ลิเวอร์พูลปลุกตัวเองขึ้นมาจากเถ้าถ่านอีกครั้ง

ลิเวอร์พูลปลุกตัวเองขึ้นมาจากเถ้าถ่านอีกครั้ง
ชัยชนะของลิเวอร์พูลที่ คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม เมื่อคืนวันจันทร์คือชัยชนะที่หนักแน่น

หนักแน่น สมบูรณ์ และสะท้อนความแตกต่างระหว่างพวกเขากับ เลสเตอร์ ซิตี้ เจ้าบ้านออกมาอย่างชัดเจน

มันเป็นช่วงเวลาที่ลิเวอร์พูลกำลังเครื่องติด ความมั่นใจเต็มเปี่ยม เคมีลงตัวร้อนฉ่าพุ่งทะยานไปข้างหน้า ขณะที่เลสเตอร์ ซิตี้ อ่อนล้าหมดแรง ปราศจากความเชื่อมั่น ความเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมที่จำเป็นต้องเสี่ยงลงมือก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ดีน สมิธ ไม่สามารถปลุกพลังต่อสู้กลับคืนมาได้

90 นาทีของเกมเมื่อคืนนี้จึงเป็นภาพของการเจอกันระหว่างทีมหนึ่งที่ 'หยุดไม่อยู่' กับอีกทีมที่ 'กู่ไม่กลับ'

ผมเอาใจช่วยเลสเตอร์ ซิตี้ ได้เห็นถึงความรักที่แฟนบอลเมืองนี้มีต่อคุณวิชัยผู้ล่วงลับและคุณต๊อบอัยยวัฒน์ผู้เป็นทายาทแล้วก็รู้สึกภาคภูมิใจไปกับตระกูลศรีวัฒนประภาด้วย แต่สิ่งที่เป็นอยู่ ณ เวลานี้ต้องยอมรับว่าทีมจิ้งจอกสีน้ำเงินคงต้องเหนื่อยมากจริงๆ กับภารกิจหนีตกชั้นในอีก 2 เกมที่เหลือ

เป็นกำลังใจและช่วยลุ้นไปด้วยให้เลสเตอร์ทำสำเร็จล่ะครับ ฤดูกาล 2014/15 พวกเขาก็เคยโกงความตายชนะ 7 จาก 9 เกมสุดท้ายเอาตัวรอดเหลือเชื่อมาแล้วก่อนที่จะเดินหน้าสร้างเทพนิยายยิ่งใหญ่ได้ต่อในซีซั่นถัดมา

ส่วนลิเวอร์พูล.. ความตื่นเต้นกลับมาอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว มันค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

ในฤดูกาลแห่งความห่อเหี่ยวที่เต็มไปด้วยเสียงคร่ำครวญ อารมณ์เดือดดาล และความไม่เข้าใจ ปัญหาน้อยใหญ่ทั้งในสนามและนอกสนามผุดขึ้นมาไม่เว้นแต่ละวัน โถมถั่งฟาดตีรุนแรงจนแทบทนไม่ไหว ทว่าในที่สุดแล้วลิเวอร์พูลก็ยังกลับมาอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องได้อีกครั้ง

ทันเวลาไหมไม่รู้หรอก.. แต่ลิเวอร์พูลกลับมาได้จริงๆ

กลับมาได้ด้วยการทำงานหนักของ เจอร์เก้น คล็อปป์ และทุกๆ คนในทีม

กลับมาได้ด้วยความพยายามหาทางออกของปัญหา เยือกเย็นให้ถึงที่สุดในวันที่มืดมนและคุกรุ่นไปด้วยแรงโทสะ ไม่ตีโพยตีพายโยนความผิดให้กัน ก้มหน้าก้มตาทำงานหาวิธีการที่เหมาะสมที่สุดภายใต้ข้อจำกัดที่มี

แล้วคล็อปป์กับลูกทีมของเขาก็ทำได้อย่างน่าชื่นชม ด้วยการตั้งหลักใหม่ ตั้งสติใหม่ วางโฟกัสให้ชัดเจนอีกครั้ง ปรับแนวทางการเล่นด้วยรายละเอียดใหม่ๆ ที่นำมาทดลองใช้ แล้วมันก็ถูกประกาศความสำเร็จออกมาด้วยการเดินหน้าเก็บชัยชนะ 7 เกมติดต่อกัน

ในฤดูกาลนี้มีเพียง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ อาร์เซน่อล เท่านั้นที่มีสถิติชนะ 7 นัดติดต่อกันในพรีเมียร์ลีก ทีมเรือใบสีฟ้าเพิ่งมาทำได้ในช่วงเข้าเบรกยาวล่าสุดนี่เอง นับตั้งแต่เกมสุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์แชมป์เก่าชนะรวดมาแล้ว 11 เกมซ้อนและยังคงไปต่อ เกมรับมือเชลซีวันอาทิตย์นี้ถ้าเก็บสามคะแนนได้ไม่เพียงจะเป็นการชนะ 12 นัดรวดเท่านั้นแต่ยังจะเป็นเกมฉลองแชมป์อีกสมัยด้วย

ขณะที่ทีมปืนใหญ่ทำได้ในช่วงใกล้ๆ กัน คือตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ลากยาวตลอดเดือนมีนาคมก่อนจะถูกหยุดความร้อนแรงไว้ที่ 7 เกมติดต่อกันด้วยผลเสมอ 2-2 ที่แอนฟิลด์เมื่อวันที่ 9 เมษายน

ลิเวอร์พูลคือทีมที่สามที่ทำได้ในฤดูกาลนี้ และถ้าเอาชนะ แอสตัน วิลล่า ที่แอนฟิลด์ได้ในวันเสาร์นี้ พวกเขาจะคว้าชัย 8 นัดติดต่อกันในลีก ขึ้นไปเป็นรองแค่แมนฯ ซิตี้ ทีมเดียว

มันก็ไม่เลวเลยสำหรับทีมที่กระเสือกกระสนมาตั้งแต่เกมแรกของฤดูกาล อาการบาดเจ็บกับฟอร์มตกรุมเล่นงานจนผิดแผนไปหมด

กระนั้นชัยชนะ 7 เกมติดต่อกันที่อาจจะยังไม่หยุดแค่นี้ก็ยังไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าความน่าไว้วางใจที่มากขึ้นทุกที เพราะเมื่อมองไปในรายละเอียดของมันเราจะเห็นว่าความผิดพลาดค่อยๆ ถูกลดทอนลงไปเรื่อยๆ

ลิเวอร์พูลเริ่มต้นซีรี่ส์ชนะต่อเนื่องด้วยการบุกถล่ม ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่เอลแลนด์ โร้ด 6-1 ช่วงกลางเดือนเมษายน

นับหนึ่งเกมนั้นไม่มีปัญหาให้วิตก แต่หลังจากนั้นจะพบว่าพวกเขาเก็บสามคะแนนพร้อมข้อสงสัยเกิดขึ้นเรื่อยมา ยังไม่มีความแน่นอนให้วางใจ

นับสอง ชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ที่แอนฟิลด์ 3-2.. นำ 1-0 ถูกตีเสมอ 1-1 นำ 2-1 ถูกตีเสมอ 2-2 และมาได้ประตูชัยในนาทีที่ 70

นับสาม บุกชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-1.. โดนนำก่อนเร่งยิงแซง ประตูชัยมาถึงนาทีที่ 67

นับสี่ รับมือ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ที่แอนฟิลด์ เดอะค็อปแทบจะทึ้งผมด้วยความโมโห นำ 3-0 โดนตีเสมอ 3-3 นาที 90+3 แต่โชคดีได้ของขวัญจากลูกัส มูร่า ให้ ดีโอโก้ โชต้า ยิงเบียด 4-3 นาที 90+4

หัวใจแทบวาย..

เกมเฉือนไก่เดือยทองมีเสียงบ่นกันขรม แต่บางทีมันอาจเป็นจุดตั้งต้นสำคัญที่ทำให้ลิเวอร์พูลยิ่งเน้นกว่าเดิม มีชัยชนะสี่เกมติดต่อกันเป็นฐานแล้วต่อยอดด้วยความรัดกุม เพราะนับจากเกมนั้นมาลิเวอร์พูลลงสนามอีก 3 นัดรวมเมื่อคืนนี้ อลีสซง เบ็คเกอร์ ไม่ต้องเข้าไปเก็บบอลที่ก้นตาข่ายอีกเลย

นับห้า เฉือนชนะ ฟูแล่ม ที่แอนฟิลด์ 1-0

นับหก เบียดชนะ เบรนท์ฟอร์ด ที่แอนฟิลด์ 1-0

นับเจ็ด.. บุกกระซวก เลสเตอร์ ซิตี้ 3-0

ทั้งสามเกมนี้ไม่เพียงลิเวอร์พูลจะขันเกมรับแน่นไม่เสียประตูเท่านั้น แต่ยังชิงทำประตูขึ้นนำได้ตั้งแต่ครึ่งแรกอีกด้วย มันช่วยผ่อนคลายความกดดันได้เร็วก่อนจะรักษาความได้เปรียบไปตลอดรอดฝั่ง

มันคือชัยชนะ 7 เกมซ้อนที่แม้แต่ละเกมจะได้ 3 คะแนนเป็นรางวัลเหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือพัฒนาการของความเชื่อมั่นและวางใจได้มันมากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละเกม

และความเชื่อมั่นนี้เกิดขึ้นทั้งกับนักเตะในทีมและแฟนบอล

ความมั่นใจของ เคอร์ติส โจนส์ ที่ได้ลงสนามต่อเนื่องจนการเล่นระหว่างเขากับเพื่อนร่วมทีมหลอมรวมเข้ากันมากขึ้นและทำสองประตูที่ยอดเยี่ยมในเกมล่าสุด

ความมั่นใจของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กับบทบาทกองกลางยามที่ทีมตั้งเกมรุก ผลงานดี เสียงเชียร์กลับมาแทนเสียงด่า นั่นยิ่งช่วยเป็นแรงผลักดันให้เขาอยากทำให้ดียิ่งขึ้นไปอีก

ความมั่นใจของผู้เล่นเกมรุก การประสานงานที่ไหลลื่น ทีมเวิร์กบวกความสามารถเฉพาะตัวเจาะกำแพงเกมรับของฝ่ายตรงข้าม โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงไม่ได้เมื่อคืนแต่ยังทำแอสซิสต์แบบแฮตทริก

ความมั่นใจของผู้เล่นเกมรับ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ มีลูกทีมคอยช่วยแบ่งเบาภาระรอบตัวในวันที่เขายังไม่กลับไปแข็งแกร่งอย่างเดิม อิบราฮิมา โกนาเต้ พึ่งพาได้ และการปัดกวาดของ ฟาบินโญ่ ที่กลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีอีกครั้งเมื่อคนอื่นๆ ในทีมทำงานได้ดี

ความมั่นใจของนักเตะใหม่อย่าง โกดี้ คักโป ความมั่นใจของคนที่หายเจ็บยาวกลับมาอย่าง ดีโอโก้ โชต้า และ หลุยส์ ดิอาซ

ความมั่นใจของ เจอร์เก้น คล็อปป์ และรอยยิ้มของเขากับการแก้ไขที่ถูกทาง

ความมั่นใจของแฟนบอล เสียงร้องตะโกนจากเดอะค็อปกู่ก้องอีกครั้ง

มันเต็มไปด้วยพลัง และความฮึกเหิม

ยิ่งผ่านไป ความอุ่นใจก็ยิ่งมากขึ้น ความเชื่อเริ่มกลับมา

อารมณ์ร่วมของแฟนบอลที่เคยถอดใจไปแล้วคืนมาอีกครั้ง.. ฤดูกาลนี้ที่โยนทิ้งไปแล้วถูกหยิบขึ้นมาจากถังขยะ.. ความหวังที่หมดไปแล้วถูกกระชากกลับมาจากนรก

ไม่ต้องรอฤดูกาลใหม่แล้ว ฤดูกาลนี้ก็ยังสนุกได้ และสนุกกับมันอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องสนผลสุดท้ายด้วย

เข้าสู่ 2 เกมสุดท้ายของฤดูกาล ลิเวอร์พูลจะได้พักเต็มกำลังก่อนรับมือ แอสตัน วิลล่า และยังได้พักอีกเต็มอิ่มก่อนบุกเยือน เซาธ์แฮมป์ตัน ในวันปิดซีซั่น

ไม่มีอีกแล้วความซึมเซาและเหงาหงอย เมื่อเหงื่อทุกหยาดที่เสียไปได้ผลตอบแทนกลับมาด้วยผลงานน่าชื่นชม

ผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นอย่างไรไม่รู้หรอกนะครับ จะทันหรือไม่ทันก็ไม่อาจคาดเดาได้ด้วยโอกาสไม่ได้อยู่ในมือเรา แต่การกลับมาได้อย่างนี้คงไม่มีใครลืมลง

ชนะ 7 นัดติด สู่เป้าหมายชนะ 9 นัดติด..

ลิเวอร์พูลปลุกตัวเองขึ้นมาจากเถ้าถ่านอีกครั้ง มันเกิดขึ้นเป็นหนที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ คล็อปป์กับขุนพลของเขาเดินเข้าสู่สองเกมสุดท้ายด้วยอารมณ์ร่วมที่ทรงพลัง และมันอาจจะทันเวลาก็ได้..

ตังกุย


ที่มาของภาพ : getty images
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport