ฉลองแชมป์ยิ่งใหญ่! แมนซิตี้ ชุดสองเบียด เชลซี ซิวถ้วย พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 7

ฉลองแชมป์ยิ่งใหญ่! แมนซิตี้ ชุดสองเบียด เชลซี ซิวถ้วย พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 7
"เรือใบสีฟ้า" ไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวังแม้เกมนี้สลับใช้ ตัวสำรอง แทบยกชุดแต่ไม่มีปัญหารักษาสกอร์จาก ครึ่งแรก เปิดรังเชือด "สิงห์บลูส์" 1-0 จากประตูโทนของ อัลวาเรซ ซัดพาทีมซิวถ้วย พรีเมียร์ลีก 3 ซีซั่นติดแถมเหลือเกมให้เล่นอีก 2 นัดโดยเป็นสมัยที่ 7 ของสโมสรยังอยู่บนเส้นทางลุ้น "ทริปเปิ้ลแชมป์"

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เจ้าบ้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูงซึ่งป้องกันแชมป์ได้สำเร็จแล้วหลัง อาร์เซน่อล บุกไปพ่ายให้ ฟอเรสต์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 7 และ 3 ฤดูกาลติดต่อกัน เกมนี้เปิดเอติฮัด สเตเดี้ยม รับมือ เชลซี ทีมอันดับ 12 ซึ่งไม่มีลุ้นอะไรแล้ว

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่อยู่บนเส้นทางลุ้น "ทริปเปิ้ลแชมป์" ฤดูกาลนี้หลังได้แชมป์พรีเมียร์ลีกแล้ว ทำให้จัดแข้งสำรองลงไปเล่นเกือบยกชุด  ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ยืนหน้าเป้ามี โคล พาลเมอร์, รีโก้ ลูอิส ,ฟิล โฟเด้น และริยาด มาห์เรซ สนับสนุน

ส่วนทางฝั่ง เชลซี ของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือขัดตาทัพจนสิ้นฤดูกาลนี้วาง ไค ฮาแวร์ตซ์ ยืนล่าตาข่ายร่วมกับ ราฮีม สเตอร์ลิง

เปิดฉากมาแค่ 12 นาทีแรก เจ้าบ้าน "เรือใบสีฟ้า" พังสกอร์ขึ้นนำอย่างรวดเร็ว 1-0 จากจังหวะสวนกลับเร็วของ โคล พาลเมอร์ ก่อนจ่ายให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ซัดเข้าไปไม่เหลือ

นาที 29 เจ้าบ้านได้ลุ้นต่อเนื่อง คาลวิน ฟิลลิปส์ ตักบอลกว่าครึ่งสนามให้ ฟิล โฟเด้น หลุดเดี่ยวเข้าไปพยายามยกข้ามหัว เกปา แต่บอลหลุดกรอบอย่างน่าเสียดาย

นาที 33 สิงห์บลูส์ ทิ้งโอกาสทองไล่ตีเสมอหลัง ฮาแวร์ตซ์ แทงทะลุช่องสุดสวยให้ สเตอร์ลิง หลุดเข้าไปดวลกับนายด่านเรือใบแต่จังหวะสุดท้ายยิงไม่คมเองไปติดขา สเตฟาน ออร์เตก้า อย่างน่าเสียดาย

ทีมเยือนโหมกดดันอย่างหนัก นาที 36 ลูอิส ฮอลล์ ครอสมาเสาแรกให้  คอนอร์ กัลลาเกอร์ โฉบมาโขกไปชนเสาก่อนมาโดน สเตฟาน ออร์เตก้า อย่างน่าเสียดาย

จบครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นนำ เชลซี 1-0

นาทีที่ 50 "สิงห์บลูส์" พยายามเร่งเครื่อง ราฮีม สเตอร์ลิง พาบอลแหวกสวนขึ้นมาจี้หาเขตโทษฝากออกซ้ายให้ ลูอิส ฮอลล์ โยกตัดเข้าในตะบันด้วยขวาไปตรงตัว สเตฟาน ออร์เตก้า

2 นาทีต่อมาจากฟรีคิกทางฝั่งซ้าย เอ็นโซ เฟร์นานเดซ ทิ้งยาวเข้าเขตโทษข้ามมาเสาไกลถึง เทรโวห์ ชาลาบาห์ ลอยมาโขกเสียดายเบาไปตรงตัว สเตฟาน ออร์เตก้า

ต่อมานาทีที่ 58 "เรือใบสีฟ้า" หวิดบวกสกอร์เพิ่มจากจังหวะฟรีคิกทางฝั่งซ้าย ริยาด มาห์เรซ หยอดเข้าเขตโทษโค้งตกใส่หัว คาลวิน ฟิลลิปส์ ขวิดผ่านมือ เกปา อารีซาบาลาก้า ไปชนเสาเด้งออกมา

จากจังหวะต่อเนื่อง ทีมเยือน ตอบโต้ทันควัน ลูอิส ฮอลล์ เก็บบอลจี้ขึ้นมาทางฝั่งซ้ายก้มหน้าตะบันแหวกบล็อค จอห์น สโตนส์ ไปติดเซฟ สเตฟาน ออร์เตก้า ล้มตัวควักออกมาหวุดหวิด

65 นาทีผ่าน เชลซี เริ่มทำได้ดีกว่า ราฮีม สเตอร์ลิง หลุดเดี่ยวขึ้นมาจากครึ่งสนามแหวกเข้าเขตโทษดึงจังหวะหลอก ไคล์ วอล์คเกอร์ ได้ช่องล่อเป้าผ่าน สเตฟาน ออร์เตก้า ไปติด จอห์น สโตนส์ หวดทิ้งออกมาจากบนเส้น

ต่อมาเป็น โนนี่ มาดูเอเก้ ตัวสำรองเก็บบอลทางซ้ายโยกฝากเข้าในให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ได้ช่องลองปั่นด้วยซ้ายบนเส้น 18 หลาโค้งไปเข้ามือ สเตฟาน ออร์เตก้า รับเอาไว้ได้ไม่พลาด

นาทีที่ 71 "เรือใบสีฟ้า" หวิดได้ประตูเพิ่ม สเตฟาน ออร์เตก้า วางบอลยาวออกขวาให้ ริยาด มาห์เรซ หลุดเข้าเขตโทษฝั่งขวาถวายพานเข้าในให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ชาร์จตุงตาข่าย เสียดายโดน วีเออาร์ ย้อนจับแฮนด์บอล มาห์เรซ

ช่วงทดเจ็บ เชลซี หวิดตีเสมอหลายครั้งทั้งจาก เซซาร์ อัซปิลิกวยตา สอดมาชาร์จหน้าเขตโทษก่อนเป็น เทรโวห์ ชาลาบาห์ ลอยมาโขกส่งท้ายก็ยังไม่ดีเหินข้ามคานอย่างน่าผิดหวัง

หลังจากนั้นไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1 เชลซี 0

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (3-2-4-1) : สเตฟาน ออร์เตก้า ; ไคล์ วอล์คเกอร์, มานูเอล อาคานจี, อายเมอริค ลาปอร์ต์ก ; คาลวิน ฟิลลิปส์, เซร์คิโอ โกเมซ ; ริยาด มาห์เรซ, รีโก้ ลูอิส, ฟิล โฟเด้น, โคล พาลเมอร์ ; ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ

เชลซี (3-4-1-2) : เกปา อารีซาบาลาก้า ; เทรโวห์ ชาลาบาห์, ติอาโก้ ซิลวา, เวสลี่ย์ โฟฟาน่า ; เซซาร์ อัซปิลิกวยตา, เอ็นโซ เฟร์นานเดซ, รูเบน ลอฟตัส-ชีค, ลูอิส ฮอลล์ ; คอนอร์ กัลลาเกอร์ ; ไค ฮาแวร์ตซ์, ราฮีม สเตอร์ลิง

ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์  


ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport