ในที่สุด เดแคลน ไรซ์ ก็จ่อย้ายจาก เวสต์แฮม ไปค้าแข้งกับ อาร์เซน่อล แล้วหลังจากสองสโมสรของกรุงลอนดอนตกลงค่าตัวนักเตะกันได้ที่หลัก 105 ล้านปอนด์
หลังพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก ได้เมื่อเดือนมิ.ย. ไรซ์ ก็สามารถย้ายออกจาก เดอะ แฮมเมอร์ส ไปร่วมทีม เดอะ กันเนอร์ส ได้อย่างเต็มภาคภูมิซึ่งเชื่อได้เลยว่าจะทำให้ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ถูกจับตามองอย่างหนักต่อการควักจ่ายอย่างมหาศาลเสริมทัพในคราวนี้
ขณะเดียวกัน เวสต์แฮม เองก็จะมีงบช็อปปิ้งที่สามารถนำไปซื้อหากองกลางมาทดแทน ไรซ์ ได้หลายราย และยิ่งพิจารณาค่าตัว 105 ล้านปอนด์ของมิดฟิลด์ที่เหลือสัญญากับถิ่น ลอนดอน สเตเดี้ยม อีกแค่ปีเดียวเท่านั้นก็เห็นได้ชัดว่า เวสต์แฮม ดำเนินธุรกิจได้อย่างชาญฉลาดดีแท้
ฉะนั้นแล้ว กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่า อาร์เซน่อล จ่ายเงินได้อย่างคุ้มค่าหรือไม่ต่อการคว้า ไรซ์ มาเป็นสมาชิกใหม่เพื่อเพิ่มโอกาสท้าทายตำแหน่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก จาก แมนฯ ซิตี้
- ค่าตัว 105 ล้านปอนด์
เท่าที่ผ่านมา เดวิด มอยส์ นายใหญ่ เดอะ แฮมเมอร์ส ยืนยันชัดเจนว่าทีมที่ต้องการได้มิดฟิลด์คนเก่งของเขาไปเสริมทัพจำเป็นต้องจ่ายเงินไม่ต่ำกว่า 100 ล้านปอนด์
"ผมคิดว่าผมพูดแบบนี้ถึง เดแคลน ทุกครั้ง เขาเป็นนักเตะที่มีความสำคัญมากต่อ เวสต์แฮม เขามีคุณค่าและมีความหมายต่อทีม" กุนซือสกอตต์เอ่ยถึงกัปตันวัย 24 ปี
"ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เดแคลน เป็นนักเตะชั้นยอด เขาจะเป็นนักเตะบริติชค่าตัวแพงที่สุดหากเขาไปจาก เวสต์แฮม" มอยส์ เสริม
สุดท้ายแล้ว ไรซ์ มีค่าตัว 105 ล้านปอนด์แม้จะไม่ทำลายสถิติของลีกเมืองผู้ดีที่ เชลซี ดึง เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ มาร่วมชายคาเมื่อเดือนม.ค.ในราคา 106 ล้านปอนด์ก็ตาม
- ถึงเวลาย้าย
แน่นอนอยู่แล้วว่า มอยส์ อยากให้ ไรซ์ รับใช้สโมสรต่อไป แต่เขายอมรับเช่นกันเมื่อเดือนพ.ค.ว่าอาจต้องเสียคีย์แมนคนสำคัญ
"เราหวังว่า เดแคลน จะอยู่ต่อ เราอยากให้เขาเป็นนักเตะของ เวสต์แฮม แต่เราตระหนักเช่นกันว่ามันอาจไม่เป็นอย่างนั้น แผนของเราคือมี เด็ค อยู่ที่นี่ แต่เรารู้ว่ามีโอกาสสูงที่เราจะไม่มีเขา"
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนก.พ. มาร์ค โนเบิ้ล อดีตนักเตะซึ่งหันมาสวมบทผู้อำนวยการกีฬาของสโมสรเอ่ยออกมาในทำนองเดียวกันว่า "เด็ค ไม่ต่างจากนักเตะคนอื่นๆ เด็ค จะได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะที่วิเศษของ เวสต์แฮม แต่ผมไม่คิดว่าจะมีใครหยุดการย้ายทีมของเขาได้"
ขณะเดียวกัน ตัวนักเตะเองแสดงความชัดเจนเช่นกันว่ากระหายฟาดแข้งในฟุตบอลรายการใหญ่
"ผมอยากเล่นฟุตบอล แชมเปี้ยนส์ลีก 100% ผมเล่นให้สโมสรได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย และผมรู้สึกว่าอยากก้าวไปอีกขั้น ผมเห็นเพื่อนๆได้เล่นถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก และได้แชมป์ มันเป็นสิ่งที่คุณอยากได้สัมผัสเมื่อถึงเวลาที่คุณมองย้อนกลับไปในอาชีพนักเตะ"
ถึงตรงนี้ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าการย้ายทีมของ ไรซ์ ทำให้ทุกฝ่ายแฮปปี้ด้วยกันทั้งหมดภายใต้สถานการณ์วิน-วินทั้งตัวนักเตะเอง , เวสต์แฮม ที่ได้เงินก้อนโต รวมทั้ง อาร์เซน่อล ที่เสริมทัพได้อย่างที่ต้องการ
- ค่าตัวแพงเวอร์
เป็นธรรมดาที่ฝีเท้าของ ไรซ์ ไม่ได้เข้าตาทุกคนไปซะหมดหลัง เวสต์แฮม ประกาศตั้งค่าตัวนักเตะแพงลิบเกินกว่า 100 ล้านปอนด์
อย่างน้อย โธมัส แฟร้งค์ กุนซือทีม เบรนท์ฟอร์ด ตั้งข้อสังเกตเมื่อเดือนก่อนว่า ไอแวน โทนีย์ น่าจะมีค่าตัวแพงกว่า ไรซ์ ด้วยซ้ำไป แถม จิลแบร์โต้ ซิลวา อดีตสตาร์ เดอะ กันเนอร์ส เองก็อดสงสัยค่าตัวของกองกลางอิงลิชไม่ได้
"ปกติแล้วค่าตัวระดับนี้สมเหตุสมผลสำหรับกองหน้ามากกว่ากองกลาง ผมรู้สึกว่ามันแพงเกินไปแม้ผมจะไม่สงสัยคุณภาพของนักเตะ แต่ผมรู้สึกว่ามันแพงเกินไปจริงๆ" อดีตดาวดังทีมชาติ บราซิล กล่าว
ไม่เพียงเท่านั้น หากแต่แฟนบอลส่วนใหญ่ระบุเช่นกันว่าแม้เขาจะมีความสำคัญต่อทีม แต่ฟอร์มของเขายังไม่ถึงขั้นเวิลด์คลาสจนสโมสรต้องจ่ายแพงลิบลิ่ว
- บทบาทที่แท้จริง
ตามปกติ ไรซ์ จัดเป็นมิดฟิลด์ตัวต่ำทั้งกับ เวสต์แฮม และทีมชาติ อังกฤษ ภายใต้ระบบ 4-2-3-1 หรือจะเป็นในระบบกองกลางสามรายก็ได้
หน้าที่หลักของเขาคือการทำตัวเป็นเหมือนนักเตะที่คอยปัดกวาดบอลอันตรายอยู่หน้าแผงหลังประดุจเกราะป้องกันอีกชั้น และในยามที่ทีมได้ครองบอล เขาจะเป็นคนแรกที่เริ่มต้นทำเกมรุกไม่ว่าจะเป็นการผ่านบอล หรือพาบอลลุยไปข้างหน้าด้วยตัวเอง
แน่นอนว่านักเตะประเภทนี้หาไม่ได้ง่ายๆ ด้วยเหตุนี้ อาร์เซน่อล จึงกระหายเซ็นสัญญากับ ไรซ์ ใจจะขาด ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ เองก็เสาะหาตัวแทนของ แฟร์นานดินโญ่ มาพักหนึ่งแล้วเนื่องจากในตอนแรก โรดรี้ ยังทุลักทุเลกับบทบาทนี้ ขณะที่ ลิเวอร์พูล พึ่งพา ฟาบินโญ่ ทำหน้าที่นี้เช่นกัน
กาเซมีโร่ เป็นอีกรายที่เล่นในสไตล์นี้ และส่งผลให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีผลงานที่ดีขึ้นทันตาเห็น และที่สำคัญมันฟ้องว่าทั้ง ลีดส์ และ เลสเตอร์ ตกต่ำจนถึงกับตกชั้นเนื่องจากขาย คัลวิน ฟิลลิปส์ ออกไป ขณะที่ วิลเฟร็ด เอ็นดีดี้ ฟอร์มตก
- จ่ายบอลอย่างแจ่ม
ในหลายซีซั่นหลัง ไรซ์ พัฒนาการผ่านบอลได้อย่างน่าทึ่งโดยในช่วงต้นอาชีพนักเตะ เขาถูกวิจารณ์ว่าเน้นเล่นแบบเซฟตี้มากเกินไป
จากซีซั่นแรก 2017/18 ที่เขากระโดดขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ เวสต์แฮม ได้สำเร็จ ไรซ์ มีสถิติผ่านบอลไปข้างหน้าเฉลี่ยแค่ 2.26 ครั้งเท่านั้นตลอด 90 นาทีในเกม พรีเมียร์ลีก แต่ถัดมาในทุกๆซีซั่น การผ่านบอลไปข้างหน้าของเขาพัฒนาขึ้น และมันพีกที่สุดในซีซั่น 2021/22 ซึ่งเขาสร้างผลงานได้ 7.25 ครั้งต่อ 90 นาทีแม้ซีซั่นล่าสุดตัวเลขจะตกลงไปเล็กน้อยก็ตาม
พร้อมกันนี้ เขายังผ่านบอลได้อย่างหลากหลายด้วยทั้งการวางบอลยาวด้วยเท้าทั้งสองข้างให้กับปีกของทีม ตลอดจนแทงบอลแบบทะลุช่องให้กับกองหน้าซึ่งจะว่าไปแล้ว ไรซ์ เป็นเหมือนเพลย์เมคเกอร์นั่นเองที่คอยบงการเกมอย่างกระตือรือร้นจากแดนหลัง
- กระชากลากเลื้อยไม่เลว
นอกเหนือจากการพัฒนาในเรื่องผ่านบอลแล้ว ถึงขณะนี้ ไรซ์ เพิ่มขีดความสามารถด้วยการกระชากบอลหนีคู่แข่งได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกันโดยในเกม พรีเมียร์ลีก ช่วงแรกๆเขามีผลงานพาบอลหนีคู่แข่งได้ 1.13 ครั้งต่อ 90 นาที (คิดจากระยะเกินกว่า 10 หลาขึ้นไป) แต่ในระยะหลัง เขาทำได้ดีขึ้นเป็นเท่าตัว
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังพัฒนาการพาบอลหนีฝ่ายตรงข้ามในพื้นที่อันตรายได้มากขึ้นอีกด้วยซึ่งถือเป็นการเพิ่มเขี้ยวเล็บให้กับตัวเองนอกเหนือไปจากการผ่านบอลสั้น หรือว่าไล่เพรสทีมคู่แข่ง
- อดีตกองหลัง
อันที่จริง ไรซ์ เริ่มเล่นเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟมาก่อน มันจึงสะท้อนให้เห็นถึงความระแวดระวังของเขา แถมไม่น่าประหลาดใจเช่นกันที่ซีซั่น 2022/23 ไม่มีนักเตะคนไหนแย่งบอลได้มากไปกว่าเขา (63ครั้ง) ขณะที่ ไรซ์ ติดอยู่ในโผท็อปเทนนักเตะที่เข้าปะทะได้ดีที่สุดในสองซีซั่นที่ผ่านมา แถมไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเล่นลูกกลางอากาศได้อย่างทรงพลังไม่แพ้ใครด้วย
เป็นเพราะว่าเคยสวมบทปราการหลังมาก่อน ไรซ์ จึงพร้อมลงเล่นเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟได้หากทีมต้องการอย่างที่ เชลซี ซึ่งสนใจเซ็นสัญญากับเขาเช่นกันแย้มว่าต้องการได้สตาร์ เดอะ แฮมเมอร์ส ไปทำหน้าที่ในแผงแบ็คทรี
นี่เองที่ทำให้ ไรซ์ เป็นนักเตะในยุคโมเดิร์นซึ่งทั้งเล่นเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟได้ และมีพรสวรรค์ที่จะเล่นเกมรุกได้เช่นกัน
- คลำเป้าก็เป็น
อาจไม่ใช่คุณสมบัติเด่น แต่ ไรซ์ พร้อมสอยตาข่ายให้ทีมได้ดังจะเห็นว่าในสองซีซั่นหลังเขาเขยิบตัวเองยิงประตูให้ทีมในทุกรายการเพิ่มเป็น 5 ประตูเท่ากันซึ่งถือว่าไม่เลวเลยสำหรับพ่อค้าแข้งในตำแหน่งนี้
และที่แน่ๆ แต่ละประตูล้วนมีความหมายทั้งนั้นอย่างเช่นในเดือนต.ค. เขาเข่นประตูให้ทีมบุกไปเสมอกับ เซาธ์แฮมป์ตัน 1-1 ขณะที่ในเกมรองสุดท้ายของซีซั่น เขาประเดิมกระทุ้งเม็ดแรกพาทีมเปิดบ้านสยบ ลีดส์ 3-1 โดยที่ยังไม่นับรวมประตูในทีมชาติ อังกฤษ ซึ่งเขากดเม็ดเบิกร่องให้ ทรี ไลอ้อนส์ บุกคว่ำ อิตาลี 2-1 ในศึก ยูโร 2024 รอบคัดเลือกซึ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นมิดฟิลด์ที่ครบเครื่องของเขา
- กร่ำประสบการณ์เกินอายุ
คล้ายกับว่า ไรซ์ โลดแล่นในสังเวียนแข้งมานานแล้ว แต่เขามีอายุ 24 ปีเท่านั้น และยังเหลือเส้นทางการค้าแข้งอีกยาวไกลโดยถึงขณะนี้เขาลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก เกินกว่า 200 นัดไปแล้ว และอย่าลืมว่าดาวเตะชาวลอนดอนมีประสบการณ์ในเกมยุโรปกับทั้งสโมสร และทีมชาติอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ไรซ์ ได้ทำหน้าที่กัปตันทีม เวสต์แฮม หลังจาก โนเบิ้ล รีไทร์เมื่อซัมเมอร์ก่อนซึ่งแม้ดาวเตะจอมเก๋าจะทิ้งภาระสำคัญในห้องแต่งตัวเอาไว้ แต่ ไรซ์ แสดงความเป็นผู้นำได้อย่างยอดเยี่ยมโดยไม่เว้นแม้แต่ในเกมที่ทีมโชว์ฟอร์มได้อย่างเลวร้ายซึ่งเขาสามารถเชื่อมโยงแฟนบอลกับนักเตะได้อย่างน่าทึ่ง
- บทสรุป
เป็นเรื่องเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเกิดข้อถกเถียงว่า ไรซ์ เป็นมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดในยุคนี้หรือเปล่า แต่คำถามที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือเขาสมควรมีค่าตัวแพงลิบลิ่วชนิดที่จำเป็นต้องปล้นแบงค์มาทุ่มซื้อเลยหรือไม่
อย่างไรก็ดี มันกลายเป็นดราม่าที่เกิดขึ้นมานานแล้วสำหรับนักเตะอิงลิชที่ถูกมองว่ามีค่าตัวแพงระยับเมื่อถึงคราวย้ายสังกัดในประเทศตัวเองซึ่งถือเป็นเรื่องที่มีความสลับซับซ้อน
ครั้นจะมองในแง่การทุบสถิติ มันย่อมส่งผลดีต่อมูลค่าลิขสิทธิ์ของ พรีเมียร์ลีก ซึ่งทำให้ลีกยุโรปรายอื่นๆพากันอิจฉาตาร้อนที่ลีกเมืองผู้ดีได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลก
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร สัจธรรมก็คือในเมื่อ ไรซ์ สร้างชื่อเป็นนักเตะชั้นยอดที่มีมูลค่าดั่งทอง และตกเป็นที่ต้องการของหลายสโมสร มันจึงเป็นธรรมดาที่ค่าตัวของเขาจะถีบสูงขึ้นเพื่อรอให้ทีมเงินหนามาคว้าไปครอบครอง