แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลีดส์ ยูไนเต็ด เพิ่งเล่นเกมอุ่นเครื่องกันที่กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ เมื่อวันพุธที่ 12 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยนี่ถือเป็นโปรแกรมแรกของทั้ง 2 สโมสรในช่วงปรี-ซีซั่น หนนี้ด้วย ซึ่งเกมจบลงด้วยชัยชนะ 2-0 ของ "ปีศาจแดง"
แน่นอนว่าประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจมากเป็นพิเศษคือการประเดิมสนามของ เมสัน เมาท์ กองกลางคนใหม่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่มันมีอีกหนึ่งประเด็นที่น่าพูดถึงเช่นกัน นั่นคือการที่ทั้ง 2 ทีมต่างก็ร่วมไว้อาลัยและอุทิศเกมนี้ให้กับ กอร์ดอน แม็คควีน
อย่างที่รู้กันดีว่า แมนฯ ยูไนเต็ด และ ลีดส์ ถือเป็นหนึ่งในคู่อริที่มีความเกลียดขี้หน้ากันมากที่สุดคู่หนึ่งของวงการฟุตบอลอังกฤษ ด้วยต้นเหตุที่มาจากความบาดหมางทางประวัติศาสตร์ของประเทศอังกฤษ ดังนั้นมันจึงหาได้ยากพอตัวที่พวกเขาจะทำเรื่องสุดซึ้งแบบนี้ร่วมกันได้ และหลายคนก็อาจจะสงสัยว่า แม็คควีน คนนี้คือใครกัน
ถ้าพูดแบบสั้นๆ ก็คือ แม็คควีน เป็นหนึ่งในนักเตะไม่กี่คนในโลกนี้ที่หาญกล้าพอที่จะทำการย้ายทีมข้ามฟากระหว่าง ลีดส์ กับ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยเขาเคยเล่นให้ "ยูงทอง" ในช่วงปี 1972-1978 แล้วจากนั้นก็ไปซบตัก "ปีศาจแดง"
เกริ่นก่อนว่า แม็คควีน ฉายแววเด่นได้ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นเด็ก เขาเริ่มจากการเล่นเป็นผู้รักษาประตูในสมัยที่ยังอยู่ในโรงเรียนก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นเซนเตอร์แบ็ก โดยอดีตกองหลังชาวสกอตต์ได้เซ็นสัญญากับ เซนต์ เมียเรน ทีมในแดนวิสกี้ด้วยวัยเพียง 18 ปี และหลังจากนั้นแมวมองของ ลีดส์ ก็ไปเจอเขา จนทำให้ ลีดส์ ยอมจ่ายเงิน 30,000 ปอนด์ (เทียบเป็นค่าเงินในปัจจุบันอยู่ที่ 506,447 ปอนด์) เพื่อเอาเขาไปร่วมทัพ
ในฤดูกาล 1973-74 แม็คควีน ได้กลายเป็นแกนหลักของทีมหลังจาก แจ็ค ชาร์ลตัน ปราการหลังประสบการณ์สูงเลือกที่จะแขวนสตั๊ด ซึ่งเขาก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมจนถึงขั้นพา ลีดส์ คว้าแชมป์ ดิวิชั่น 1 หรือลีกสูงสุดของอังกฤษในสมัยนั้น โดยที่ ลีดส์ ถึงขั้นเคยไม่แพ้ใครเลยในช่วง 29 นัดแรกของฤดูกาลด้วย
พอถึงซีซั่น 1974-75 แม็คควีน ก็สานต่อฟอร์มที่ยอดเยี่ยมได้ด้วยการทำไปถึง 3 ประตูในศึก ยูโรเปี้ยน คัพ หรือก็คือชื่อเดิมของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งนั่นมีส่วนทำให้ ลีดส์ ทะลุไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้ แต่น่าเศร้าที่ แม็คควีน ติดโทษแบนในวันนั้นหลังโดนไล่ออกในรอบรองชนะเลิศกับ บาร์เซโลน่า ส่งผลให้ในนัดชิงดำ ลีดส์ แพ้ให้กับ บาเยิร์น มิวนิค 0-2
