บทบาทของแม็ค อัลลิสเตอร์

บทบาทของแม็ค อัลลิสเตอร์
เจอร์เก้น คล็อปป์ บอสใหญ่แห่ง แอนฟิลด์ พูดถึงนักเตะใหม่ของเขาไว้อย่างน่าสนใจ

"พวกเรากำลังเสริมเด็กหนุ่มที่มีทั้งความสามารถ, ความฉลาด, เทคนิคและทักษะอย่างมากมายมาร่วมทีมของเรา"

"ผมไม่คิดว่าโลกฟุตบอลอยากให้ผมพูดถึงคุณภาพ อเล็กซิส เท่าไหร่นัก ด้วยเพราะคนส่วนมากรู้จักเขาดีอยู่แล้ว"

"นี่คือนักเตะที่เล่นได้หลากหลายตำแหน่งในแดนกลาง มีความสามารถรอบด้าน ที่ผมอยากบอกคือเขานิ่งและเยือกเย็น รวมทั้ง เป็นนักเตะที่มีความฉลาดในการเล่นเกม"

สองสามประโยคสุดท้ายคือ "คีย์ แมสเสจ" ของเรื่องนี้

ด้วยเพราะมันหมายถึง "เชิงแทกติก" ที่ เจเค จะใช้ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ในทีมอย่างแน่นอน 

คำถามคือ... เขาจะเข้าระบบGegen pressing ได้มั้ย???

จากความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในซีซั่นที่ผ่านมา ทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงตัว เจอร์เก้น คล็อปป์ ผ.จ.ก. ว่าควรดึงนักเตะกองกลางมาเสริมทีมเพิ่ม เพราะเท่าที่มีอยู่จะทำให้ทีมนั้นลดระดับมาอยู่แค่พื้นที่ ยูโรปา ลีก

จริงๆแฟนบอลวิจารณ์กันมาก่อนเปิดซีซั่นแล้วว่า เจเค ไม่ซื้อแดนกลางมาเสริมทีมเลย และระหว่างซีซั่นเขายอมรับว่า "ผิดพลาด" ที่ไม่มีกองกลางมาเสริมทีม จนกระทั่งมารู้ตัวว่าทีมของตัวเองไม่สามารถเล่นบอลแบบ "เกเก้น เพรสซิง" ได้เหมือนเดิม

แดนกลางจึงเป็น "บ่อ" น้ำมัน เพรสคู่แข่ง ไม่จน เพรสแย่งบอลคู่แข่งไม่ได้ บอลจึงหลุดเหมือนไฟเขียวผ่านตลอดถึงกองหลัง ซึ่งนอกจากหลายคนฟอร์มตก บางคนก็ไม่เก่งเรื่องการป้องกันแบบ 1-1 อีกเมื่อบวกกับการเล่นในแบบ  high line เท่ากับเปิดพื้นที่ให้คู่แข่งใช้สอยมากมาย

ลิเวอร์พูล จึงเป็นทีมที่เสียประตูง่ายมาก แถมเสียเร็วเหมือนต่อให้ก่อนกว่า 60-70% 

แน่นอนกองหลังมีส่วนรับผิดชอบ...แต่ด้วยระบบ เกเก้น เพรสซิง ที่ทำได้ดีมาตลอดยกเว้นซีซั่นล่าสุด ความผิดพลาดตั้งแต่แดนบน, แดนกลาง ส่งผลกระทบให้กองหลังต้องเจอภาวะ รับงานหนักตลอดทุกเกม

ดังนั้นปัญหานี้ต้องรีบแก้ไข เจเค จึงคว้าตัว แมก อลิสเตอร์ มาก่อนเลย 

ผมเชื่อว่าเขาน่าจะเข้ากับระบบเกเก้น เพรสซิง ได้แน่ๆ เพียงแต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือ…

เขาจะเล่นตรงไหนในทีม

มันมี2 แบบแผนนะครับ

1 การเล่นกับ ไบรท์ตัน

2 การเล่นกับทีมชาติอาร์เจนติน่า

เริ่มข้อแรกก่อน

ว่าถึงการเล่นกับไบรท์ตัน ทั้งในแบบที่ แกรม พอตเตอร์ ยังทำงานและแบบของ โรแบร์โต้ เดอ แชร์บี้ ทำงาน ผสมผสานกันไป ได้ความว่า อเล็กซิส นั้นคือมิดฟิลด์ ที่สามารถเล่นในระบบ 4-3-3,4-4-2, 4-2-3-1,3-4-2-1 ได้ โดยพื้นที่ประจำการจะเป็นซีกซ้ายของสนามเป็นหลัก

ถ้าระบบ 4-3-3 เขาจะยืนเป็นกองกลางด้านซ้าย

ถ้าระบบ 4-2-3-1 เขายืนได้ทั้งแบบ กองกลางตัวรับคู่ (คู่กับ ไกเซโด้) หรือเป็นเบอร์สิบ กลางตัวรุก อย่างเกมที่ชนะอาร์เซนอล 3-0 เขาคือกลางตัวรุก ส่วนกลางตัวรับคู่ของไบรท์ตันเป็น ปาสกาล กรอส กับ บิล กิลมอร์ 

อย่างนัดเสมอลิเวอร์พูล 3-3 เกมแรกของ เดอ แชร์บี เขาคือกลางตัวรับคู่กับ ไกเซโด ในระบบ 3-4-2-1 โดย สูตรของ เดอ แชร์บี ส่ง เลอันโดร ทรอสซาร์ กับ ปาสกาล กรอส ไปยืนกลางตัวรุกคู่กัน หน้าเป้าคือ แดเนียล เวลเบ็ค หรืออย่างนัดชนะลิเวอร์พูล 3-0 เมื่อกลางเดือนม.ค. เขาเล่นมิดฟิลด์ตัวรับคู่กับ ไกเซโด้ (ตัวรุกคือ อดัม ลัลลานาและ ซาร์เมียนโต) 

จาก 35 นัด 2,886 นาที เขาเล่นตำแหน่งกองกลางตัวรับแบบ ดับเบิล 6 จำนวน 21นัด เล่นกลางตัวรุกหรือเบอร์สิบ จำนวน 11 นัด ยิงประตูทั้งหมด 10 ลูก แอสซิสต์ 2 จากตำแหน่งกลางรุก

สิ่งที่น่าทึ่งคือว่า....จากตำแหน่งกลางตัวรับหรือเบอร์หกนั้นเขายิงประตูได้ 7 ลูก ส่วนกลางรุกยิงได้ 3 เอง....ทั้งที่ใกล้เขตโทษมากกว่าการเล่นกลางตัวรับที่จะสอดขึ้นไปเป็น บ๊อกส์ ทู บ๊อกส์ 

ดังนั้นถ้ามองแทกติกของ ไบรท์ตัน อเล็กซิส แมก อลิสเตอร์ ประจำในตำแหน่ง"ดับเบิล6" และมีผลงานชัดเจนในตำแหน่งนี้ แต่นั่นต้องหมายความว่าต้องมีกองกลางตัวรับอีกคนคอยเฝ้าพื้นที่เป็นหลัก เหมือนที่ ไบรท์ตันมี ไกเซโด ที่ส่วนใหญ่ปักหลักเก็บกวาดบอลจังหวะสองและช่วยตัดเกมเมื่อ อเล็กซิส เติมขึ้นแดนบน

มันมีสถิติจาก opta ระบุเรื่องตำแหน่งการเล่นและผลงานเชิง "ตัวเลข"

ซีซั่นที่ผ่านมานักเตะแดนกลางที่แย่งบอลได้ดี (duels)ที่สุดของลิเวอร์พูลคือ ติอาโก้ อัลคันทารา 57.5% มากกว่า แม็ค อัลลิสเตอร์ 57.3%  เล็กน้อย แต่แดนกลางทั้งทีมหงส์นั้นแย่งบอลได้ 47.5%  ในกลุ่มท๊อปนั้นน้อยกว่าหมดเลย

ส่วนตัวของเขานั้นเล่นกับไบรท์ตันทั้งหมด 149 นัดในลีก แต่ผลงานดีต่อเนื่องนั้นเริ่มต้นจาก 6 นัดสุดท้ายของ แกรม พอตเตอร์ ในทีม ที่เขาได้โอกาสลงสนามต่อเนื่อง ทั้งตัวรุกและกลางตัวรับ

หลังจากจบฟุตบอลโลกนั้น... ผลงานของเขาใน 21 เกมต่อเนื่องแต่จากบทบาทที่ถูกปรับไปหลายตำแหน่ง ทั้งกลางรุก เบอร์สิบ กลางรับเบอร์หกกับ ไกเซโด้ ทำให้ยอดการแย่งบอลของเขาลดลงแต่ผลงานภาพรวมของเขาดีขึ้น ทีมก็ผลงานดีขึ้นจนได้ไปยุโรปครั้งแรกในประวัติศาสตร์

ข้อสองมาดูการเล่นกับทีมชาติอาร์เจนติน่าบ้าง 

เขาติดทีมชาติเมื่อ ก.ย. 2019 สมัยถูกปล่อยตัวยืมให้ โบคา จูเนียร์ส ภายใต้การคุมทีมของ ลิโอเนล สกาโลนี  เขาลงสนาม 16 นัด เฉพาะแชมป์บอลโลกนั้น 6 นัด (เกมแรกสำรอง)

เขาลงสนามนัดแรกในฐานะตัวจริง นั่นคือเกมที่สองของอาร์เจนตินา ซึ่งชนะเมกซิโก 2-0 คือหลังจากแพ้ซาอุดีอาระเบียแบบช้อคโลก สกาโลนี เปลี่ยนแปลงทีมทันที อเล็กซิส คือหนึ่งในนั้น

ทีมเล่นระบบ 4-3-3 เขายืนตำแหน่ง ดับเบิล 8 กับ โรดริโก เดอ ปอล ส่วนมิดฟิลด์ตัวรับนั้นคือ กีโด โรดริเกส แต่จากนั้นเมื่อ เอนโซ เฟร์นานเดส ลงสนามแทน โรดริเกสในตำแหน่งตัวตัดเกม.....ส่วนผสมของ สกาโลนี ออกมาเป็น 3 มิดฟิลด์ในระบบ ดับเบิล 8 และเบอร์6

อเล็กซิส ยืนกับ เดอ ปอล "ดับเบิล8" และ เฟรนานเดส ยืนเบอร์หก จนถึงรอบรองชนะเลิศและนัดชิงมีการปรับระบบการเล่นเป็น 4-4-2 เมื่อ ฮูเลียน อัลบาเรส แจ้งเกิดในการเล่นกับ ลิโอเนล เมสซี ในตำแหน่งหน้าคู่

รอบรองชนะเลิศ เขายืนมิดฟิลด์ด้านซ้าย ด้านขวาคือ เดอ ปอล กลางรับคู่กันคือ ปาเรเดส และ เอ็นโซ หน้าคู่ อัลบาเรส กับ เมสซี

รอบชิงกับฝรั่งเศส  อเล็กซิส ยืนกองกลางด้านซ้าย คล้ายๆปีก แต่เล่นแบบมิดฟิลด์ด้านซ้าย ส่วน ด้านขวา อังเคล ดิ มาเรีย หายกลับมาลงสนามยืนด้านขวา ส่วนกลางรับคู่คือ เอ็นโซ เฟร์นานเดส กับ เดอ ปอล

ดังนั้น...ถ้าดูจากการเล่นที่ไบรท์ตันและทีมชาติอาร์เจนติน่ารอบปีที่ผ่านมา...ตำแหน่งที่ อเล็กซิส แมก อลิสเตอร์มีส่วนร่วมกับทีมมากสุดจะเป็นกองกลางตำแหน่งเบอร์ 8 เล่นตามพื้นที่ด้านซ้ายเป็นหลัก มากที่สุด

คราวนี้ก็ขึ้นกับ เจเค แล้วว่า "วางแทกติก" เอาไว้แบบไหน จะให้ แมก อลิสเตอร์ เล่นตรงไหนและกับใครบ้าง ด้วยเพราะเวลานี้ "ทางเลือก" ของ คล็อปป์ น่าจะหลากหลายมากขึ้นและไม่ยึดกับระบบ 4-3-3 ระบบเดียวอีกต่อไป

เผื่อทางออกเอาไว้หากจำเป็นต้องปรับ ทั้งนักเตะฟอร์มตก, นักเตะบาดเจ็บ ดังนั้นรูปแบบที่แฟนๆเฝ้าฝันถึงและอาจถูกนำมาใช้บ่อยครั้งขึ้นอย่าง 4-2-3-1 มันมีโอกาสเป็นไปได้ 

กระนั้น....ด้วยความเป็นนักเตะที่ทำตาม "จ๊อบ" นายสั่งได้ดี  อเล็กซิส แมก อลิสเตอร์ จึงเป็นกองกลางอเนกประสงค์ที่เล่นได้ทั้งเบอร์ 6,8 และ เบอร์ 10 

ตอนนี้เดากันไปก่อนได้เลยครับ....เพราะเขายังไม่ได้มาซ้อมทีมและยังต้องรอดูช่วงเกมอุ่นเครื่องให้แฟนบอลเห็นกันอีกว่า เจเค จะวางเขาไว้จุดไหนและอย่างไร 

การได้ตัวมาเสริมอย่างรวดเร็วเป็น "ของดี ราคาถูก" และเป็นตัวเลือกในแดนกลางที่เป็นปัญหากับหงส์แดงตลอดซีซั่นที่ผ่านมา ส่วนตัวของเขามาพร้อมทั้งประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีกและความสามารถระดับทีมชาติ

เขาน่าจะเข้าระบบของ เจเค ได้ ไม่ว่าจะวางไว้ตำแหน่งไหน 

เพียงแต่การได้ตัวเกรดทีมชาติมาเสริมแค่คนเดียวคงไม่เพียงพอแน่นอน หากเป้าหมายลิเวอร์พูล จะไปให้ไกลมากกว่า พื้นที่ช.ป.ล 

ถ้าหวังสูงกว่านั้น....ต้องเสริมมากถึง 2-3 คนเลยด้วยซ้ำ

JACKIE


ที่มาของภาพ : getty images
BY : JACKIE
อดิสรณ์ พึ่งยา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport
X