เป็นแค่คนประสานงาน!ชมัดท์เค่อยันคล็อปป์มีอำนาจสูงสุดเรื่องช็อป

ยอร์ก ชมัดท์เค่อ ผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ของ ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยืนยันว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ จะเป็นคนที่มีอำนาจสูงสุดในการตัดสินใจเรื่องการเสริมทัพ

หลังจากตกเป็นข่าวกับ ลิเวอร์พูล มาพักหนึ่ง ในที่สุด ชมัดท์เค่อ ก็เข้ามารับงานผอ.กีฬาคนใหม่ของทีมต่อจาก จูเลี่ยน วอร์ด แต่ในเบื้องต้นสัญญาของเขาจะเป็นระยะสั้นที่มีผลจนถึงจบตลาดการเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้เท่านั้น ส่วนจะมีการต่อสัญญากันหรือไม่มันก็ต้องรอดูผลงานหลังจากนั้นอีกที

ชมัดท์เค่อ เผยกับ สปอร์ต1 สื่อในประเทศเยอรมนีว่า "ในอังกฤษน่ะอิทธิพลของกุนซือในด้านการเสริมทัพมันมีมากกว่าที่ เยอรมนี เพราะที่ เยอรมนี คนเป็นผู้อำนวยการกีฬาจะเป็นคนที่ครองอำนาจทุกอย่าง"

"เจอร์เก้น คล็อปป์ คือคนที่จะกำหนดเรื่องหลักๆ (ว่าต้องการนักเตะแบบไหน) ส่วนเราจะจัดทีมงานด้านวิเคราะห์ข้อมูล, แมวมอง ฯล เพื่อที่เขาจะได้เลือกจากลิสต์รายชื่อนักเตะว่าเขาอยากจะร่วมงานกับคนไหน โดยหลังจากนั้นผมจะจัดการกับเรื่องเสริมทัพโดยที่ร่วมมือกับฝ่ายที่มีอำนาจรับผิดชอบภายในสโมสร และสุดท้ายนั้นคนเป็นเจ้าของก็ต้องพอใจกับการลงทุนด้วย"

"ถ้าหลังจากนั้นเราทุกคนต่างก็มีความรู้สึกถูกใจกันและกันแล้วล่ะก็ เราก็จะสามารถทำงานร่วมกันได้มากกว่าแค่ในตลาดการเสริมทัพรอบนี้ มารอดูกันดีกว่าว่าเราจะได้ร่วมงานกันต่อหลังจากนั้นหรือไม่"

ชมัดท์เค่อ บอกด้วยว่าที่จริงตนรู้จักกับ มาร์ค โคซิคเค่อ เอเยนต์ของ คล็อปป์ มากกว่ากุนซือชาวเยอรมัน พร้อมระบุว่า โคซิคเค่อ คือคนที่แนะนำบอร์ดบริหาร ลิเวอร์พูล ว่าให้ลองจ้างตน "ที่จริงเราก็ไม่ได้สนิทกันถึงขนาดนั้นหรอก เราเคยทำงานใน บุนเดสลีกา ในช่วงเวลาเดียวกัน เขาเป็นโค้ชส่วนผมเป็นผู้อำนวยการกีฬา เรารู้จักกันและกันในระดับหนึ่ง แต่ผมรู้จัก มาร์ค โคซิคเค่อ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของเขามากกว่า"

"เขา (โคซิคเค่อ) ยังมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับเหล่าเจ้าของทีม ลิเวอร์พูล ตอนที่ผู้อำนวยการกีฬาคนปัจจุบันประกาศว่าอยากลาออกจากตำแหน่งด้วยเหตุผลส่วนตัวแล้วน่ะ มาร์ค ก็เป็นคนที่บอกกับเหล่าเจ้าของทีมว่า -ถ้าคุณกำลังหาคนที่มีอายุมากกว่าคนเก่า และมีประสบการณ์มากกว่าสำหรับเฉพาะช่วงตลาดการเสริมทัพแล้วล่ะก็ คุณก็อาจจะอยากลองพิจารณา ยอร์ก ชมัดท์เค่ ดูนะ-"

"ในเบื้องต้นนั้นการทำงานร่วมกันมันถูกกำหนดเอาไว้ที่ 3 เดือน ถ้าเราต่างก็ถูกใจกันและกันแล้วน่ะมันก็อาจจะมีการต่อสัญญาให้มีผลเลยตลาดการเสริมทัพในรอบนี้ก็ได้"