บทบาทของ เทรนต์ ในฤดูกาลใหม่

บทบาทของ เทรนต์ ในฤดูกาลใหม่
คำถามหนึ่งที่เกิดขึ้นพอสมควรคือบทบาทของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในฤดูกาลใหม่จะเป็นอย่างไร

แบ๊กขวาตลอดทางอย่างเดิม แบ๊กขวาที่ขยับเข้ามาเล่นกองกลางเวลาครองเกมบุก หรือยืนกองกลางไปเลยอย่างที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต ใช้งานเขาในทีมชาติอังกฤษ 2 เกมล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้ว

คนที่เชียร์ให้เทรนต์เล่นกองกลางเต็มตัวก็มีเยอะ คนที่อยากให้เขาเล่น inverted fullback อย่างช่วงปลายฤดูกาลก่อนก็มีแยะ หรือคนที่เห็นว่าให้เขาเล่นแบ๊กขวาแบบเดิมต่อไปก็มีไม่น้อย

เทรนต์เป็นคนที่เดอะค็อปรักและให้ความสนใจเป็นพิเศษ ความเป็นสเกาเซอร์และเป็นลูกหม้อของสโมสร เติบโตขึ้นมาจากทีมอะคาเดมี่จนก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ทำให้เขามีสถานะ "คนใน" เต็มตัว คล้ายยิ่งเพิ่มสายใยผูกพันกับแฟนบอลให้แน่นแฟ้นขึ้น

ยามที่เขาไปได้ดี ทีมไปได้ดี ทุกอย่างก็ดียกกำลังสอง แต่ยามที่ทีมอกหัก เขาหกล้ม เสียงวิจารณ์ก็ย่อมหนักหน่วงตามมาเป็นสองเท่า

บทบาทของเขาในฤดูกาลนี้อยู่ในวงสนทนาของแฟนบอล ด้วยผลงานขึ้นๆ ลงๆ ราวรถไฟเหาะตีลังกาเมื่อฤดูกาลที่แล้ว สะเปะสะปะมาตลอดก่อนจะตั้งหลักได้กับการเล่น inverted fullback อย่างเข้าตาในช่วงท้ายซีซั่น ทั้งยังต่อเนื่องไปถึงการถูกจับไปยืนเป็นกองกลางเต็มตัวในทีมสิงโตคำรามอย่างที่เซาธ์เกตอยากเห็น

เวลานี้มีการพูดกันถึงระบบ 3-2-2-3 ว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ อาจจะนำมาใช้ที่ลิเวอร์พูล แน่นอนว่าเหตุผลสำคัญมาจากศักยภาพในการเล่นกองกลางของเทรนต์

ถามว่าเป็นไปได้ไหมมันก็เป็นไปได้ เพราะ inverted fullback ก็เป็นเทรนด์ฟุตบอลสมัยใหม่ที่ทีมใหญ่หลายทีมใช้งานอยู่เช่นกัน

เพียงแต่ผมยังเชื่อว่าระบบพื้นฐานของลิเวอร์พูลในฤดูกาลใหม่ยังน่าจะเป็น 4-3-3

หนึ่งเพราะคล็อปป์ไม่ค่อยนิยมการใช้เซนเตอร์แบ๊กสามคนเป็นทุนเดิม และสองเพราะลิเวอร์พูลเวลานี้มี อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กับ โดมินิก โซบอสไล เสริมเข้ามาในแดนกลาง

การเข้ามาของกองกลางทีมชาติอาร์เจนติน่าและมิดฟิลด์ตัวรุกทีมชาติฮังการีน่าจะมีส่วนไม่น้อยกับบทบาทที่ เทรนต์ จะได้รับ ด้วยมิติด้านเกมรุกตรงกลางที่ทั้ง 2 คนนำมาให้กับทีมทำให้บางทีตำแหน่งที่ทรงพลังต่อทีมที่สุดสำหรับ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ คือการเป็นแบ๊กขวาอย่างเดิม

วิ่งขึ้น-ลงทางริมเส้นฝั่งขวา ประสานงานกับ โซบอสไล และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในพื้นที่ฝั่งนั้นและใช้ประสิทธิภาพการครอสบอลที่อันตรายโจมตีจากด้านข้างเหมือนที่เคยทำให้เขาได้รับคำชื่นชมว่าเป็นหนึ่งในแบ๊กขวาที่ดีที่สุดในโลก

พรสวรรค์ในการครอสบอลจากด้านข้างของเทรนต์ยังคงอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน ถ้า โซบอสไล กับ แม็ค อัลลิสเตอร์ ตอบโจทย์เรื่องการเป็นห้องเครื่องทำงานเต็มสูบให้ทีมได้และสามารถสร้างสรรค์โอกาสทำประตูจากตรงกลางได้ มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เทรนต์จะต้องหุบเข้าไปยืนอินเวิร์ตฟูลแบ๊กให้ประสิทธิภาพการผ่านบอลด้านข้างจากเขาหายไป

