คนที่ยอมรับอดีต คือคนที่กล้าหาญ

 คนที่ยอมรับอดีต คือคนที่กล้าหาญ
เดเล่ อัลลี เคยเก่งถึงขนาดว่า ตอนวัย 21 ปีเท่ากัน สตาร์ดังอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, พอล สโคลส์ และ เดวิด เบ็คแฮม ไม่มีใครที่มีส่วนร่วมกับประตูบนเวที พรีเมียร์ลีก ได้มากกว่าเขาเลย

เวลานั้น เดเล่ ลงสนาม 63 นัด ทำ 26 ประตูกับอีก 14 แอสซิสต์ เบ็ดเสร็จรวม 40 ลูก ขณะเดียวกัน คนที่มีสถิติรองมาอย่าง ซีอาร์เซเว่น ทำได้แค่ 25 ลูก แบ่งเป็น 14 ประตู และ 11 แอสซิสต์

เดเล่ ประเดิมปีแรกบนลีกสูงสุด อังกฤษ ด้วยการคว้าเบอร์หนึ่งผู้เล่นดาวรุ่งแห่งปีของ พีเอฟเอ

ก้าวต่อมาคือติดธงทีมชาติอังกฤษ เมเจอร์แรกในนาม “ทรี ไลออน์” ชุดใหญ่ คือ ยูโร 2016 ขณะที่ตัวเองอายุแค่ 20 ปี

และบนขวบปีที่สองกับการเล่น พรีเมียร์ลีก เขาก็ต่อยอดรางวัลดาวรุ่งแห่งปีได้อีกสมัย นับเป็นคนที่ 4 ต่อจาก ไรอัน กิ๊กส์, ร็อบบี้ ฟาวเลอร์, เวย์น รูนี่ย์ ที่คว้ารางวัลประเภทนี้สองปีติดจากการลงเล่นสองปีแรก ส่วนคนล่าสุดคือ ฟิล โฟเด้น

ในวัย 21 ปี เดเล่ กลายเป็นกำลังหลักของ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ และทีมชาติอังกฤษ 

เขาเป็นหนึ่งในขุนพลตัวจริงของ “สิงโตคำราม” ที่ทะลุเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก หนแรกในรอบ 28 ปี

คำถามคือ ทำไม เดลลี่ อัลลี กลับไปไม่ถึงจุดสูงสุดอย่างที่ควรจะเป็น ? ทั้งที่เพื่อนร่วมทีมพยายามจะยื่นมือมาช่วยแต่เขากลับเมินเฉยไม่สนใจ

“ผมไม่สนเลย ผมไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากทุก ๆ เล่นเอาคนอื่นงงกันเป็นแถว แต่ผมก็ภูมิใจนะที่ผ่านมาได้จนถึงตอนนี้” เดเล่ เปิดใจภายหลัง

ฤดูกาล 2018/19 เดเล่ ยังคงเป็นนักเตะคนสำคัญของ สเปอร์ส แต่เรื่องจำนวนประตูกับแอสซิสต์ ในเชิงสถิติถือว่า ลดลง 

เขาทำได้ 7 ประตู และ 8 แอสซิสต์ก็จริง แต่นั่นมันคนละเรื่องจากปีก่อน ๆ ที่ยิงได้ 10, 22 และ 14 ตามลำดับ

ถึงอย่างไร เดเล่ ก็พอจะยกข้อปกป้องให้แก่ตัวเองได้ เมื่อเขาต้องประสบปัญหาอาการบาดเจ็บแฮมสตริง และตรงต้นขาจึงลงเล่นได้เพียง 38 นัดจากทุกรายการ

แต่หลังจากนั้น เขาไม่สามารถพาตัวเองให้ไปสู่จุดเดิมได้อีกเลย หรืออย่างน้อยก็ไม่ฉายแววความเก่งได้อีกในยุค เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ จนกระทั่งกุนซืออาร์เจนติน่า อำลาทีมไป

เข้าสู่ภายใต้ผู้จัดการทีม โชเซ่ มูรินโญ่ แรกเริ่มดูเหมือนจะดี เมื่อ 4 เกมแรกภายใต้กุนซือโปรตุกีส เดเล่ ทำได้ 3 ประตู และแอสซิสต์อีกหลายต่อหลายครั้ง

แต่ไม่นาน ฟอร์มดิ่งเหวของ เดเล่ ก็วนกลับมาอีกครั้งจนถึงขนาดที่ว่า มูรินโญ่ ตราหน้าด่าทอต่อหน้าเพื่อนร่วมทีมว่าเขาเป็นคนที่ขี้เกียจในเวลาซ้อม

“บางทีช่วงเวลาที่เศร้าที่สุดสำหรับผมคือตอน มูรินโญ่ เป็นผู้จัดการทีม”

“ผมจำได้ว่าเช้าวันหนึ่งผมต้องไปซ้อม ตอนนั้นเขาไม่ได้เลือกผมลงเล่นแล้ว และผมอยู่ในจุดที่ค่อยโอเคนัก"

“ตอนนั้นอายุ 24 ปี ได้ทำในสิ่งที่ผมรัก แต่ผมจำได้ว่าผมมองตัวเองในกระจกและผมถามว่าผมจะเลิกเล่นเลยดีไหม”

“สำหรับผม ถือว่าใจสลายเลยนะ ที่ตอนนั้นคิดเรื่องเลิกเล่นทั้ง ๆ ที่อายุแค่ 24 ผมเจ็บปวดมาก นั่นคืออีกสิ่งที่ติดตัวผม" เดเล่ เปิดใจล่าสุดกับ แกรี่ เนวิลล์ ผ่านรายการ The Overlap

อย่างไรก็ตาม มูรินโญ่ คุม สเปอร์ส ได้ไม่นาน แล้วเปลี่ยนถ่ายเป็น ไรอัน เมสัน และ นูโน่ เอสปิริโต้ เดเล่ ก็พยายามจะพาตัวเองกลับมา แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ

จนกระทั่ง อันโตนิโอ คอนเต้ เข้ามา นั่นถือเป็นการปิดประตูใส่กลอนกับชีวิตที่ สเปอร์ส เพราะขนาด มูรินโญ่ ยังไม่ยอมรับ แล้วคนที่นิสัยเฮี้ยบเรื่องระเบียบไม่แพ้ใครอย่าง คอนเต้ ไม่มีทางเลยที่นักเตะอย่าง เดเล่ จะเป็นที่รับได้ของกุนซือชาวอิตาเลี่ยน คนนี้

สิ้นเดือนมกราคม ปี 2022 เดเล่ เก็บกระเป๋าย้ายไปอยู่ เอฟเวอร์ตัน ด้วยความหวังว่าจะดึงความเป็นยอดนักฟุตบอลกลับมาได้อีกครั้ง

จนแล้วจนรอด เขาก็ไม่ยังสามารถกลับมาเป็น เดเล่ อัลลี คนเดิมได้ แต่ก็มีโอกาสที่หยิบยื่นมาจาก เบซิคตัส ถึงขนาดที่ประธานสโมสร อาห์เหม็ด นูร์ เซนี่ เคยเปิดใจว่า เดเล่ เป็นนักเตะที่ เบซิคตัส ตื่นเต้นมาก ๆ ในตอนที่ได้ตัวมา

สุดท้าย เดเล่ ก็พังพาบบนเส้นทางอาชีพอีกครั้ง พร้อมกับประโยคคำพูดจากประธาน เบซิคตัส ที่หวังว่า เดเล่ จะกลับมาเป็นผู้เป็นคนได้เหมือนเดิม

“ตอนเราคว้าตัวมาร่วมทีม เขาเป็นนักเตะที่เราตื่นเต้นมาก ๆ แต่เขาจะไม่ได้กลับมาร่วมทีมเราอีกครั้ง เราไม่ได้ในสิ่งที่เราคาดหวังจากตัวเขา ผมหวังว่าเขาจะกลับมาได้ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง” เซนี่ เผย

ถึงตอนนี้ เดเล่ ในวัย 27 ปียังคงเป็นนักเตะของ เอฟเวอร์ตัน และพยายามที่จะกลับมาโลดแล่นเล่นฟุตบอลให้ได้อีกครั้งในยุค ทอฟฟี่สีน้ำเงิน ของ ฌอน ไดซ์

“ผมได้แพสชั่นเรื่องฟุตบอลกลับมาแล้ว ผมพร้อมสำหรับฤดูกาลสำคัญ และผมเตรียมตัวรับมือกับความท้าทายที่มาพร้อมกับสิ่งนั้นได้ดียิ่งกว่าที่เคย"

ขณะที่ เอฟเวอร์ตัน ได้ออกแถลงการณ์พร้อมอยู่เคียงข้าง เดเล่ อย่างเต็มที่ 

"สโมสรนี้ให้การสนับสนุน เดเล่ ทั้งในเรื่องการกลับมาฟิตร่างกาย และเอาชนะความท้าทายส่วนตัวที่บอกไว้ในการให้สัมภาษณ์กับ The Overlap"

"ทุกคนที่ เอฟเวอร์ตัน ให้ความเคารพ และปรบมือให้กับความกล้าหาญของ เดเล่ ที่ออกมาพูดถึงความยากลำบากที่เขาเผชิญ รวมถึงการขอความช่วยเหลือที่จำเป็น"

ฟากฝั่ง โปเช็ตติโน่ คนผู้ปลุกปั้นตอนเริ่มเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ที่ตอนนี้คุมทัพ เชลซี เปิดใจถึงเรื่องว่า หากมีโอกาส เขาก็อยากจะพูดคุยกับ เดเล่ เพื่อจะได้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของอดีตศิษย์คนโปรด

“ผมหวังว่าจะพอมีเวลาโทรไปคุย และได้เจอกับเขา เพราะเขาเป็นคนดีมาก ๆ”

“ผมอยากพูดคุยกับเขานิดหน่อย ผมอยากช่วยเขา และดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขายังหนุ่มยังแน่น แน่นอนว่าเขายังมีจิตใจที่แข็งแกร่ง” พอช เปิดใจ

ไม่รู้ว่า โปเช็ตติโน่ ได้คุยกับ เดเล่ แล้วหรือยัง แต่สิ่งที่เขาอยากรู้ เดเล่ ได้เปิดใจกับ เนวิลล์ คนพี่ ถึงเรื่องราวสาเหตุที่ชีวิตเขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง

เขากล้าออกมาพูดถึงอดีตอันเลวร้ายของตัวเอง และหวังว่าการเปิดใจครั้งนี้จะสามารถช่วยคนอื่น ๆ ได้

เดเล่ เล่าว่าตอนกลับจาก ตุรกี เขาต้องเข้ารับการผ่าตัด และตอนนั้นสภาพจิตใจย่ำแย่มากถึงขั้นติดยานอนหลับจนใช้มันเกินขนาด 

ในแต่ละวันเขาต้องยิ้มแย้มแสร้งว่าตัวเองมีความสุข ทั้งที่ในใจมันไม่ได้เป็นแบบนั้น 

การติดยานอนหลับทำเพียงเพื่อให้ชีวิตผ่านไปแต่ละวันเพื่อหนีความจริงไม่ให้ใครรู้

สำหรับต้นเหตุที่สั่งสมมาตลอดคือการที่เขาซ่อนงำความรู้สึกมาเป็นเวลานาน

“ปัญหาของผมมีมานานแล้ว ผมไม่ได้ตระหนักถึงมันเลย หลาย ๆ สิ่งที่ผมทำเป็นตัวทำให้ความรู้สึกผมเย็นชา”

”ผมไม่ตระหนักว่าผมตั้งใจทำแบบนั้น ไม่ว่าจะเป็นการดื่มหรืออะไรก็แล้วแต่ หลาย ๆ สิ่งที่คนเขาทำกัน”

“แต่ถ้าคุณทำในทางที่ผิด และไม่ได้ทำเพื่อความสบายใจของตัวเอง คุณก็ทำไปเพราะพยายามไล่ตามหรือซ่อนตัวจากบางสิ่ง มันอาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อคุณ”

“เรื่องของผมเริ่มด้วยสิ่งเหล่านั้น และจากนั้นผมก็ติดยานอนหลับ”

คำถามต่อมา ทำไม เดเล่ ถึงต้องเสพมากมายขนาดนั้น มีอะไรฝังอยู่ในจิตใจเขาหรือเปล่า ?

“ตอนที่ผมอายุ 6 ขวบ ผมเคยถูกเพื่อนของแม่ลวนลาม เพราะแม่ของผมติดเหล้า มันเกิดขึ้นตอนผมอายุแค่ 6 ขวบแล้ว” เดเล่ กล้าเปิดใจ

“จากนั้นผมก็โดนส่งตัวไปอยู่ที่ แอฟริกา เพื่อเรียนรู้เรื่องวินัย ก่อนถูกส่งกลับมา และเมื่อผมอายุ 7 ขวบ ผมก็เริ่มสูบบุหรี่ แล้วมาเริ่มขายยาตอนอายุ 8 ขวบ พออายุ 11 ผมโดนแขวนลงจากสะพานโดยคนที่อยู่แถวบ้าน”

ชีวิตของเขาไม่ได้ติดต่อกับพ่อ, แม่แท้ ๆ เลยนับตั้งแต่มีครอบครัวรับไปเลี้ยงดูตั้งแต่อายุ 12

นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไม ตั้งแต่ปี 2016 เขาถึงชื่อหน้า DELE บนชุดแข่งของตัวเอง แทนที่จะใช้นามสกุลเหมือนที่นักเตะส่วนใหญ่ทำกัน 

สำหรับ โปเช็ตติโน่ เขาคือบุคคลสำคัญต่อ เดเล่ อย่างแท้จริง เช่นเดียวกับอดีตเพื่อน ๆ ที่แคมป์ "ไก่เดือยทอง" 

“ผมคงหากุนซือที่ดีกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว มันไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบนักฟุตบอลและผู้จัดการทีมเลย ผมรู้สึกว่ามันลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น”

“เขาเข้าใจในการตัดสินใจที่ผมเลือก ซึ่งเขาก็คอยชี้แนะ เขาใส่ใจผมในฐานะมนุษย์คนหนึ่งมากกว่าในฐานะที่ผมเป็นนักฟุตบอลเสียอีก ซึ่งตอนนั้นผมต้องการแบบนี้”

“คุณตระหนักได้ว่าใครคือเพื่อนที่แท้จริง ไม่ใช่คนที่เอาแต่พูดว่าเห็นด้วย”

“พวกเขามีความหมายมาก และพวกเขาจะติดอยู่ในใจผมเสมอไป”

“คนอย่าง (เอริค) ดายเออร์, (แฮร์รี่) เคน, ซอนนี่ (ซน ฮึง-มิน), (เบน) เดวิส หลายคนเลยที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผมทำ”

“ถ้าหากพวกเขาทราบสิ่งที่ผมทำ พวกเขาก็ไม่เกรงกลัวที่จะเตือนผม โดยเฉพาะ แฮร์รี่ กับ เอริค ทั้งสองคนเป็นคนที่ตรงไปตรงมาสุด ๆ”

การเปิดใจของ เดเล่ ทำให้ โปเช็ตติโน่ ได้รับรู้ถึงเรื่องราว และหลังได้รับฟังแล้ว โปเช็ตติโน่ ก็ได้โพสต์ไอจี สตอรี่ รูปที่ทั้งคู่แท็กมือกัน พร้อมอีโมจิรูปหัวใจ เหมือนเป็นการส่งต่อความรักให้กับ เดเล่

หากตอนนั้น เดเล่ เลือกรับฟัง และยอมรับความช่วยเหลือจากคนอื่น ๆ ชีวิตของเขาตอนนี้จะเป็นอย่างไร?

แต่ที่แน่นอนนี่คือ ตอนนี้เขาได้รับการซัพพอร์ตจากคนรอบข้าง เพื่อหวังให้เขากลับสร้างความสุขบนสนามได้เหมือนเดิม

เรื่องราวของเขาจะเป็นตัวอย่างที่ดีต่อเด็กรุ่นหลัง หรือใครก็ได้ที่เผชิญกับปัญหาแบบเดียวกัน 

“ผมหวังว่าการเปิดใจเรื่องนี้จะช่วยคนอื่นได้ และช่วยผมได้ ผมคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ผมต้องอธิบายและระบายมันออกมา"

ถึงวันนี้ เราอาจไม่ได้ชื่นชม เดเล่ ในฐานะยอดนักฟุตบอลเหมือนแต่ก่อน แต่เราสามารถชื่นชมเขาได้ในฐานะคนที่ยอมรับความทุกข์ของตัวเอง และบอกต่อให้คนอื่น ๆ ได้รับรู้แบบไม่มีอะไรติดอยู่ในใจ

เมื่อเขายอมรับทุกประสบการณ์ เขาก็จะพบจิตวิญญาณของตัวเอง

HOSSALONSO


ที่มาของภาพ : GETTY IMAGE
BY : Hossalonso
ธีรศานต์ คงทอง
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport