เดอะ พับบลิค อินเวสต์เมนต์ ฟันด์ (พีไอเอฟ) กลุ่มทุนจาก ซาอุดิ อาระเบีย เจ้าของทีม นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ประกาศเทคโอเวอร์สี่สโมสรยักษ์ของประเทศด้วยการถือครองหุ้นก้อนโต 75% เท่ากัน แต่ยืนยันแบ่งแยกทีมบริหารอย่างเป็นเอกเทศ
พีไอเอฟ ซึ่งเทคโอเวอร์ทีม นิวคาสเซิ่ล เมื่อเดือน ต.ค. 2021 ด้วยการถือครองหุ้นเป็นจำนวน 80% ประกาศข่าวใหญ่เมื่อ 5 มิ.ย.ว่าพวกเขาเหมาเทคโอเวอร์สี่สโมสรยักษ์ของประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้วในจำนวนสัดส่วนการถือครองหุ้น 75% ทั้ง อัล อิตติฮัด ทีมแชมป์โปรลีกหมาดๆ ที่ว่ากันว่าจะเป็นต้นสังกัดใหม่ของ คาริม เบนเซม่า อดีตกองหน้าทีม เรอัล มาดริด , อัล ฮิลาล ซึ่งสนใจคว้า ลิโอเนล เมสซี่ สตาร์ทีมชาติ อาร์เจนติน่า , อัล อาห์ลี แชมป์ลีกดิวิชั่นสองรายล่าสุด และ อัล นาสเซอร์ ต้นสังกัดของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กองหน้าทีมชาติ โปรตุเกส
กระนั้นก็ดี พีไอเอฟ ระบุว่าทั้งสี่สโมสรของประเทศจะมีบอร์ดคนละชุดเช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ระดับบริหารแยกขาดจากกันโดยเท่าที่ผ่านมาตามโครงสร้างของประเทศ ทีมลูกหนังในลีกสูงสุดของ ซาอุดิ อาระเบีย จะมีกระทรวงกีฬาของชาติเป็นเจ้าของ กระทั่งล่าสุดทั้งหมดถูกแปรสภาพให้เป็นบริษัทเอกชนแทน
"วันนี้เราขอประกาศว่าสี่สโมสรของ ซาอุดิ อาระเบีย ซึ่งประกอบด้วย อัล อิติฮัด , อัล อาห์ลี , อัล นาสเซอร์ และ อัล ฮิลาล ถูกแปรสภาพให้เป็นบริษัทเอกชนแล้วโดยแต่ละสโมสรจะมี พีไอเอฟ และมูลนิธิที่ไม่แสวงผลกำไรเป็นเจ้าของ" พีไอเอฟ แถลง
"การแปรรูปทั้งสี่สโมสรจะเปิดทางให้มีการทำการตลาดรวมถึงการลงทุน การเป็นพาร์ทเนอร์ และสปอนเซอร์ที่หลากหลาย"
ต่อความเคลื่อนไหวดังกล่าว เชื่อว่า สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) กำลังจับตาดู ขณะที่การเทคโอเวอร์ทีม สาลิกาดง ซึ่ง พรีเมียร์ลีก อนุมัติว่าเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฏหมายหลังมีการยืนยันว่ารัฐบาล ซาอุดิ อาระเบีย จะไม่เข้ามาควบคุมสโมสรเกมความน่ากังขาขึ้นแล้วเมื่อมีการนำกรณีดังกล่าวขึ้นสู่ศาล สหรัฐฯ เมื่อเดือนก.พ. ที่ผ่านมาหลังมีเอกสารระบุว่า ยาซีร์ อัล รูมายยัน ประธานทีม เดอะ แม็กพายส์ มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล ซาอุดิ อาระเบีย
อย่างไรก็ดี พรีเมียร์ลีก ปฏิเสธที่จะคอมเมนต์ว่าพวกเขาจะเปิดฉากสอบสวนเอกสารดังกล่าวหรือไม่