แน่นอนครับ เทรนต์เล่นอินเวิร์ตฟูลแบ๊กได้ดี เล่นกองกลางก็เอาตัวรอดได้อย่างที่ทำให้เห็นในเกมทีมชาติอังกฤษ แต่บางทีก็อาจจะเป็นอย่างที่คล็อปป์เคยพูดเอาไว้ก็ได้ คุณจะเอาแบ๊กขวาที่ดีที่สุดในโลกไปยืนตรงกลางทำไม

ที่เทรนต์ต้องไปเล่นตรงนั้นช่วงปลายฤดูกาลที่แล้วเป็นเหตุจำเป็นที่คล็อปป์ต้องหาทางแก้ปัญหาทั้งแดนกลางฟอร์มตกและเกมรับที่หละหลวมของตัวเทรนต์เอง แน่นอนครับมันเป็นการค้นพบที่ดีทีเดียว แต่กับฤดูกาลใหม่การสร้างสรรค์เกมรุกตรงกลางมีคนรับหน้าที่แล้ว มันจะยิ่งดีกว่าไหมถ้ามีเทรนต์เปิดบอลและทำเกมรุกจากด้านข้างให้อีกแรง

ปัญหาเรื่องเกมรับของเทรนต์ก็ยังคงมีอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหนเช่นกัน เขาไม่ได้เป็นแบ๊กที่สมบูรณ์แบบมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพียงแต่ศักยภาพการเปิดเกมรุกทางด้านข้างของเขาคือเบอร์ต้นๆ ของวงการและลิเวอร์พูลซื้อเกมรุกของเขา

ยุครุ่งเรืองของทีมที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและแชมป์ยุโรป เทรนต์ก็ไม่ได้มีเกมป้องกันที่ดีไปกว่าที่เห็นอยู่เท่าไหร่ เพียงแต่แดนหน้าและแดนกลางของทีมขับเคลื่อนได้เต็มสูบ บีบสูงเพรสซิ่งดุดันเอาบอลมาไว้ในครอบครองได้หมด เสียบอลก็ไล่แย่งกลับมาได้เร็วตั้งแต่แดนบน เดินหน้าบดเข้าไปไม่หยุด เทรนต์จึงไม่ได้ถูกคู่ต่อสู้ทดสอบเกมรับมากนักเพราะบอลอยู่ในความครอบครองของทีมเป็นส่วนใหญ่ ผิดกับตอนที่ห้องเครื่องแดนกลางแผ่วและแดนหน้าผลัดกันเจ็บเมื่อซีซั่นก่อนที่บอลทะลักมาถึงเขาอย่างเอิกเกริก

โจทย์ในข้อนี้จึงอยู่ที่การปรับตัวของกองกลางตัวใหม่ทั้ง โซบอสไล และ แม็ค อัลลิสเตอร์ ด้วย ถ้าทั้งคู่ตอบโจทย์ที่คล็อปป์และทีมต้องการได้ แดนกลางของลิเวอร์พูลจะกลับมาเครื่องฟิตไล่ล่าด้วยพลังอีกครั้ง สถิติการเข้าบีบแย่งบอลกลับมาครองของทั้งคู่โดดเด่น และด้วยสเป๊กนี้เองที่ทำให้เราเห็นว่าคล็อปป์ต้องการอะไร

ผมคิดว่าลิเวอร์พูลในภาพของคล็อปป์ฤดูกาลใหม่จะเป็นลิเวอร์พูลที่อัพเกรดไปจากยุค จินี่ ไวนัลดุม-ฟาบินโญ่-จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คือไม่เพียงแต่มีพละกำลังไล่ล่าแย่งบอลที่เสียไปกลับมาครองได้อีกครั้งเท่านั้นแต่ยังสร้างสรรค์โอกาสให้ทีมเพิ่มเติมได้เองด้วย

เมื่อพ่วงเข้ากับเกมริมเส้นของ เทรนต์ กับ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน มันจึงทำให้ลิเวอร์พูลที่เคยอันตรายในเกมด้านข้างซ้าย-ขวาจะยกระดับขึ้นไปเป็นมีตัวเปิดบอลที่ลงโทษคู่ต่อสู้ได้ทั้งจากฝั่งซ้าย ฝั่งขวา.. และตรงกลาง

ผมเดาว่านั่นคือภาพในหัวของคล็อปป์ ภารกิจในเรื่องนี้จึงเป็นการทำอย่างไรให้ แม็ค อัลลิสเตอร์ กับ โซบอสไล ตอบโจทย์ได้ถูกหมดทุกข้อทันเวลาที่ฤดูกาลใหม่จะเริ่ม แต่อย่างน้อยคุณสมบัติของทั้งคู่ก็เป็นพื้นฐานเบื้องต้นว่าคล็อปป์ได้อาวุธที่ถูกต้องมาอยู่ในมือแล้วเพราะวิธีการเล่นเข้ากับความต้องการที่เขาอยากเติมให้ทีม มันแสดงให้เห็นอีกครั้งว่าลิเวอร์พูลไม่ได้ซื้อใครมั่วๆ แต่ผ่านการวิเคราะห์กลั่นกรองอย่างละเอียดที่สุด

และสำหรับใครที่เสียดายบทบาท อินเวิร์ตฟูลแบ๊ก ของเทรนต์ การเริ่มต้นด้วย 4-3-3 และได้ใช้ศักยภาพทางริมเส้นเต็มเปี่ยมเหมือนที่เคย ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ได้กลับไปเล่นตรงนั้นอีกแล้วเสียหน่อย

มันตรงกันข้ามเลยล่ะครับ รูปแบบ 3-2-2-3 ในระหว่างเกมที่มี เทรนต์ ขยับเข้ามายืนตัวในยังจะถูกนำมาใช้แน่ๆ ในบางจังหวะและบางสถานการณ์ของเกม และคราวนี้มันจะไม่ใช่การลองผิดลองถูกแล้วด้วยแต่เป็นรูปแบบที่สามารถใช้งานได้จริงเพราะเคยทำสำเร็จมาแล้ว

นั่นยิ่งกลายเป็นการเพิ่มมิติของเกมขึ้นไปอีก เพราะโมเดลของลิเวอร์พูลฤดูกาลใหม่จะเป็นระบบ 4-3-3 ที่ห้องเครื่องแดนกลางจะได้ทำงานเต็มสูบ ไล่ล่าบอลและสามารถผ่านบอลคิลเลอร์พาสรวมทั้งทำประตูเองได้ มีไดเร็กต์ฟรีคิกที่หวังผลได้เพิ่มขึ้นด้วย ขณะที่การเติมของฟูลแบ๊กสองฝั่งก็จะกลับไปทำงานเต็มที่อีกครั้ง และยังมีรูปแบบอินเวิร์ตฟูลแบ๊กของเทรนต์เป็นแผนสอง

จาก 4-3-3 ที่กองกลางทำหน้าที่แย่งบอลมาให้ฟูลแบ๊กซ้าย-ขวาเป็นอาวุธร่วมกับสามตัวรุก พัฒนาเป็น 4-3-3 ที่ยังคงอันตรายจากฟูลแบ๊กซ้าย-ขวาและสามตัวรุก แต่เพิ่มเติมที่มิดฟิลด์ตรงกลางกลายเป็นอาวุธเพิ่มขึ้นมาด้วยทั้งยิงเองและแอสซิสต์ แล้วยังมีแผนสองที่ระบบอินเวิร์ตฟูลแบ๊ก.. 

นี่คือภาพคร่าวๆ ของลิเวอร์พูลฤดูกาลใหม่ที่ผมมองเห็น มันเป็น 4-3-3 เหมือนเดิมก็จริงแต่วิธีการเล่นมีอาวุธมากขึ้นด้วยคุณภาพผู้เล่นที่ถอดมาตามสเป๊ก หนุ่มแน่น เต็มไปด้วยพลัง และเล่นฟุตบอลฉลาด คนหนึ่งครบเครื่องทั้งรับและรุก อีกคนหนึ่งเซนส์เกมบุกสูง มีส่วนร่วมตลอดกับบอลสุดท้ายก่อนเป็นประตู และทั้งสองคนคุ้นเคยกับบอลเพรสซิ่งแดนบน

มีอาวุธตรงกลางที่ลงโทษคู่ต่อสู้ได้เองอย่างนี้ ขนาบข้างด้วยการทะลุทะลวงของร็อบโบ้ทางซ้าย และลูกครอสมหาประลัยของเทรนต์ทางขวา มี โกดี้ คักโป รับบทฟอลส์ไนน์ หรืออาจจะเป็นซีซั่นปลดล็อกของ ดาร์วิน นูนเญซ ในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า

และในวันที่อึดอัด แผนสองก็จะถูกนำมาใช้ เทรนต์เข้ามายืนเป็นกองกลางอีกคน ปรับระบบเป็น 3-2-2-3 โยนความปั่นป่วนให้เกมรับฝ่ายตรงข้ามด้วยตำแหน่งการยืนที่เปลี่ยนไปกะทันหัน

มันก็น่าตื่นเต้นไม่เบาเหมือนกัน

จะเป็นอย่างนั้นไหมอีกไม่นานคงจะได้รู้กันนะครับ แต่ที่แน่ๆ เมื่อได้เห็นนักเตะทยอยกันมาลงซ้อมอีกครั้ง ความกระชุ่มกระชวยของเดอะค็อปก็กลับคืนมาอีกหนแล้ว

ตังกุย


ที่มาของภาพ : getty images
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport