บ๊ายบายนักบุญ

ยุค 80 สมัยผมอยู่มัธยม "นักบุญ" หรือ  The Saint เป็นทีมขนาดเล็กแฟนบอลระดับ 15,000 คน แต่ก็อยู่ลีกสูงสุดได้ไม่อายใคร นอกจาก คีแกน, ชิลตัน มือกาวทีมชาติอังกฤษแล้ว ยัง มี มิค แชนนอน ดาวยิงที่ติดทีมชาติอังกฤษยุคนั้นเกือบ 50 นัด

อีวาน โกลัค แบ๊กขวายูโกสลาเวียเดิม นักเตะต่างชาติคนแรกของนักบุญ เล่นนานเลยเกือบสิบปี ตามด้วยนักเตะยุคคาบเกี่ยวดิวิชั่นหนึ่งกับพรีเมียร์ลีกอย่าง แมทธิว เลอทิสซิเอร์ เพลย์เมคเกอร์จอมเทคนิค ที่เปิดบอลแม่น ยิงคม และฟรีคิกอันตราย เขาอยู่ในชุดที่ชอบชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเดอะ เดลล์ บ่อยๆ

ยุคพรีเมียร์ลีกน่าภูมิใจอยู่นะครับ "เด็กสร้าง" เซาธ์ ที่ถูกซื้อไปเล่นทีมใหญ่จนกลายเป็นยอดขุนพลระดับทีมชาติและระดับโลกหลายคน

อลัน เชียเรอร์, แกเรธ เบล , ธีโอ วัลคอตต์, อเลกส์ ออก์เลด แชมเบอร์เลน, ริคกี แลมเบิร์ต มาจนถึง เจมส์ วอร์ด พราวส์....

ตำนานเหล่านี้....ล้วนแล้วแต่สร้างชื่อให้เซาธ์แฮมป์ตันโด่งดัง นั่นคืออดีตอันหอมหวานของนักบุญ เพียงแต่วันนี้แฟนๆกำลังจะกลับไปเริ่มต้นร้องเพลง  Oh when the Saint go marching in.....ในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ  

หลังจากเซาธ์แฮมป์ตันแพ้ฟูแลม คาบ้าน 0-2 ส่งผลให้แต้มที่เหลืออีกหกนั้นไม่เพียงพอต่อการอยู่รอด และต้องตกชั้นอย่างเป็นทางการเป็นทีมแรกของพรีเมียร์ลีก ส่วนที่เหลืออีกสองโคต้า จะเป็นใครระหว่างสี่ทีมดังคงต้องลุ้นกันนัดต่อนัด 

ทีมหนีตายและอยู่พื้นที่เสี่ยงมี4 ทีมหลักๆให้พิจารณา

16 ฟอเรสต์ 34 

17 เอฟเวอร์ตัน 32 (35 นัด)

18 ลีดส์ 31

19 เลสเตอร์ 30 (35 นัด)

20 เซาธ์แฮมป์ตัน 24......ตกชั้นแล้ว

คืนนี้ทอฟฟี รับมือ แมนฯซิตี้.....คิดว่ารอดมั้ย

คืนวันจันทร์ เลสเตอร์ รับมือลิเวอร์พูล ผู้มีความหวังไปช.ป.ล จะออกผลยังไง

แม้มีเวสต์แฮม 37 คืนนี้เยือน เบรนต์ฟอร์ด แต่ดูทรงแล้วขออีกแต้มสองแต้มก็น่าจะรอดง่ายกว่ากลุ่มตารางคะแนนข้างต้นนั่น

ตามทฤษฎีพรีเมียร์ลีกนับจากเหลือ 20 ทีมเมื่อปี 1995 

เขาระบุไว้ที่ 40 แต้มรอดชัวร์

ด้วยเพราะตัวเลข 40 แต้มแล้วตกชั้น มีเกิดขึ้นอยู่ 3 ครั้งด้วยกัน ไล่เรียงตามปีเลยนะครับ

1997 ซันเดอร์แลนด์

1998 โบลตัน

2003 เวสต์ แฮม

สามทีมนี้มี 40 แต้มแล้วดันตกชั้น.....มหาซวยเลยละครับ

เอาจริง 34 แต้มก็รอดได้นะครับ.....แต่นานทีปีหน นี่คือแต้มที่ตกชั้นและรอดชั้นได้อีกต่างหาก ตัวเลขเฉลี่ยไม่ตกชั้นโดยมีแต้มน้อยกว่า 40 อยู่ระหว่าง 34-36 แบบแต้มต่ำสุดนะครับ

ส่วนซีซั่นนี้อาจได้ทีมตกชั้นก่อนนัดสุดท้ายครบแล้วก็ได้...หรืออาจลุ้นอีกสองทีมในนัดสุดท้ายก็ได้ ตอนนี้ยังมองไม่ออก เพราะหลายปีทีมที่ลุ้นว่าจะไม่รอด แต่สุดท้ายรอดก็มี

ของแบบนี้....ไม่มีอะไรตายตัวตามหน้ากระดาษและตารางคะแนน

อ้อ....ผมเขียนเรื่องการตกชั้นอย่างละเอียดในสตาร์ซอคเก้อร์ รายวัน หาอ่านกันได้เช้าพรุ่งนี้...ใน7-11 

ขอยกตกอย่างประกอบเล็กน้อยก่อนไปว่ากันถึงเบื้องหลังนักบุญตกชั้น

การต่อสู้นัดสุดท้าย... The Great Escape

36 แต้มรอด....มีแบรดฟอร์ด, ฟูแลม, เวสต์ บรอม, เซาธ์แฮมป์ตัน, ไบรท์ตัน รอดพ้นการตกชั้นที่ 36 แต้ม ขอเลือกแบรดฟอร์ด หนึ่งทีม พวกเขาไม่ตกชั้นเพราะเฉือนลิเวอร์พูล 1-0 จากเดวิด วีเธอรัลล์ น.12 ซึ่งหงส์แดงลุ้นไปช.ป.ล ในยุคของ เชราร์ อุลลิเยร์ ซีซั่น 1999-2000 

แบรดฟอร์ด รอด...หงส์ ไปเตะยูฟา คัพเดิม

35 แต้มรอด....ฮัลล์ ซิตี ซีซั่น 2008-09 ภายใต้การคุมทีมของ ฟิล บราวน์ นั้นขึ้นชั้นมาครั้งแรก ช่วงออกตัวถึงกับอยู่อันดับสามของตารางคะแนน แต่จากนั้นก็ดรอปลงมาจนลุ้นว่ารอดไม่รอด ได้ผลเสมอกับโบลตัน แค่แต้มเดียวที่เหนือกว่า นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ซึ่ง อลัน เชียเรอร์ รักษาการ ผ.จ.ก. ในช่วงเม.ย.ถึงพ.ค. เก็บได้ 34 แต้ม 

สาลิกาดง ตกชั้น....

ทีมเชียร์ของคุณ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็น่าตกชั้นอยู่เพราะเปลี่ยนโค้ชถึง 4 คน ตั้งแต่ เควิน คีแกน, คริส ฮิจว์ตัน, โจ คินเนียร์, คริส ฮิวจ์ตัน, อลัน เชียเรอร์ แล้วพอตกชั้นก็ไปตาม คริส ฮิวต์ตัน มาทำ นี่แหละผลงานของอดีตประธาน ไมค์ แอชลีย์ 

34 แต้มรอด...กลุ่มนี้มันมากครับ ซีซั่น 2004-05 สมัยผมนั่งบรรยายฟุตบอลที่ทรู วิชันส์ อยู่ครับ ช่วงนั้นงานพีคมากทั้งช่อง7 อ่านข่าวกีฬาเช้า-กลางวัน-เย็น และทรู วิชันส์ พากย์บอลตอนเสาร์, อาทิตย์และกลางสัปดาห์ 

เกมนั้นผมจำไม่ได้ว่าพากย์คู่ไหนในนัดสุดท้าย แต่ต้องรายงานผลเกมที่มีส่วนพัวพันกับการตกชั้นด้วย

สกายสปอร์ต พาดหัวทางทีวีก่อนลงสนามว่า ‘Survival Sunday’

เวสต์บรอม ของไบรอัน รอบสัน คือทีมแรกที่อยู่ "บ๊วย" วันคริสต์มาส แล้วไม่ตกชั้นเมื่อจบฤดูกาล พวกเขายันเสมอแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นัดที่ 37 จากนั้นเล่นในฮอว์ธอร์น นัดสุดท้าย ต้องชนะเอาไว้ก่อนแล้วลุ้นผล คริสตัล พาเลส และนอริช ถ้าสองทีมหลังชนะด้วย เวสต์บรอมก็ตกชั้นที่ 34 แต้ม

ความตื่นเต้นอยู่ที่พวกเขาแข่งจบก่อนทำหน้าที่ของตัวเองแล้วมี 34 แต้มจากการชนะ พอร์ตสมัธ 2-0 รอลุ้นผลสองสนามซึ่ง เมื่อถึงช่วงใกล้หมดเวลาเหลือสนามเดียวที่ลอนดอน ชาร์ลตัน กับ พาเลส ส่วน นอริช ที่ได้เปรียบเขาก่อนลงสนามมี 33 แต้ม โดนฟูแล่มยำใหญ่ 6-0 ตกชั้นไปแล้วทั้งที่เกมยังไม่จบ

ผลปรากฏว่าเกมที่ชาร์ลตันนั้นจบด้วยผลเสมอกับพาเลส 2-2 เท่ากับพาเลส ได้มาแต้มเดียวเพิ่มอีกเป็น 33 เวสต์ บรอม รอด...แฟนบอลวิ่งลงสนามนับหมื่นฉลองการอยู่รอดในพรีเมียร์ลีก

อะไรคือเหตุผล...ที่ต้องตกชั้น

เหตุผลไม่มีอะไรมากครับ การบริหารจัดการล้วนๆเลย แฟนนักบุญต้องโทษแนวนโยบายของผู้บริหารทีมกลุ่มทุน  Sport Republic  ที่บริหารงานโดย ราสมุส อังเคอร์เซน อดีตนักเขียน, นักพูดที่ผันตัวเองมาเป็นนักธุรกิจฟุตบอล ร่วมก่อตั้งบริษัทนี้กับ เฮนริก คราฟต์ นักธุรกิจการเงินที่เคยบริหารบริษัทเงินทุนนอกตลาดหลักทรัพย์หรือ private equity firm 

ภายใต้ความร่วมมือกับเจ้าพ่อสื่อเซอร์เบีย ที่มีข่าวเรื่อง "ฟอกเงิน" ชื่อ ดรากัน โซลัค ถ้าถามว่าใครคือคียแมน บริษัทนี้ คำตอบคือ โซลัค นีแหละครับ โดยคนออกหน้าเป็น ราสมุส และ คราฟต์ (ที่โลว์โพรไฟล์) 

ราสมุสคือ  CEO บริษัทนี้ (เคยเป็นผ.อ.ฟุตบอลเบรนต์ฟอร์ด) ยื่นซื้อกิจการนักบุญจาก กั๊ว จื่อเช็ง เจ้าของเดิมเซาธ์แฮมป์ตัน กวาดไป 80% เมื่อ 4 ม.ค. 2022 เท่ากับว่าบริหารทีมได้ปีกว่าๆ พาตกชั้นซะแล้ว

นอกจากนี้ยังไปซื้อทีมตุรกี เกิทเตเป เอสเค อีก 70% มาบริหารอีก.....ทีมเดียวยังเอาตัวไม่รอดเลย ว่ากันแบบนั้น

แม้ว่า...ราสมุส ใช้นโยบายเดิมๆซื้อดาวรุ่ง, ซื้อถูกขายแพงเหมือนยุคผู้บริหารจีน พวกเขาได้ นายประตู เกวิน บาซานู, อาร์เมล เบลลา-คอตชัป, โรเมโอ ลาเวีย, ดูเย กาเลต้า-ชาร์, โจ อารีโบ เป็นต้น แต่ปรากฏว่าไม่เวิร์คเลย ดาวรุ่ง และนักเตะราคาถูกทั้งหลายไม่สามารถเซฟทีมได้ เพราะตั้งแต่เปิดซีซั่นผลงานย่ำแย่จนต้องแยกทางกับ ราล์ฟ ฮาเซนฮุตเทิล ก่อนบอลโลกเริ่มต้น 

ตอนนั้นนักบุญมี 12 แต้มจาก 14 เกม

พอเปลี่ยนเป็น เนธาน โจนส์ ผ.จ.ก. จากลูตัน ทาวน์ ทีมระดับเดอะ แชมเปี้ยนชิพ คนละเกรดกับ ราล์ฟเลย แถมมาปรับสไตล์การเล่นบอลโยนอีก ดัน เจมส์ วอร์ด-พราวส์ ไปเล่นเบอร์สิบโน่นเลย 

แฟนบอลด่ากันเช็ด....แพ้สี่นัดรวด 

ช่วงตลาดสองเปิดทุ่มเงินดึงตัว ซูเลมานา, มิสลาฟ ออร์ซิช, คาร์ลอส  อัลคาราส, พอล โอนูอาชู ก็ยังไม่ใช่นักเตะเกรดที่พร้อมช่วยให้ดีขึ้น โจนส์ โดนไล่ออกก.พ. หลังทำงาน 95 วัน

สุดท้ายต้องเลือก รูเบน เซเยส อดีตมือขวาของ ราล์ฟ ที่ดึงมาช่วงซัมเมอร์ ก็เป็นคนที่มาทำให้ดีขึ้นบ้างเพราะกลับมาเล่นสไตล์บอลเพรสซิงแบบราล์ฟ แต่...คุณภาพนักเตะในทีมต้องยอมรับว่า "กระดูก" เบอร์เล็ก เกินไป  สู้มาเรื่อยๆจนถึงเกมล่าสุดแพ้ฟูแล่ม คาบ้าน 0-2 ตกชั้นอย่างเป็นทางการทีมแรก

เรื่องในสนามผมเฉยๆนะครับ...เพราะถ้าการบริหารนอกสนามดี จะทำให้ทีมนิ่ง ได้โค้ชดี, นักเตะดีๆเข้ามา เรื่องการทะเลาะเบาะแว้งในห้องแต่งตัวมันปลายเหตุแล้ว จริงๆการซื้อนักเตะมาหลากหลายชาติพันธุ์ มีเหตุผลเดียวคือ "ปั้นเพื่อขาย" ตรงนี้คือเรื่องละเอียดอ่อน

กระนั้น....สถานการณ์ในทีมมันอยู่โซนตกชั้นมาตั้งแต่เริ่ม พอเปลี่ยนโค้ช ก็เปลี่ยนรูปแบบ สุดท้ายสถานการณ์ก็พาให้นักเตะทะเลาะกันอยู่เรื่อยๆ ในห้องแต่งตัว อันนี้ปลายเหตุแล้ว...

ดังนั้นต้นเหตุ ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตกชั้นของเซาธ์แฮมป์ตันคือ...sport republic 

ที่เข้ามาบริหารทีมปีครึ่ง จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่พาทีมนักบุญไปเริ่มต้นในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ อีกครั้ง

ที่เหลือจากนี้จะเอาไง.....รูเบน เซเยส จะได้ทำงานต่อไปหรือไม่

เจมส์ วอร์ด-พราวส์ และนักเตะฝีเท้าดีหลายคนในทีมจะถูกขายออกไปหรือไม่ เพราะตามหลักการแล้วตกชั้น "เงินสูญ" เกิน 100 ล้านปอนด์ ดังนั้นต้องขายนักเตะเพื่อหารายได้ ลดรายจ่าย เรื่องปกติ

ส่วนเรื่องฟุตบอลจะกลับหรือไม่กลับมาในปีเดียวก็คงต้องลุ้นกันละครับ เพราะหลายทีมตกชั้นแล้วยังไม่กลับมา บางทีมตกชั้นปีเดียวก็ขึ้นมา (ยากมาก) ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้  sport republic ในฐานะเจ้าของทีมคงต้องออกแรงมากขึ้นกว่าตอนอยู่ในพรีเมียร์ลีกด้วยซ้ำ

JACKIE