ด้วยผลงานที่น่าประทับใจแบบนั้นทำให้มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ แม็คควีน จะถือเป็นขวัญใจของแฟนบอล ลีดส์ แต่ในช่วงซัมเมอร์ ปี 1978 เขากลับย้ายไปอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 500,000 ปอนด์ (เทียบเป็นค่าเงินในปัจจุบันอยู่ที่ 3.67 ล้านบาท) ซึ่งนั่นทำให้เขาถือเป็นนักเตะจากชาติในเครือสหราชอาณาจักรที่มีค่าตัวสูงที่สุดในขณะนั้น
ที่จริงไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้าที่จะย้ายทีมนั้น แม็คควีน ยังบอกเลยว่าเขาอยากอยู่กับ ลีดส์ ไปจนแขวนสตั๊ด ดังนั้นไม่ต้องบอกก็คงจะรู้ว่าแฟนบอล ลีดส์ จะช็อกสุดๆ ที่เขาย้ายออกจากทีม แถมยังเป็นการไปเล่นให้อริตัวเอ้อีก ซ้ำร้ายกว่านั้น แม็คควีน ยังพูดประโยคเด็ดที่ทำให้แฟนบอล ลีดส์ ช้ำใจมากกว่าเดิมด้วย
"นักเตะ 99 เปอร์เซ็นต์ต่างก็อยากเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กันทั้งนั้น ส่วนที่เหลือเป็นพวกตอแหล"
ในซีซั่นแรกของเขากับ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้น แม็คควีน พาทีมไปถึงรอบชิงชนะเลิศของศึก เอฟเอ คัพ ได้ แถมเขายังทำประตูให้กับทีมได้ด้วย น่าเสียดายที่วันนั้น "ปีฯศาจแดง" แพ้ อาร์เซน่อล 2-3 ไปแบบสุดชอกช้ำ โดยวันนั้น อาร์เซน่อล นำไปก่อน 2-0 ก่อนที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะตีเสมอเป็น 2-2 ได้จากประตูของ แม็คควีน ในนาทีที่ 86 กับ แซมมี่ แม็คอิลรอย ในนาทีที่ 88 แต่ทาง "ไอ้ปืนใหญ่" มาได้ประตูชัยจาก อลัน ซันเดอร์แลนด์ ในนาทีที่ 89
ถึงกระนั้น โชคชะตาก็ไม่โหดร้ายกับ แม็คควีน มากเกินไป เพราะในฤดูกาล 1982-83 แมนฯ ยูไนเต็ด ทะลุถึงนัดชิงชนะเลิศของ เอฟเอ คัพ ได้อีกครั้ง โดยในนัดแรกมันจบลงที่การเสมอกัน 2-2 แต่ในนัดรีเพลย์ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะไปแบบขาดลอย 4-0 จนทำให้ แม็คควีน มีแชมป์ติดมือเป็นหนแรกกับ แมนฯ ยูไนเต็ด
พอถึงช่วงก่อนเดือนสิงหาคม ปี 1983 แม็คควีน ก็ได้แชมป์ร่วมกับทีมอีกรายการหลังจากพาสโมสรเอาชนะ ลิเวอร์พูล ในเกม คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ไปได้ แต่นั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้แชมป์ร่วมกับทีม เพราะเขาโดนอาการบาดเจ็บตรงหัวเข่าตามเล่นงานอย่างต่อเนื่องจนแยกทางกับทีมในปี 1985
หลังจากนั้น แม็คควีน ไปเล่นกับ เซโกะ ทีมในลีกสูงสุดของฮ่องกง แต่พอเล่นไปได้ 1 ฤดูกาลเขาก็ตัดสินใจแขวนสตั๊ด โดยชีวิตหลังเลิกเล่นของเขาไม่ได้น่าหวือหวาอะไร หลังจากเคยรับงานสตาฟฟ์กับ มิดเดิ้ลสโบรห์ และเคยคุม แอร์ดรีโอเนี่ยนส์ ทีมในสกอตแลนด์
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนตุลาคม ปี 2011 แม็คควีน ถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งกล่องเสียง และพอถึงเดือนมกราคม ปี 2021 เขาก็เจอว่าตัวเองเป็นโรคหลอดเลือดสมองอีก ซึ่งโรคดังกล่าวเกิดกับนักฟุตบอลหลายคนจากการที่เคยโหม่งบอลอยู่บ่อยๆ และพอถึงวันที่ 15 มิถุนายน ปี 2023 เขาก็สิ้นใจด้วยวัย 70 ปี ท่ามกลางความเสียใจของหลายคน
- เด็กเกร็ดบอล -