าตรงมุมล่างขวาตามแบบฉบับที่เราคุ้นตา 

อันที่จริง ช่วงต้นเกม ดิอาซ ก็มีโอกาสยิงจากที่สร้างจังหวะด้วยตัวเอง เพียงแต่ลูกยิงนี้ไปติดเซฟผู้รักษาประตู

ตัวรุกอย่าง ดาร์วิน, ซาลาห์ และ ดิอาซ ที่เรียงหน้าทำประตู จะช่วยสร้างความมั่นใจได้มากขึ้น ส่วน ดีโอโก้ โชต้า ใกล้เคียงเหลือเกินที่จะทำได้ 2 ประตู ทว่าลูกแรกกดเรียดเบียดเสา ส่วนลูกสอง กลับตัวตวัดยิงด้วยซ้ายมุมแคบ แต่บอลไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย

ฟากพวกดาวรุ่งที่ได้รับโอกาสลงตัวจริง มี 2 คนที่ลงเล่นตั้งแต่ต้นคือ เบน โด้ค และ คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ 

รายแรกยืนเป็นหนึ่งในสามประสานแนวรุกด้านขวา พื้นที่ ซาลาห์ ส่วนรายสองสตาร์ทเป็นแบ็กขวา ตำแหน่ง เทรนท์ 

โด้ค เคยได้สัมผัสเกมทีมชุดใหญ่มาก่อนแล้ว ซึ่งโอกาสของเขาจากเกมนี้ ทำให้เรารับรู้ได้ถึงความสามารถ

อดีตเด็กเก่า เซลติก อายุแค่ 17 ปีเท่านั้นเอง แต่เรื่องความเกรงกลัวคู่แข่งไม่มีให้เห็นเลย 

ความเร็ว ความกล้าไปกับบอลทำให้เกมรับ เฟือร์ธ เจอปัญหารับมือ 

โด้ค มีแววแจ้งเกิดได้ไม่ยาก แต่คำถามคือ ฤดูกาล 2023/24 ลิเวอร์พูล จะตัดสินใจไปในทางไหน 

หากสโมสรเปิดโอกาสให้ โด้ค ย้ายออกในรูปแบบยืมตัว คงมีหลายทีมที่หวังเช่าไปใช้งาน 

แต่การได้เห็น โด้ค อยู่กับทีมเพื่อเป็นทางเลือกสำรองของ ซาลาห์ น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมไม่น้อย เพราะ 6 นัดของรอบแบ่งกลุ่ม ยูโรปา ลีก คือโอกาสที่เขาจะได้เก็บเกี่ยวแบบเต็ม ๆ 

สำหรับ แบร็ดลี่ย์ เป็นอีกคนที่แสดงให้ คล็อปป์ และเหล่าสตาฟฟ์เห็นแล้วว่าการย้ายออกไปให้ทีมอื่นใช้งานแบบยืมตัวมันได้ประโยชน์มากแค่ไหน

เด็กหนุ่มวัย 20 ปีดีกรีทีมชาติไอร์แลนด์เหนือชุดใหญ่ ได้เรียนรู้บทบาทไฮบริด ขยับยืนกลางตอนทีมเป็นฝ่ายครองบอลเหมือนที่ เทรนท์ รุ่นพี่ลงเล่นช่วงท้ายซีซั่นก่อน

.

.    

.

เป็นเกมที่สองติดต่อกันที่ เทรนท์ อาร์โนลด์ ประจำการตรงกองกลางตัวรับ 

การสรรหาผู้เล่นหมายเลข 6 คนใหม่ยังเดินหน้าต่อไปเพื่อทดแทน ฟาบินโญ่ ที่เตรียมแยกทาง

สามกองกลางชุดเริ่มต้นกับ เฟือร์ธ ที่มี เทรนท์, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ โคดี้ กัคโป ต่างคุมเกมร่วมกันได้โดดเด่น แต่ด้วยการเปลี่ยนยกแผงตอนเริ่มครึ่งหลัง ภาพที่ออกมาจึงดูเละเทะมาก

เคอร์ติส โจนส์, เจมส์ แม็คคอนเนลล์ และ ฮาร์วี่ เอลเลียตต์ คือสามคนที่ยืนตรงกลางตอนเขี่ยบอลครึ่งหลัง

แต่ด้วยความอ่อนประสบการณ์ของ แม็คคอนเนลล์ ที่รับผิดชอบพื้นที่หมายเลข 6 ทำให้ผลที่ออกมาดูไม่ดีนัก

ช่วงนาที 75 คล็อปป์ เลือกเปลี่ยนตัวอีกชุด โดยส่ง บ็อบบี้ คล้าร์ก และ เมลคามู ฟรอยน์ดอร์ฟ ลงแทน โจนส์ กับ เอลเลียตต์ สองแข้งที่เพิ่งกลับมาซ้อมไม่นานหลังผ่านการคว้าแชมป์ ยูโร ยู-21 กับทีมชาติอังกฤษ

การขาดหายไปของ โดมินิค โซโบซไล ยิ่งทำให้ทางเลือกเกมนี้มีน้อยลง โดย ติอาโก้ อัลกันตาร่า กับ สเตฟาน บายเซติช ยังไม่พร้อมลงเล่น

นอกจากมิดฟิลด์ประเภทหมายเลข 6 แล้ว กองหลังยังคงเป็นปัญหาที่ควรจะเสริมทัพแก้ไข

โฌแอล มาติป ไม่ใช่คนเดิมที่เราจะพึ่งพาได้อีกต่อไป การจับคู่กับ จาเรลล์ ควอนซาห์ ยิ่งเกิดเป็นบ่อน้ำมันขนาดใหญ่ ทั้งคู่ผลัดกับผิดพลาดจนทีมเสียประตู


"แน่นอนไม่มีใครอยากเสียสี่ประตู แต่คุณได้เห็นในครึ่งหลังว่าเราพยายามสร้างเกม แต่เราเล่นกันช้าไปในการผ่านบอล และสัมผัสแรกก็ไม่ดี" คล็อปป์ ว่าไว้หลังจบเกม

"แต่อีกด้าน เรายิงประตูสวย ๆได้มาก หลายประตูเกิดจากความสามารถเฉพาะตัว มันเป็นการเข้าแคมป์ที่ดี ผมแฮปปี้มาก"

และอีกหนึ่งเรื่องดีคือ ไม่มีใครบาดเจ็บเพิ่ม

HOSSALONSO


ที่มาของภาพ : GETTY IMAGE
BY : Hossalonso
ธีรศานต์ คงทอง
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport