หมายเลข 7 ของสโมสรลิเวอร์พูล มีความสำคัญอย่างไร?!
1. โทษฐานที่ ลุยซ์ ดิอาส เปลี่ยนหมายเลขเสื้อใหม่ จากเบอร์ 23 เป็นเบอร์ 7 ในฤดูกาล 2023/24 ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าเบอร์ 7 ก็เคยเป็นเบอร์สำคัญระดับตำนานของ ลิเวอร์พูล เช่นกันนี่หว่า !!!
เฉพาะอย่างยิ่งตอนที่พวกเขาครองความเป็นมหาอำนาจลูกหนังอังกฤษในยุค 70's และ 80's
กระทั่งช่วงหลังๆ คือหลังจากห่างเหินแชมป์ลีกสูงสุดเป็นเวลานานที่ดูจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับหมายเลขนี้สักเท่าไหร่
2. มันน่าจะมีจุดเริ่มต้นจาก เควิน คีแกน ดาวเตะที่กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งหมายเลข 7 แห่งหงส์แดงผู้อหังการคนแรก
เจ้าของสมญา 'ไมตี้เม้าส์' ลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล ทั้งหมด 321 นัด (ทุกรายการ) ตะบันไป 100 ประตูพอดิบพอดี คว้าแชมป์ลีกสูงสุด 3 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย, ยูโรเปี้ยน คัพ 1 สมัย และยูฟ่า คัพ 2 สมัย ก่อนย้ายไปค้าแข้งในศึกบุนเดสลีกา กับ ฮัมบูร์ก ในปี 1977 ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 5 แสนปอนด์
แต่ผู้เล่นหมายเลข 7 ที่คลาสสิกตลอดกาลมากที่สุดของ ลิเวอร์พูล คือ เซอร์ เคนนี่ ดัลกลิช ที่ย้ายจาก กลาสโกว์ เซลติก มาแทนที่ 'คิง เคฟ' นี่แหละ
เจ้าของสมญา 'คิง เคนนี่' สานต่อหมายเลข 7 ได้อย่างยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่กว่าเจ้าของหมายเลข 7 คนเดิมเสียอีก
เขาคือดาวเตะระดับตีนพระกาฬในยุคที่ ลิเวอร์พูล เกรียงไกรแบบสุดขีดคลั่ง เฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เล่นเป็นกองหน้าคู่กับ เอียน รัช
เท่านั้นไม่พอ
หลังจาก โจ เฟแกน อำลาตำแหน่งผู้จัดการทีมในปี 1985 เคนนี่ ดัลกลิช สวมบทผู้เล่นและผู้จัดการทีมช่วยให้หงส์แดงคว้า 'ดับเบิ้ลแชมป์' เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ในเครื่องนุ่งห่มหงส์แดง เขาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ถึง 6 สมัย, ยูโรเปี้ยน คัพ 3 สมัย, ลีก คัพ 4 สมัย และเอฟเอ คัพ 1 สมัย ก่อนแบกรับความกดดันในการแย่งแชมป์กับ อาร์เซน่อล ในฤดูกาล 1990/91 ไม่ไหวจึงตัดสินใจทิ้งทีมแบบดื้อๆ อันเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความตกต่ำของ ลิเวอร์พูล ที่ต้องรอแชมป์ลีกสูงสุดอีกนานถึง 30 ปี
3. ขณะที่สวมบทผู้เล่นและผู้จัดการทีมของ ลิเวอร์พูล 'คิง เคนนี่' ซื้อกองหน้าคนใหม่ เพื่อมาสวมใส่หมายเลข 7 แทนตัวเขา
ปีเตอร์ เบียร์ดส์ลี่ย์ อดีตผู้เล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ไม่เคยลงเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เลยสักนัด !!!
'หลอเล็ก' รับใช้พญาหงส์เป็นเวลา 4 ฤดูกาล กะซวกตาข่ายไป 61 ดอก คว้าแชมป์ลีกสูงสุด 2 สมัย และ
เอฟเอ คัพ 1 สมัย ก่อนข้ามสวนไปอยู่กับ เอฟเวอร์ตัน ในปี 1991 ถือเป็นอีกหนึ่งหมายเลข 7 ในตำนานของ ลิเวอร์พูล
4. หมายเลข 7 จาก เควิน คีแกน ถึง เคนนี่ ดัลกลิช ถึง ปีเตอร์ เบียร์ดส์ลี่ย์ ล้วนประสบความสำเร็จ
ฉะนั้น & ฉะนี้
ผู้ที่จะมาสวมเสื้อหมายเลข 7 คนต่อไป ต้องจัดอยู่ในระดับตีนมหาประลัย
ปี 1993 ลิเวอร์พูล จึงไปคว้า ไนเจล คลัฟ จาก ฟอเรสต์ มาร่วมทีมด้วยค่าตัวรุนแรงถึง 2.25 ล้านปอนด์
ไนเจล คลัฟ คือบุตรแห่ง ไบรอัน คลัฟ กุนซือปากเลื่อยไฟฟ้ามหาประลัยในตำนาน เขาแจ้งเกิดกับทีมเจ้าป้าด้วยการยิงถึง 101 ประตูใน ดิวิชั่น 1 (โบราณ)
อนิจจา...เมื่อสวมหมายเลข 7 ของหงส์แดง เขากลับโชว์ฟอร์มน่าผิดหวัง โดยยิงในลีกสูงสุดได้แค่ 7 ประตูเท่านั้นจากการเล่น 3 ฤดูกาล
สุดท้ายจึงต้องระเห็จไปอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ โดยไม่เคยกลับคืนสู่ฟอร์มกระฉูดแตกเหมือนตอนค้าแข้งให้ ฟอเรสต์ อีกเลย
5. ผู้เล่นหมายเลข 7 ในตำนานหงส์แดงอีกคนคือ สตีฟ แม็คมีมานาแล้ว เอ๊ย! แม็คมานามาน
'แม็คก้า' คือดาวรุ่งประเภทเด็กสร้างของสโมสรผู้ถือกำเนิดจากหยดอสุจิคุงของนกเด้าลม ลิเวอร์เบิร์ด
ขนานแท้ที่โด่งดังขึ้นมาคู่กับ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์
อย่างไรก็ตาม
ตลอดช่วงเวลา 9 ปีที่สวมใส่เบอร์ 7 แห่ง เดอะ ค๊อป ปีกขวาผมสลวยสวยเก๋ย์ผู้นี้ไขว่คว้าได้แค่แชมป์ เอฟเอ คัพ กับ ลีก คัพ อย่างละ 1 สมัย จนต้องขอลาไปไล่ล่าความสำเร็จกับ เรอัล มาดริด
นับตั้งแต่นั้นหมายเลข 7 ในถิ่น แอนฟิลด์ ก็ค่อยๆ ลดความสำคัญลงไป ไม่เข้มขลังสักเท่าไหร่
กระทั่งการมาของดาวเตะจากอเวจีคนนั้น
หลุยส์ 'เฉาะเหลี่ยมกะโหลก' ซัวเรส
ฤดูกาล 2013/14 'พี่จอบ' กระหน่ำไปถึง 31 ประตูในพรีเมียร์ลีก แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ ลิเวอร์พูล สิ้นสุดการรอคอย เพราะ 'พี่เจิด' ดันเสียการทรงตัวและหัวใจในเกมพ่าย เชลซี แบบคาถิ่น
ตลอดเวลา 4 ฤดูกาลที่สวมใส่หมายเลข 7 เขายิงไปทั้งหมด 82 ประตู แต่กลับเคยคว้าแชมป์ ลีก คัพ ได้แค่ครั้งเดียวจากการเอาชนะโคตรทีมอย่าง คาร์ดิฟฟ์ ในการดวลจุดโทษ
...ว่าแล้ว หลุยส์ ซัวเรซ จึงขออำลาไปแทะท่อไอเสีย เอ๊ย...ไม่ใช่ ไปขึ้นยานแม่ที่ คัมป์ นู ต่างหากพลางทิ้งเสื้อเบอร์ 7 เอาไว้ให้ เจมส์ มิลเนอร์
และเมื่อนักเตะที่พวกพรี่ๆ เรียกอย่างน่ารักว่า 'รองเจมส์' เลื้อยตูดออกจากเครื่องนุ่งห่มหงส์แดง - นัมเบอร์ 7 ก็ว่างลงอีกครั้ง ก่อนที่มันจะตกเป็นสมบัติของ ลุยซ์ ดิอาส ปีกชาวเผ่าที่เหมือนจะเหมาะสมกับหมายเลขในตำนานหมายเลขนี้จริงๆ
"บอ.บู๋"